War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1707
ตอนที่ 1,707 : โลหิตย้อมวังหลวง!

“เจ้าหนูหลิงเทียน…เรื่องมันเป็นเช่นนี้”

เฟิ่งหวู่เต้าระบายลมหายใจออกเฮือกหนึ่งค่อยกล่าว “หลังจากที่เจ้าจากไป ไม่เพียงแต่ตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงจะจับตาดูพวกเรา กระทั่งยอดฝีมือจากขุมพลังอื่นๆ ก็กระทำเช่นเดียวกัน…เพราะสุดท้ายมีเพียงพวกเราเท่านั้น ที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ผู้ครอบครองตราผนึกมาร”

“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเราตัดสินใจกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่ามิรู้จริงๆว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด พวกมันก็ไม่มารบกวนพวกเราอีกเลย…บางทีพวกมันคงคิดว่าเจ้าอาจจะไปหลบซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัวหากมีข่าวว่าพวกเราถูกสังหารแพร่ออกไป”

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวเล่าออกมา

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับฟังด้วยความเข้าใจ เขาคิดไว้แล้วว่าเรื่องทำนองนี้ต้องเกิดขึ้น ถึงได้จงใจจากไปโดยไม่บอกเงื่อนงำไว้ให้ใคร

ตราบใดที่เขาไม่กล่าวถึงจุดหมายและวัตถุประสงค์ ทุกคนย่อมไม่รู้และไม่มีทางเดือดร้อนจากการถูกเค้นเอาคำตอบ เพราะทั้งหมดสามารถสาบานว่าไม่รู้ที่อยู่ของเขาจริงๆ…

“ว่าแต่แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่หรือ ไฉนถึงได้ไปอยู่ที่วังหลวงได้เล่า?”

คิ้วต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งขดแน่น ด้วยไม่เข้าใจว่าตระกูลราชวงศ์มันคิดทำอะไรกันแน่

“เมื่อมินานมานี้ปรมาจารย์ป๋ายลี่ได้ทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้น และหลังจากทะลวงด่านได้ไม่นานท่านก็บรรลุความสามารถถึงปรมาจารย์จารึกเซียนขั้นที่ 4…เรื่องนี้นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับตระกูลซือถูนัก เพราะท่านปรมาจารย์ป๋ายลี่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู…ทว่าหลังจากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปได้ไม่ทันไร คนของตระกูลราชวงศ์ก็มาพาตัวท่านปรมาจารย์ป๋ายลี่ไป”

ประกายตาของซื่อหม่าฉางฟงเผยแสงเยียบเย็น “ยามนั้นคนของตระกูลราชวงศ์นับว่าหยิ่งยะโสโอหังนัก แม้ปรมาจารย์ป๋ายลี่บอกปฏิเสธแล้ว รวมถึงผู้นำตระกูลซือถูกับคุณชายใหญ่พยายามหยุดพวกมันหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ได้แต่มองพวกมันจับตัวปรมาจารย์ป๋ายลี่ไปอย่างจนปัญญาเหมือนพวกเรา..”

“แต่เรื่องนี้เจ้ามิอาจโทษผู้นำตระกูลซือถูกับคุณชายใหญ่ได้ ทั้งคู่พยายามเต็มที่แล้ว…”

วาจาท้ายประโยคของซื่อหม่าฉางฟงยังกล่าวช่วยเหลือพ่อลูกตระกูลซือถู ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะมีโมโหและโทษอีกฝ่ายว่าไร้สามารถ

“ครู ช่วยเล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้ข้าฟังโดยละเอียดหน่อย…”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม

หลังจากนั้น เป็นเฉินเฉ่าช่วยกับหนานกงยี่ที่คับแค้นใจ ผลัดกันกล่าวเล่าเรื่องราวออกมาทั้งใส่อารมณ์เต็มที่ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจเรื่องราวกระจ่าง

3 เดือนที่แล้ว ป๋ายลี่หงทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นต้น และไม่นานก็กลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว

2 เดือนที่แล้ว คนในตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงอันมีอาวุโสระดับสูงที่บรรลุพลังฝึกปรือเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดนำมา ได้บุกมายังตระกูลซือถูอย่างอุกอาจ และจับตัวป๋ายลี่หงกลับไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของป๋ายลี่หง ผู้นำตระกูลซือถูกับคุณชายใหญ่ก็ได้พยายามขัดขวางเต็มกำลัง

อนิจจาทั้งคู่สู้ไม่ได้ ยังถูกทำร้ายจนอาการสาหัส!

“หากไม่ใช่เพราะเจ้าพ่อลูกเกี่ยวดองกับตระกูลราชวงศ์อยู่บ้าง วันนี้ชีวิตสุนัขของพวกเจ้าพ่อลูกคงยากจะเก็บไว้!”

และนั่นเป็นวาจาที่คนของตระกูลราชวงศ์ผู้นั้นทิ้งไว้ให้กับซือถูฮ่าวและซือถูเหิงที่อาการเจียนตาย ก่อนที่จะจับตัวป๋ายลี่หงจากไป

“สารเลว!”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเย็นเยือก ใบหน้ายังคล้ายจะมีชั้นน้ำแข็งฉาบเคลือบ

อาศัยพลังฝึกปรือแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด มันคิดว่าเก่งกล้าไร้ใครต่อกรได้แล้ว?

“ข้ารู้ดีว่านิสัยศิษย์พี่ข้าเป็นอย่างไร หากบอกไม่ก็คือไม่ต่อให้พวกระยำตระกูลราชวงศ์นั่นจะบีบคั้นเพียงใด…แล้วนี่มันก็ผ่านมาตั้ง 2 เดือนแล้ว พวกบัดซบนั่นยังไม่ปล่อยศิษย์พี่ออกมาอีกหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา เขาก็พบว่าสีหน้าของทุกคนย่ำแย่ลงทั้งกลายเป็นละล้าละลัง ราวกับมีบางอย่างคิดกล่าวแต่ก็ไม่กล้ากล่าว ทำให้ใจเขาเต้นผิดจังหวะไปทันใด “เกิดเรื่องอะไรกับศิษย์พี่?”

ทันใดนั้นเองจิตสังหารอำมหิตพลันทะลักออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียน พาลให้บรรยากาศในห้องหับกลับกลายเป็นเย็นยะเยือกลงทันใด

จิตสังหารที่เอ่อล้นออกมานี้ เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆสัมผัสได้ชัดเจน ทั้งหมดย่อมรับรู้ถึงโทสะอารมณ์เขาเป็นอย่างดี

“เจ้าต้วน จากที่ข้าลอบไปฟังข่าวจากคนของราชวงศ์มา…ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันกำลังทรมานปรมาจารย์ป๋ายลี่อยู่ เพื่อบีบคั้นให้ปรมาจารย์ป๋ายลี่สาบานว่าจะรับใช้พวกมันในฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวของราชวงศ์…แน่นอนว่าปรมาจารย์ป๋ายลี่ยังไม่ยินยอม…แม้ปรมาจารย์ป๋ายลี่จะบรรลุเซียนดั้งเดิมขั้นต้นแล้ว แต่อย่างไรเขาก็ยังคงเป็นแค่คนๆหนึ่ง…ข้าคิดว่าคงทนอยู่ได้อีกมินานแล้ว”

หนานกงยี่กล่าวออกมาอย่างสลดใจ

“ศิษย์พี่!”

สิ้นคำหนานกงยี่ ปราณสุริยันทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนพลันโคจรไหลเชี่ยวไปทั่วกายทันที ลูกตายังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน จิตสังหารยิ่งมายิ่งทรงพลังอำมหิต “ราชวงศ์ฝูเฟิง! พวกเจ้าประเสริฐนัก!!”

เรียกว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนโมโหอย่างถึงที่สุดแล้ว ยังถึงจุดที่ยากจะทานทนเจียนระเบิดเต็มที

ตอนนี้เองเฉินเฉ่าช่วยที่รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะทำอะไร มันพลันก้าวออกไปตบบ่าต้วนหลิงเทียนทั้งกล่าวออกเสียงเครียด “ต้วนหลิงเทียนข้ารู้ดีว่ามันยากที่เจ้าจะทนไหว แต่ข้าอยากให้เจ้าใจเย็นลงก่อน…อันที่จริงลุงเฟิ่งได้ลองไปขอความช่วยเหลือจากประมุขสื่ออวิ๋นแล้ว และตอนแรกพวกเราคิดว่าเรื่องนี้คงจะจัดการไม่ยาก เพราะผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในตระกูลราชวงศ์ก็เพียงทัดเทียมกับประมุขสื่ออวิ๋น เพียงนางออกหน้าต้องจัดการได้แน่…”

“แต่ผู้ใดจะไปคิด ว่าหลังที่เจ้าจากไป กลับมียอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมาถึงประเทศฝูเฟิง เพราะหมายปองในตราผนึกมาร และมันก็ได้รับการปฏิบัติจากตระกูลราชวงศ์อย่างแขกกกิตติมศักดิ์…ทำให้วันที่ประมุขสื่ออวิ๋นพยายามไปช่วยปรมาจารย์ป๋ายลี่ นางไม่เพียงทำไม่สำเร็จ ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา…”

เฉิ่นเฉ่าช่วยกล่าวเล่าออกมาด้วยความคับแค้น

“หึ! เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดงั้นหรือ?!”

ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย้ยหยันออก

ถึงแม้เขาจะเคยฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดมาแค่คนเดียว อีกทั้งยังเป็นคนที่พึ่งทะลวงผ่าน

แต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใช้กำลังภายนอก และเป็นพลังฝีมือส่วนตัวล้วนๆ

หากเขาใช้ตราผนึกมาร ย่อมฆ่าอีกฝ่ายได้ในเสี้ยวพริบตา!

และต่อให้ไม่ใช้ตราผนึกมาร เพียงชักกระบี่นิลสวรรค์จ่ายปราณสุริยันแรกกำเนิดลงไปสัก 2 ส่วน มันก็ต้องตายอย่างไม่ทันรู้ตัว!

ด้วยด่านพลังฝึกปรือของเขาในตอนนี้ หากเขาจ่ายปราณสุริยันแรกกำเนิดลงไปในกระบี่นิลสวรรค์ เขาฆ่าอริยะเซียนทั่วๆไปได้ง่ายดายนัก!

อย่างไรก็แล้วแต่ พอต้วนหลิงเทียนได้ยินเรื่องที่ประมุขสื่ออวิ๋นบาดเจ็บเพราะคิดช่วยเหลือป๋ายลี่หง เขาก็ซาบซึ้งน้ำใจนางไม่น้อย เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีอะไรมากมายกับประมุขสื่ออวิ๋น นอกจากเรื่องที่มีเฟิ่งเทียนหวู่เป็นคนเชื่อมไมตรี

‘หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าต้องไปขอบคุณประมุขสื่ออวิ๋นถึงนิกายอัคคีลิ่วล่องสักครั้ง ยังจะได้ถามว่าเทียนหวู่กลับมาแล้วรึยังด้วย’

ต้วนหลิงเทียนเริ่มคิดวาดแผนในใจ

“ทุกคนอย่าได้บอกใครว่าข้ากลับมารวมถึงผู้นำตระกูลซือถูกับคุณชายใหญ่ด้วย…สำหรับศิษย์พี่ป๋ายลี่ วันนี้ต้องได้กลับมายังตระกูลซือถูแน่ และนับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลราชวงศ์มันจะไม่กล้าแตะต้องทุกคนอีก!”

เมื่อเผชิญกับความกังวลของทุกคน ต้วนหลิงเทียนเพียงมองเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆด้วยความซาบซึ้ง ยังรู้สึกอบอุ่นในใจนัก

และทันทีที่เขากล่าวจบคำ ร่างของเขาก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆย่อมไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจหลังได้ฟังวาจาดังกล่าวของเขา พาลให้ตะลึงกันไปไม่น้อย

หลังจากนั้นพักหนึ่งทุกคนค่อยคืนสติ

“ที่เจ้าต้วนมันกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนไปนั่นหมายความว่าอะไรกัน…หรือเจ้านั่นสามารถช่วยปรมาจารย์ป๋ายลี่ได้?”

หนานกงยี่กล่าวถามออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

“นั่นไม่น่าเป็นไปได้! ตระกูลราชวงศ์เข้มแข็งนัก ยังมีเซียนดั้งเดิมหลายต่อหลายคน…แถมตอนนี้พวกมันยังมีเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดคุ้มกะลาหัวอยู่อีกคน…ตอนนี้ต่อให้มีเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดคิดช่วยปรมาจารย์ป๋ายลี่จากตระกูลราชวงศ์ยังยาก! แม้ต้วนหลิงเทียนสมควรมีความก้าวหน้า แต่ในเวลาแค่ปีเดียวก็คงมิอาจต่อกรเซียนขัดเกลาได้มิใช่หรือ?”

เฉินเฉ่าช่วยส่ายหัวไปมา มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะช่วยป๋ายลี่หงออกจากสถานที่อันตรายราวกับถ้ำเสือแดนมังกรอย่างตระกูลราชวงศ์ได้

“บางทีเจ้าต้วนมันอาจมีแผน หรือไม่ก็อาจไปขอความช่วยเหลือจากยอดฝีมือคนอื่นๆ!”

หนานกงเฉินที่ไม่ค่อยพูด พลันกล่าวออกมาอย่างหาได้ยาก

“จะอย่างไรพวกเราก็ได้แต่รอฟังข่าว ในเมื่อกล่าวมาเช่นนี้ และตั้งแต่ที่ข้ารู้จักเจ้าหนูหลิงเทียนมา…เจ้าหนูมิเคยทำอะไรที่ไม่มั่นใจมาก่อน คราวนี้ก็ไม่น่าจะเป็นข้อยกเว้น”

ถึงแม้ว่าเฟิ่งหวู่เต้าจะตกใจและยากจะเชื่อคำทิ้งท้ายของต้วนหลิงเทียน แต่พอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านในอดีตของต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกเชื่อใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ทุกคนเองพอได้ยินคำของเฟิ่งหวู่เต้าก็ตระหนักได้

ถูกแล้ว

ต้วนหลิงเทียนไม่เคยทำให้พวกมันผิดหวังเลย

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งปาฏิหาริย์สำหรับพวกมัน

โดยเฉพาะซื่อหม่าฉางฟง มันเป็นคนที่เข้าใจความอัศจรรย์ของต้วนหลิงเทียนดีกว่าใคร!

กาลครั้งหนึ่งต้วนหลิงเทียนเป็นแค่คนต่างแซ่ในตระกูลเล็กๆ จากเมืองที่ล้าหลังที่สุดในอาณาจักรนภาล่อง…หากแต่สุดท้ายจากจุดต่ำสุด ก็สามารถทะยานขึ้นไปอยู่ ณ จุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องได้!

ตอนนี้แม้จะมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว แต่ยังคงสร้างเรื่องราวอภินิหารยากจะหยุดยั้ง ราวกับไร้สิ่งใดจะขัดขวางทางเดินของเขาได้

ด้วยเหตุนี้ซื่อหม่าฉางฟงจึงเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนนัก

สำหรับฉงเฉวียนกับโฉดคลุมทองถึงแม้ทั้งคู่จะไม่อาจติดตามรับใช้ต้วนหลิงเทียนได้เหมือนกาลก่อน เพราะพลังฝีมือที่ต่างกันเกินไป แต่พวกมันก็ยังศรัทธาในตัวนายน้อยและเจ้านายของพวกมันหมดใจ

เมื่อนายน้อยทั้งเจ้านายกล่าวว่าสามารถช่วยป๋ายลี่หงได้ในวันนี้ เช่นนั้นป๋ายลี่หงก็ต้องกลับมาก่อนพรุ่งนี้แน่นอน!!

ไม่ว่าเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆจะคิดเห็นเช่นไร ด้านต้วนหลิงเทียนที่ออกจากตระกูลซือถูก็บุกไปยังวังหลวงทันที!

วังหลวงแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนตระกูลราชวงศ์ทุกคน

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้แปลงโฉมกลับมาใช้หน้าปลอมที่แลดูธรรมดา ยากจะแยกหากตกไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน

และด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของเขา คิดลอบเข้าวังหลวงไปหาคนย่อมกระทำได้ง่ายดายอย่างที่ไม่อาจมีใครจับสัมผัสได้

และไม่นานเขาก็สืบจนพบสถานที่คุมขังป๋ายลี่หง กระทั่งลอบเข้าไปอย่างแยบคาย จนพบตัวป๋ายลี่หงในที่สุด

“ศิษย์พี่…”

แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจรับสภาพมาแล้ว แต่ใจต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะตกวูบลงเมื่อเห็นสภาพเลือดชโลมกายของป๋ายลี่หง อีกฝ่ายถูกจับแขวนไว้ราวกับสัตว์ ตามร่างเต็มไปด้วยร่องรอยการทรมานอย่างยากจะทานทน

“ผู้ใด?”

ต้วนหลิงเทียนที่ปกปิดพลังทั้งอาศัยประสบการณ์ทำให้กลมกลืนไปกับความมืดราวภูตผี แม้จะห่างกันไม่กี่ก้าวแต่ก็ยากที่จะแลเห็น ทำให้หากต้วนหลิงเทียนไม่กล่าวเรียกออก ป๋ายลี่หงก็ไม่อาจพบเขาได้

และแน่นอนว่าทันทีที่ป๋ายลี่หงกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมา ทหารที่เฝ้ายามพลันรู้ตัวทันทีว่ามีเรื่องราวผิดท่า…

ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดปราณีคนที่มีส่วนร่วมในการทรมานป๋ายลี่หง

และในบรรดาทหารที่เฝ้าทั้งหมด เก่งสุดก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลางเท่านั้น

ฆ่าพวกมันก็เป็นเรื่องราวอันง่ายดาย ที่ไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้าฆ่าไก่สำหรับต้วนหลิงเทียน!

เพียงเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ทหารกว่าครึ่งร้อยที่อยู่ในคุก ศรีษะก็แตกระเบิดดังโผละปานพลุไฟ! ตกตายลงอย่างที่ไม่อาจตกตายได้มากกว่านี้…แถมกระทั่งถูกอะไรตายพวกมันยังมิอาจทราบได้…

ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ต่อให้ไม่ใช้สิ่งของใดอื่นเสริมพลัง ก็ยังมีพลังทัดเทียมกับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด การจัดการทหารที่อย่างดีก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง อาศัยแค่พลิกฝ่ามือปลดปล่อยพลังไร้สภาพขุมหนึ่งออกไปก็มากเกิน…