บทที่ 356 มีชีวิตอยู่เพื่อการแก้แค้นเท่านั้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 356 มีชีวิตอยู่เพื่อการแก้แค้นเท่านั้น

มีลางสังหรณ์ก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาอาจจะมาเพราะเรื่องของฮัวหยู่อัน คาดไม่ถึงว่ามันจะยุ่งยากขนาดนี้

“เทพธิดา เจ้ารู้จักหยู่อันหรือ”

คนที่พูดในเวลานี้คือโม่ซาง เทพธิดาสามารถเรียกชื่อเต็มของฮัวหยู่อันได้ เขาจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

สุดท้ายแล้ว!

แต่พวกเขาก็ไม่เคยพูดชื่อเต็มของฮัวหยู่อัน

“ตอนที่ช่วยพวกเจ้าครั้งที่แล้ว ก็เคยได้ยินโม่เหลียงเฉินพูดขึ้นมา”

หลานเยาเยาพูดไม่ออกเล็กน้อย สถานการณ์กำลังจวนตัว ยังจะถามคำถามไร้สาระอีก “รีบบอกมา นางจะไปแก้แค้นใคร”

“คนของยิงจวน!”

“เพราะเหตุใด” หลานเยาเยาประหลาดใจเล็กน้อย

เหตุใดฮัวหยู่อันจึงต้องตามล้างแค้นคนของยิงจวน

คนของยิงจวนเป็นผู้ที่นางเกรงกลัวที่สุดมิใช่หรือ

เพียงแค่หนึ่งในยิงจวนยายเมิ่งของยิงจวนก็เพียงพอที่จะทำให้นางรับมือไม่ไหวแล้ว นางไปคนเดียว อีกทั้งยังงบาดเจ็บสาหัส นี่คือการไปตายอย่างไม่ต้องสงสัย

“เพราะเมื่อสามปีก่อน ผู้อาวุโสสองสามคนของชนเผ่าหยินไห่ได้ก่อกบฎขึ้น ราชครูใหญ่ของราชวงศ์เก่าได้ควบคุมคนโดนมนต์ดำไว้ในชนเผ่าเพราะไม่ให้แพร่กระจายไปยังผู้อื่น

ไม่รู้ว่านักฆ่ายิงจวนโผล่ออกมาจากที่ใด ด้านหนึ่งก็คอยขัดขวางการโจมตีของคนโดนมนต์ดำ อีกด้านหนึ่งก็เข่นฆ่าชาวบ้านของชนเผ่า

ต่อมาก็ไม่รู้ว่าคนโดนมนต์ดำถูกโจมตีจนตายทั้งหมดได้อย่างไร แต่นักฆ่าของยิงจวนก็ยังคงเข่นฆ่าชาวบ้านต่อไป

เพื่อปกป้องหยู่อัน เจี่ยนหมิงจึงถูกคนของยิงจวนฆ่าตาย หลังจากนั้นก็ได้ยินว่าเพื่อนสนิทของนางคนหนึ่งก็ได้ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของราชครูใหญ่ของราชวงศ์เก่าเช่นกัน

หยู่อันจึงให้คำสาบานต่อฟ้า ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อการแก้แค้นเท่านั้น และคู่แค้นของนางคือราชครูใหญ่ของราชวงศ์เก่าและยิงจวน

หลังจากนี้!

นางก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง นอกจากการฝึกวรยุทธ์ ก็คือการไปแก้แค้น

เป็นเวลาสามปีแล้ว นางฆ่าคนไปมากมาย บาดแผลบนร่างกายที่เพิ่งจะหายดี ก็มีบาดแผลใหม่เพิ่มขึ้น แต่นางกลับไม่เคยหยุดแก้แค้น”

หลังจากฟังจบ

ในใจของหลานเยาเยาก็รู้สึกเป็นกังวล

นางรู้มาตลอดว่าฮัวหยู่อันเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง และไม่คิดว่าจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว

“รู้ไหมว่านางจะไปปรากฏตัวอยู่ที่ใด”

หลานเยาเยารู้ว่าสาขาใหญ่ของยิงจวนอยู่ที่ใด แต่สาขาใหญ่กลับไม่ได้อยู่ในประเทศก่วงส้า ฮัวหยู่อันไม่มีทางที่จะไปสาขาใหญ่ได้

ดังนั้นนางจึงไปได้เพียงสาขาย่อย แต่สาขาย่อยของยิงจวนมีมากมายขนาดนั้น แค่เฉพาะในประเทศก่วงส้าเองก็มีมากกว่าสิบสาขาแล้ว

มีอยู่สามแห่งที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ทั้งสามแห่งนี้ล้วนแต่อยู่ห่างกันไกล

ดังนั้น จุดที่ฮัวหยู่อันน่าจะไปที่สุดก็คือสาขาทั้งสามแห่งที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุดเมืองหลวง

“ไม่ทราบ!”

อาฝูและโม่ซางส่ายหน้า

ถ้ารู้ พวกเขาก็คงจะไปตามหาโดยตรงแล้ว

“อย่างนี้ก็แล้วกัน! ข้าจะรีบส่งคนไปยังสาขาของยิงจวนที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงที่สุดทั้งสามแห่งในทันที พวกเจ้ารอฟังข่าวอยู่ที่นี่”

“พวกข้าต้องการไปด้วยเช่นกัน”

อยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่อาจจะวางใจได้ ไม่ว่าจะหาพบหรือไม่ พวกเขาก็ต้องการจะไป

หลานเยาเยามองพวกเขาด้วยความปลาบปลื้ม

เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี สีหน้าก็ยังซีดเซียวมาก……

ช่างเถอะ!

พวกเขามีมือมีเท้า อยากจะไปก็ไปเถอะ! อย่างไรก็ตามก็ยากที่จะขัดขวาง นางก็ไม่สามารถที่จะไปมัดพวกเขาได้มิใช่หรือ

ดังนั้น หลานเยาเยาจึงมองไปยังจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้าง และสั่งการ

“ไปแจ้งกับบอกเขา แบ่งทหารออกเป็นสามเส้นทาง จำเป็นจะต้องตามหาฮัวหยู่อันให้พบ”

คำว่าพวกเขาในที่นี้หมายถึงคนของสำนักหงอี จื่อเฟิงเข้าใจได้โดยทันที เขาจึงรีบประสานมือรับคำสั่ง

“ขอรับ คุณหนู”

สถานการณ์เร่งด่วน

หลังจากนางออกคำสั่งไป อาฝูและโม่ซางก็ติดตามจื่อเฟิงออกไป

เมื่อมองไปยังห้องรับแขกที่ใหญ่โต กลายเป็นความว่างเปล่าในทันที หลานเยาเยาถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินออกไป

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

หลานเยาเยาก็แต่งเนื้อแต่งตัว เขียนคิ้วอยู่หน้ากระจก เปลี่ยนเสื้อผ้า รับประทานอาหารเช้าเล็กน้อยแล้วจึงออกไป

ตาแก่ซึ่งเป็นพ่อบ้าน ได้เตรียมรถม้าไว้เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อนางเดินมาถึงประตูใหญ่ นอกจากได้เห็นรถม้าแล้ว ยังได้เห็นเงาร่างหนึ่งที่ไม่ได้พบเจอมานาน

เอ่อ……

เป็นม้าตัวหนึ่ง

สัตว์ที่ใช้ขี่สุดรักของนาง——สวนหยู่!

เด็กดี ไม่ได้ตามเล่หกของเย่แจ๋หยิ่งไปแล้วหรือ

ยังรู้จักที่จะกลับมาอีกหรือ

เพียงแค่เห็นสวนหยู่ยืนอยู่ด้านหน้าของรถม้าสีแดง เงยหัวม้าที่ยาวๆ มองดูนางอย่างเงียบๆ ผมม้าที่ยาวจนปิดดวงตาข้างหนึ่ง

ความสง่าผ่าเผย ความอ่อนโยน เป็นผู้ใดไปไม่ได้เลยนอกจากสวนหยู่……

ชั่วพริบตาแรก ยังมีความนุ่มนวลของเพศหญิงอยู่เล็กน้อย

แต่!

หลานเยาเยาไม่อยากที่จะสนใจมัน เดินตรงไปจากทางด้านข้างของมัน จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถม้าอย่างสง่างาม และไม่หันมามองมันอีก

ม้าสีตัวนี้

เมื่อม้าพันธุ์ดีที่หล่อสักหน่อยก็วิ่งตามเขาไปแล้ว แม้แต่นางผู้เป็นเจ้าของที่ได้ช่วยชีวิตของนางไว้ก็ล้วนแต่ไม่สนใจแล้ว

ตอนนี้คาดว่าคงจะถูกเล่หกเจ้าม้าชั่วช้า ถูกมันทิ้งเสียแล้ว มันจึงได้กลับมาอย่างไม่เสียดาย

ฮึ!

น่าโมโห!

ม้าสีที่น่าผิดหวัง

รถม้ากำลังมุ่งไปยังทิศทางของวังหลวง โดยมีจื่อซีทำหน้าที่ผู้บังคับม้า บาดแผลของเขายังไม่หายดี แต่ยังกรานที่จะติดตามนางไป แม้ว่านางจะห้ามก็ห้ามไม่ได้

แต่!

ก็ไม่มีอะไร

จื่อซีติดตามนาง ยังต้องกินยารักษาแผลระดับสูงเป็นครั้งคราว อีกทั้งยังเป็นยาชนิดที่ง่ายต่อการกลืน

ดังนั้น อาการบาดเจ็บของเขาจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอีกต่อไป

บนถนน

จื่อซีพลางรีบบังคับรถม้าไป พลางมองเป็นครั้งคราวไปยังสวนหยู่ที่กำลังวิ่งตามรถม้าอยู่

หลังจากอดทนอยู่นาน ในที่สุด ก็ไม่อาจจะอดกลั้นต่อจิตใจอันทรหดของสวนหยู่ที่ติดตามมาได้ ในที่สุดจึงพูดออกมา

“คุณหนู สวนหยู่จ้องมองมายังหน้าต่างเล็กๆ ของรถม้ามาตลอด มันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะหันมองมันสักหน่อย! ดูแล้วน่าสงสารมากเลยนะ”

“มันสมควรเป็นอย่างนั้น อยากจะตาม ก็ให้มันตามไปดีแล้ว”

ถ้ามันทำให้นางไม่พอใจละก็ อย่าได้คิดว่านางจะให้อภัยมัน

เสียงที่ไม่สบอารมณ์ดังมาจากด้านในรถม้า

น้ำเสียงแฝงไปด้วยความหมายของการไม่สบอารมณ์ตามความคาดหวัง

จื่อซีส่ายหน้าและยิ้มอย่างเจื่อนๆ ไม่ได้เตือนอะไรอีก และรีบบังคับรถม้าต่อไป

โธ่!

คุณหนูจะไปแข่งขันอะไรกับม้า

รถม้าสีแดงได้หยุดอยู่ตรงประตูของวังหลวง หลานเยาเยายังไม่ทันจะลงจากรถม้า ขันทีซึ่งได้รออยู่ที่ประตูก่อนแล้ว ได้เข้ามาทำการต้อนรับอย่างกระตือรือร้น

“ข้าน้อยคารวะเทพธิดา!”

“อืม พาข้าไปพบฮ่องเต้”

“ได้!”

ในสถานการณ์ปกติ ในวังหลวงจะไม่อนุญาตให้องครักษ์นำอาวุธติดตัวเข้าไปด้านใน แต่ด้วยผู้ที่เข้าวังคือเทพธิดา

ขันทีและทหารที่เฝ้าประตู เมื่อได้เห็นว่าจื่อซีพกกระบี่อยู่ จึงไม่ได้พูดอะไร

เมื่อเห็นสวนหยู่ ขันทีก็พูดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาทันที

“ม้าสุดรักของเทพธิดาต้องการให้มีคนเฝ้าด้วยหรือไม่”

“ไม่ต้อง ก็ให้มันอยู่ตรงนั้นเถอะ ถ้ายังจะหายอีก ก็ปล่อยให้มันไปตามทางของมัน”

ดูเหมือนว่าสวนหยู่จะเข้าใจคำพูดของนาง มันกระชับเท้าทั้งสี่ทันที กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ยืนนิ่งไม่ไหวติง

อุทยานอวี้ฮัว!

เดิมทีหลานเยาเยาคิดว่าฮ่องเต้จะอยู่ในห้องหนังสือ ไม่คิดว่าจะอยู่ในอุทยานอวี้ฮัว

และสิ่งที่ยิ่งคาดไม่ถึงก็คือ ไม่เพียงจะมีแค่ฮ่องเต้อยู่ที่นั่น แต่ยังมีราชครูใหญ่อยู่ด้วย ราชครูใหญ่ก็ช่างเถอะ ผู้ที่คอยปลูกดอกไม้ และหยอกล้อกับนกอยู่ในวังหลังทั้งวัน อย่างไทเฮาก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย

ดี!

ดีมาก!

จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปบอกทีละคน

พวกเขาสองสามคนอยู่ในศาลาหลังใหญ่ของอุทยานอวี้ฮัว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร บรรยากาศช่างสามัคคีกันแปลกๆ

ทันทีที่ขันทีที่อายุน้อยได้เห็นว่านางมาแล้ว จึงได้ก้มลงกระซิบข้างหูของฮ่องเต้ทันที พวกคนที่ดูสามัคคีกันผิดปกติก็ได้เดินเข้ามา

ลักษณะท่าทางของหลานเยาเยายังเย่อหยิ่งเหมือนในอดีต ที่ไม่ค่อยจะเห็นใครอยู่ในสายตา