บทที่ 306 ห้องชุดโรงแรม

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีบีบมือของวารุณี และมองวารุณี เหมือนว่ารอการแนะนำตัวของวารุณี

วารุณีพยักหน้าหัวเราะ“ถูกต้อง เขาคือสามีฉันเอง”

พูดไป เธอก็เอามือที่ไขว้นิ้วเขา ชูขึ้นมา

ถึงแม้ทุกคนพอจะเดาได้ แต่ตอนนี้ได้ยินคำตอบของวารุณีแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

และยังมีคนรู้สึกแปลก“บอส ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณกับประธานนัทธีมีข่าวซุบซิบกัน ต่อมาไม่ใช่ว่าประธานนัทธีจัดงานแถลงข่าวชี้แจง ว่าพวกคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเหรอ?แล้วทำไมตอนนี้ถึงแต่งงานกันล่ะ?”

ได้ยินคำถามนี้ วารุณีก็เงยหน้าไปมองนัทธี

นัทธีก็กำลังมองเธอพอดี สายตานั้นลึกซึ้งเหมือนบ่อน้ำโบราณ

แม้ว่าวารุณีจะชินกับการจ้องมองของเขาแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงหน้าแดงและใจเต้นเล็กน้อย

เพราะว่าดวงตาของเขานั้นสวยมาก มองอยู่นาน เหมือนว่าจะให้คนเข้าไปจมอยู่ในนั้น

วารุณีรีบละสายตาออกไป เสยผมอย่างปกปิดมันไว้ เก็บความเขินอายของตัวเอง แล้วจึงตอบว่า:“พวกเรามาคบกันทีหลังน่ะ”

“แบบนี้นี่เอง”คนนั้นก็พยักหน้า ไม่ถามอีก

วารุณียกนิ้วขึ้นมาไว้ที่ปาก“ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกับประธานนัทธีแต่งงานกัน พวกคุณรู้ก็พอแล้ว อย่าพูดออกไป ต้องเก็บเป็นความลับ พวกเรายังไม่คิดประกาศ”

“เข้าใจแล้วๆ”ทุกคนก็พยักหน้าและเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ

คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าบอสจะเป็นคุณผู้หญิงของประธานแห่งบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้ นี่มันเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นจริงๆ

นี่หมายความว่า ต่อไปบริษัทของพวกเขาจะต้องมีความร่วมมือกับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปแน่ แบบนั้น พนักงานอย่างพวกเขา ก็จะมีอนาคตที่สดใส

“โอเค พวกเราเข้าไปดีกว่า”วารุณีเห็นทุกคนต่างรับปากว่าจะเก็บเป็นความลับ ก็จูงมือของนัทธีขึ้นมา แล้วพาเข้าไปในออฟฟิศของตัวเอง

พอเข้าไปแล้ว นัทธีเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอไป ก็สำรวจออฟฟิศของเธอไปด้วย“เล็กไปหน่อย”

วารุณีกำลังเทน้ำให้เขา ได้ยินคำนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองบนใส่“แน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับออฟฟิศของประธานนัทธีได้อยู่แล้ว ยังไงฉันก็ไม่ได้มีเงินมากอย่างคุณ”

พูดจบ เธอก็เอาน้ำวางไว้ตรงหน้าเขา“ทำไมจู่ๆก็คิดจะมารับฉันล่ะ?”

“พาคุณออกไปกินข้าว คืนนี้ว่างพอดี”นัทธียกน้ำขึ้นมาดื่ม“ชดเชยเมื่อคืนให้”

ดวงตาของวารุณีก็เป็นประกาย“โอเค”

“งั้นไปเถอะ”นัทธีวางแก้วน้ำลง หางตาเหลือบมองเสื้อคลุมกับกระเป๋าบนชั้นวาง ก็เดินเข้าไปหยิบลงมา จากนั้นสะบัดออก จะช่วยเธอสวม

วารุณีมองออก ก็ไม่ได้จะปฏิเสธอะไร เอาแขนสวมเข้าไปในแขนเสื้อ

หลังจากสวมเสื้อคลุมเสร็จ เธอก็จะไปหยิบกระเป๋า

แต่นัทธีกลับเลี่ยงออกไป เอากระเป๋าของเธอมาพาดไว้ที่ไหล่ตัวเอง

วารุณีเห็นแบบนี้ ก็ตะลึงทันที“คุณ……”

เหมือนว่ารู้ว่าเธอจะพูดอะไร นัทธีก้มหน้าลงมองกระเป๋าช่วงเอว“สามีช่วยภรรยาสะพายกระเป๋า ไม่ใช่ว่าควรทำเหรอ ไปเถอะ”

เขายื่นมือไปที่เธอ

วารุณีหัวเราะ เอามือประสานไป แล้วจูงมือเขาออกไปจากออฟฟิศ

พนักงานกับพวกดีไซเนอร์ด้านนอก ที่จริงจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเขาตลอดเวลา

เห็นพวกเขาออกมา ก็ทักทายก่อน จากนั้นเห็นนัทธีสะพายกระเป๋าผู้หญิง ตาแต่ละคู่ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกโตขึ้นมา

เจ้าชายแห่งโลกธุรกิจที่หน้าตาหล่อเหลา ดูสูงส่งคนหนึ่ง สวมชุดสูทสั่งตัดราคาแพง ที่ไหล่กลับสะพายกระเป๋าผู้หญิงสีแดงสด สภาพแบบนี้ มองดูแล้วทำให้คนรู้สึกตลกอย่างมาก

แต่ทุกคนต่างไม่กล้าขำต่อหน้านัทธี แต่ละคนนั้นก้มหน้าลง ยักไหล่ แล้วกัดปากไว้พยายามกลั้นขำ

จนกระทั่งวารุณีกับนัทธีหายไปจากบริษัท คนพวกนี้แต่ละคนก็หัวเราะกันออกมา

ในลิฟต์ วารุณีก็ปล่อยมือที่ปิดปากไว้ลงมา ยื่นมือไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง มาจากไหล่ของนัทธี“เอาเถอะ คืนฉันมาดีกว่า ไม่งั้นคนอื่นเห็น จะขำอีกได้”

สภาพของพนักงานกับดีไซเนอร์พวกนั้นเมื่อกี๊ ไม่มีทางที่เธอจะมองไม่เห็น

นัทธีก็เห็น เขาเม้มริมฝีปากบางๆ“แล้วแต่ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ผมไม่ใส่ใจ”

“แต่ว่าฉันใส่ใจนี่”วารุณีคล้องแขนของเขา“ฉันรู้ว่าคุณอยากเป็นสามีทั่วไป ที่ช่วยภรรยาของตัวเองถือกระเป๋า ตอนที่ไม่มีคน ฉันยินดีให้คุณทำแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนที่มีคน ฉันไม่อยากเลย เพราะว่าท่าทางของคุณเหมาะที่จะสะพายกระเป๋าแบบนี้ พวกเขาจะหัวเราะคุณได้ แต่ฉันกลับไม่อยากให้สามีของตัวเองถูกใครหัวเราะใส่!”

ในฐานะภรรยา ปกป้องเกียรติของสามี ก็คือหน้าที่ของเธอด้วย

นัทธีคลายคิ้วที่ขมวดลง

วารุณีเอากระเป๋าวางไว้ที่ไหล่“พวกเราจะไปกินข้าวที่ไหน?”

นัทธีหยิบตั๋วสองใบจากในกระเป๋าให้เธอ

วารุณีรับมา แล้วก้มหน้ามองดู“แพ็คเกจคู่รักโรงแรมดิเอิร์ธ?”

เธอหยักหน้า“คุณคิดยังไงไปจองพวกนี้?”

“ไม่ใช่ พิชิตจอง”นัทธีเอามือข้างนั้นล้วงกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง“เมื่อคืนเป็นเขาโทรมา ผมเลยไป ดังนั้นตอนบ่ายเขาเลยเอาอันนี้ให้ผม บอกว่าจะให้ของขวัญชดเชยพวกเรา”

“ที่แท้ก็แบบนี้”วารุณีพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นพลิกตั๋วดู ดวงตาก็เบิกกว้างทันที“มีห้องชุดด้วย?”

“อือ”นัทธีพยักหน้า

มุมปากของวารุณีกระตุก“ฉันคิดว่า แค่ตั๋วกินข้าว งั้นคืนนี้พวกเรา……”

“ก็พักนี่แหละ”นัทธีมองเธอ“พิชิตบอกว่าวิวกลางคืนห้องชุดที่นี่สุดยอดมาก”

“โอเค”วารุณีตอบอือ เห็นด้วย แล้วเอาตั๋วยัดใส่ในกระเป๋า แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาอีก“งั้นฉันบอกป้าส้ม คืนนี้ไม่กลับ ให้เธออยู่ดูแลลูกทั้งสองคน”

พูดไป เธอก็โทรหาป้าส้ม

แต่ว่าป้าส้มไม่รับ ตอนนี้น่าจะยุ่งอยู่มั้ง

ติ๊ง ก็มาถึงลิฟต์

นัทธีจูงมือของวารุณีแล้วเดินไป เดินตรงไปที่หน้ารถ ขับรถไปที่โรงแรม

หลังจากถึงโรงแรม วารุณีก็หยิบตั๋วออกมา ยื่นให้พนักงานเคาน์เตอร์ พนักงานเคาน์เตอร์ดู แล้วก็จัดการให้ทันที

แป๊บเดียว ทั้งสองคนก็ถูกมาที่ห้องหนึ่ง

ห้องนี้ตั้งอยู่ชั้นสูงสุดของโรงแรม เป็นห้องเพรสซิเดนสูท และยังจัดเป็นพิเศษด้วย วางกุหลาบกับเทียนไปทุกที่ ทำห้องเพรสซิเดนสูทที่ธรรมดาๆ ตกแต่งเป็นห้องชุดสำหรับคู่รัก

ดูเหมือนว่าเพื่อชดเชยที่เรียกนัทธีออกไปเมื่อคืน พิชิตจะทุ่มสุดตัวเชียว

“สวยมาก”วารุณีมองทุกอย่างในห้อง และกำแพงจรดพื้นขนาดใหญ่ในห้อง ดวงตาก็เป็นประกายแวววับ

เธอยืนอยู่ตรงนี้ สามารถมองเห็นวิวด้านนอกได้หมด เมืองที่เจริญรุ่งเรือง ไฟนีออนหลากสีสัน และบนท้องฟ้าที่มีเครื่องบินบินผ่านเป็นครั้งคราว ทั้งหมดต่างมองเห็นในสายตาหมด ทำให้รู้สึกตะลึง

นัทธียืนอยู่ข้างเธอ เห็นเธอดีใจแบบนี้ ริมฝีปากบางๆก็ยกขึ้นหน่อยๆ

พิชิตที่ดูไม่น่าเชื่อถือมาเสมอ ถือเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องที่น่าเชื่อถือแบบนี้

ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นครั้งที่แล้วที่พิชิตพูดถึงเรื่องเครื่องมือแพทย์ เขาก็ลงทุนแล้วสิ

กำลังคิดอยู่นั้น เสียงออดที่ประตูก็ดังขึ้น

นัทธีไม่อยากรบกวนวารุณีที่ชื่นชมวิวอยู่ ตัวเองจึงหันกลับไปเปิดประตู

ด้านนอกประตูคือพนักงานบริการของโรงแรม กำลังเข็นอาหาร“คุณผู้ชาย นี่คืออาหารค่ำของคุณทั้งสอง”

“เอาเข้ามาสิ”นัทธีปล่อยที่จับลง หันตัวเปิดทางให้เข้ามา

พนักงานบริการเข็นรถอาหารเข้ามาในห้อง

วารุณีก็ละสายตาหันกลับไปพอดี

พนักงานบริการยิ้มทักทายให้เธอ แล้วเริ่มจัดวางอาหารลง

จนอาหารวางเสร็จ พนักงานบริการก็ขอตัวลาออกไป

“เยอะมากเลย”วารุณีมองอาหารค่ำบนโต๊ะ ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

นัทธีดึงเก้าอี้ให้เธอ“กินกันก่อนเถอะ”

“อือ”วารุณีพยักหน้า สะบัดกระโปรงแล้วนั่งลงไป

นัทธีนั่งลงตรงข้ามเธอ หยิบผ้าเช็ดปากในจานขึ้นมา เตรียมจะสวมไปที่คอเสื้อ

ทันใดนั้นวารุณีก็ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง กดลงพูดว่า:“เดี๋ยวก่อน”

“ทำไมเหรอ?”นัทธีเงยมองเธอ