ตอนที่ 329 เป็นบ้านของตนจริง ๆ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 329 เป็นบ้านของตนจริง ๆ

“ฟันขึ้นใหม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยให้เขาอ้าปากแล้วเริ่มกวาดสายตามองฟันในช่องปาก ทันใดนั้นบนใบหน้าของนางก็อดมีสีดำปกคลุมไม่ได้…เห็นชัดว่าคือฟันหน้าไม่ใช่ฟันกราม แล้วหน้าจะบวมได้อย่างไร ? เอาเถิด นางจะไม่เปิดโปงเขาก็ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องร้องไห้ให้เห็นแน่นอน ! เด็กน้อยเอ๋ย อ้วนหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เหตุใดต้องคิดมากเพียงนี้ ?

ในวันเทศกาลฤดูหนาว คนงานในบ้านตระกูลหลินและโรงงานแปรรูปล้วนได้หยุดพักหนึ่งวัน

ขอแค่เดินเข้ามาในหมู่บ้านฉือหลี่โกว ไม่ว่าจะไปหยุดอยู่ที่บ้านหลังใดก็ได้ยินเสียงของการทำไส้เกี๊ยวและห่อเกี๊ยวกันทั้งนั้น ทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านดูเป็นเทศกาลรื่นเริงขึ้นมาทันที

รถม้าสองคันมาเยือนและเกือบเป็นเวลาทานมื้อเที่ยงพอดี พอเข้ามาในฉือหลี่โกวแล้ว พวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลหลิน

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหนูน้อยจึงรีบตะโกนด้วยเสียงอันทรงพลังว่า “ข้าจะไปเปิดประตู ! ”

เมื่อเห็นลู่เหวินจวินที่ยืนอยู่ข้างนอกพร้อมรูปร่างที่ทั้งดำและผอม เจ้าหนูน้อยก็ยืนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมาตะโกนให้คนในบ้านได้ยินด้วยความดีใจ “พี่รอง คุณชายลู่มา ! คุณชายลู่เชิญด้านใน พี่ชิงเฟิง ท่านผู้ดูแลจาง เชิญด้านในทุกคนเลยขอรับ ! ”

ชิงเฟิงฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เจ้าหนูน้อยแล้วก็เริ่มออกคำสั่งให้ลูกน้องรีบขนหนังสัตว์บนรถม้าทั้งสองคันลงมา หลินเว่ยเว่ยเดินออกจากครัวพร้อมขยับมือจีบแผ่นเกี๊ยวไปด้วย พอเห็นสภาพที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างมากของลู่เหวินจวินแล้ว นางก็ทอดถอนใจว่าการทำการค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูสิ ทำให้เด็กหนุ่มรูปงามกลายมาอยู่ในสภาพนี้ได้ !

ขณะมองหนังสัตว์ถูกขนเข้าบ้านทีละผืน หลินเว่ยเว่ยก็ถามด้วยความสงสัย “คุณชายลู่ นี่ท่าน…”

ลู่เหวินจวินชี้ไปยังเตียวผี ( ขนมิงค์ ) สีขาวสองผืน “สองผืนนี้เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้หลินกู่เหนียงและท่านป้า ส่วนที่เหลือนั้นบัณฑิตเจียงวานให้ข้าขนมา…”

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อย่าเพิ่งสนใจเรื่องพวกนั้นเลย เข้ามาล้างหน้าล้างตาแล้วพักจิบชาสักถ้วยก่อนเถิด ! ”

“ดี ! ” ลู่เหวินจวินไม่ได้เกรงใจนางแต่อย่างใด วันนี้เขาเพิ่งเดินทางมาถึงเขตเริ่นอันก็ต้องเดินทางต่อด้วยความยากลำบาก ลมหนาวแทบพัดจนตัวเขาจะแข็งตายอยู่แล้ว ในเวลานี้จึงจำเป็นต้องดื่มชาสักถ้วยเพื่อช่วยอบอุ่นร่างกาย

หลินเว่ยเว่ยต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลสีแดงให้เขาและพวกผู้ติดตามหนึ่งหม้อ จากนั้นก็รินให้แต่ละคนเป็นถ้วยใหญ่ก่อน

หลังดื่มจนมีเหงื่อออกที่ปลายจมูกแล้วลู่เหวินจวินก็เบียดตัวเข้าไปในครัวพลางนั่งลงข้างเตาไฟ “ห่อเกี๊ยวหรือ ข้าช่วยก็แล้วกัน ! ”

พอได้ยินเช่นนั้น เจ้าหนูน้อยที่กำลังห่อเกี๊ยวไส้เนื้อแกะชิ้นอวบก็หันมามองเขา “ท่านทำเป็นหรือ ? ”

ลู่เหวินจวินเช็ดฝุ่นแป้งออกจากจมูกแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ทำไม่เป็นก็เรียนรู้ได้ ! ตอนแรกเจ้าไม่รู้อักษรสักตัวก็ต้องเรียนก่อนถึงจะรู้ใช่หรือไม่ ! ”

เจ้าหนูน้อยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะสอนท่านเอง ! ”

ขณะมองลู่เหวินจวินห่อเกี๊ยวออกมาได้น่าเกลียดสิ้นดี เจ้าหนูน้อยก็หันไปยิ้มเยาะใส่เขาโดยไร้ความปรานี “น่าเกลียดมาก ! ท่านห่อชิ้นไหนก็กินเองนะ ข้าเห็นแล้วไร้ซึ่งความอยากอาหารหมด ! ”

ลู่เหวินจวินยังห่ออีกหลายชิ้น แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกท้อขึ้นมาเล็กน้อย หรือเขาจะไร้พรสวรรค์ด้านการห่อเกี๊ยว ? เหตุใดแม้แต่เจ้าหนูน้อยก็ยังห่อออกมาได้ดูดีกว่า ?

หลินเว่ยเว่ยจึงยิ้มปลอบ “แม้จะน่าเกลียดไปหน่อย แต่รสชาติก็เหมือนกัน ไม่ส่งผลต่อการกินหรอก ! ”

“แต่มันส่งผลต่อจิตใจคนกิน ! ” หลินจื่อเหยียนนำเกี๊ยวที่ตนห่อไปแกว่งตรงหน้าลู่เหวินจวินด้วยความภาคภูมิใจ ลู่เหวินจวินโมโหจนรีบเข้าไปแย่งแบบเด็ก ๆ…แล้วบีบมันจนเละ !

ผู้ดูแลจางและชิงเฟิงที่กำลังซุกตัวอยู่ข้างเตาถ่านกำลังกินขนมอย่างเพลิดเพลิน หลังได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของคุณชายรองและพวกเด็ก ๆ บ้านตระกูลหลินดังออกมาจากในครัว ทั้งสองก็ค่อย ๆ ถอนหายใจ

เทศกาลฤดูหนาวเป็นเทศกาลแรกตั้งแต่ฤดูหนาวมาเยือน มีคำกล่าวว่า ‘เทศกาลฤดูหนาวเปรียบดั่งวันส่งท้ายปีเก่า’ วันรวมตัวฉลองกับครอบครัวเช่นนี้ พวกเขากลัวว่าการมาเยือนของคุณชายรองจะทำให้บ้านตระกูลหลินไม่พอใจ พวกเขาเองก็เคยคิดจะห้ามคุณชายรองเพราะไม่ว่าครอบครัวใด วันนี้ก็เป็นวันสำคัญภายในครอบครัว แต่จู่ ๆ ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาอีกคน ปากอาจไม่พูด แต่ในใจก็ไม่แน่ว่าจะยินดีหรือเปล่า

ทว่ามองจากตอนนี้แล้วบ้านตระกูลหลินคงไม่ได้เห็นคุณชายรองเป็นคนนอกจริง ๆ ฟังจากเสียงหัวเราะ เสียงสนทนาในครัวก็รู้แล้ว ! ชิงเฟิงสูดจมูก ขณะจิบน้ำขิงร้อน ๆ ให้ชื่นใจก็กล่าวพร้อมดวงตาพร่ามัว “ดีเหลือเกิน ! โชคดีที่ฟังคุณชายรอง ไม่อย่างนั้นเราคงต้องอยู่กับความหนาวเหน็บในโรงเตี๊ยมและฉลองเทศกาลอย่างเงียบเหงา ! ”

ชิงเฟิงและคนในครอบครัวล้วนทำงานให้ตระกูลลู่ ทุกครั้งที่ถึงวันส่งท้ายปีเก่า บ้านพวกตนก็จะช่วยกันห่อเกี๊ยวอย่างสนุกสนาน ทักษะการห่อเกี๊ยวของเขาจึงดีกว่าของคุณชายรองเป็นอย่างยิ่ง ! ขณะฟังเสียงหัวเราะในครัว เขาก็อยากเข้าไปร่วมด้วยเหลือเกิน !

หลังดื่มน้ำขิงหมดหนึ่งถ้วยแล้ว ผู้ดูแลจางก็กินขนมอีกสองสามชิ้นถึงได้รู้สึกสบายท้องขึ้นมา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคุณชายใหญ่จึงบอกว่าคุณชายรองผู้โง่เขลาก็มีความสุขในแบบของตน ! แม้คุณชายรองจะไม่ใช่คนฉลาด แต่ด้านการมองคนก็มีทักษะระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะมีวาสนากับบ้านตระกูลหลินได้อย่างไร ?

นึกถึงช่วงเวลาที่ฮูหยินเรียกตนไปถามถึงเรื่องของเด็กสาวบ้านตระกูลหลินเพราะกังวลว่าคุณชายรองจะโดนหลอก แม้แต่วิธีรับหลินกู่เหนียงเป็นบุตรสาวบุญธรรมเพื่อให้คุณชายรองลบความคิดเชิงหนุ่มสาวที่มีต่อนางก็ยังคิดออกมาได้ !

แต่ใครจะรู้ว่าการมาเยือนคราวนี้ หลินกู่เหนียงกลับหมั้นหมายแล้ว ทั้งยังหมั้นกับคนเก่งอนาคตไกล สร้างชื่อเสียงให้ฮ่องเต้มอบความสำคัญได้ การรับหลินกู่เหนียงเป็นบุตรบุญธรรมจึงยังตัดสินไม่ได้ว่าใครเกาะใครกันแน่ !

หลินเว่ยเว่ยเตรียมไส้เกี๊ยวไว้หลากหลายชนิด มีทั้งเกี๊ยวไส้หมูผักกาดขาวที่คนภาคเหนือนิยมรับประทาน แต่หลินเว่ยเว่ยไม่ชอบกินผักกาดขาวจึงทำเกี๊ยวชนิดนี้ไม่มากนัก

นอกจากนี้ยังมีเกี๊ยวไส้หมูกุยช่าย ฤดูกาลนี้กุยช่ายในภาคเหนือมักถูกพวกแพนด้าเห็นเป็นของล้ำค่า กุยช่ายที่หลินเว่ยเว่ยปลูกในลังไม้เพิ่งโตได้ขนาดเท่านิ้วมือเท่านั้น พวกมันก็ถูกนางตัดมาหมดแล้ว นางลอบนำออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณให้ได้หนึ่งกำมือถึงจะทำไส้เกี๊ยวได้หนึ่งชาม

ไส้ถัดมาคือกุ้ง เมื่อวานนางไปเดินเล่นที่ท่าเรือหนึ่งรอบ หลิวว่ายจื่อสร้างความประทับใจให้นางเพราะเขาจะอาศัยอยู่ที่ท่าเรือเป็นการถาวร เนื่องจากโกดังตระกูลหลินเริ่มมีชื่อเสียงในท่าเรือแล้ว จึงมีพ่อค้าจำนวนไม่น้อยที่แม้จะต้องรออยู่ท่าเรือสักสองวันก็จะรอเช่าโกดังตระกูลหลินให้ได้

หากว่างงานแล้ว หลิวว่ายจื่อก็ชอบออกไปเดินเล่นแถวท่าเรือ เขารู้ว่าหลินเว่ยเว่ยชอบกินปลากินกุ้ง ก่อนวันเทศกาลฤดูหนาวหนึ่งวัน เขาบังเอิญหาซื้อกุ้งได้ถึง 5 ชั่งเต็ม ๆ แม้ราคาจะแพงอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังกัดฟันซื้อ…เพื่อมอบเป็นของขวัญให้นางในวันเทศกาลนี้ !

หลินเว่ยเว่ยดีใจมาก แต่นางจะรับของจากอาว่ายจื่อโดยไม่จ่ายเงินได้อย่างไร ? ตอนนี้ย่าหลิวกำลังตามหาภรรยาให้อาว่ายจื่อ ดังนั้นเงินของเขาต้องเก็บไว้สู่ขอภรรยา ! ในเทศกาลฤดูหนาวนางยังแจกเนื้อ 2 ชั่ง ขนมอีก 1 ชั่ง ให้แก่พวกลูกจ้างเป็นของขวัญด้วย !

กุ้ง 5 ชั่งถูกแบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งถูกนำมาทำไส้เกี๊ยว อีกครึ่งถูกนำมาทำกุ้งอบ

นอกจากไส้เกี๊ยวพวกนี้แล้วยังมีไส้หมูเห็ดหอม ไส้เนื้อแกะต้นหอม มีบางไส้ที่จะทำมากหน่อย เช่นไส้เนื้อแกะที่สามารถแบ่งไปอุ่นทำเจี่ยวจือ ( เกี๊ยวซ่า ) ในวันรุ่งขึ้นได้อีก !

คนทั้งครอบครัวช่วยกันห่อเกี๊ยวได้หลายโหล คืนนี้อุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา แค่วางเกี๊ยวไว้ข้างนอก มันก็จะแข็งตัวอย่างรวดเร็ว พวกนางนำเกี๊ยวไปวางไว้ในลานบ้านที่มีอากาศเย็นและถ่ายเท อยากกินเมื่อใดก็นำไปต้ม สะดวกสบายสุด ๆ

ทว่าวันนี้คุณชายลู่พาคนรับใช้มาด้วยไม่น้อย ถ้าอยากจะเหลือเกี๊ยวที่ห่อไว้ก็คงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยจึงตุ๋นซี่โครงใส่มันฝรั่งและวุ้นเส้นอีกหนึ่งหม้อ จากนั้นก็ทำแป้งทอดจากแป้งข้าวโพดอีกพูนถาดไปเลย