บทที่ 367 ถังหลี่อาสาสอบสวน

ถังหลี่และเว่ยฉิงพาเด็กๆ กลับไปที่จวนโหวก่อนจะเดินทางไปยังศาลต้าหลี่

“ฮูหยิน ข้าจะไปกับเจ้า” เว่ยฉิงพูด

ถังหลี่ส่ายศีรษะ เว่ยฉิงเป็นคนของกรมอาญาและมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่การที่เขาไปปรากฏตัวที่ศาลต้าหลี่พร้อมกับถังหลี่ย่อมไม่ใช่เรื่องดี การเป็นเจ้าหน้าที่ในเมืองหลวงนั้นขยับตัวลำบาก สามีของนางมีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องทำ ถังหลี่จึงอยากจัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้เว่ยฉิงเข้ามาเกี่ยวข้อง

“สามี ข้าจัดการเอง ท่านรอข้าอยู่ที่บ้านเถอะ”

ภรรยาของเขาต้องวิ่งวุ่นด้วยตัวเองเป็นเพราะเขานั้นยังอ่อนแอไร้อำนาจอยู่ในมือ ถังหลี่เข้าใจในสิ่งที่เขาคิดทันที นางเขย่งเท้าจูบแก้มของเขา

“สามี ท่านเป็นเข็มทิศในท้องทะเลของข้า ไม่ว่าข้าจะหันมองไปทางใดก็จะเจอท่านเสมอ” ถังหลี่กล่าว

ไม่ใช่ว่าสามีของนางนั้นไร้ประโยชน์ แต่เขานั้นมีประโยชน์มาก ในบางเรื่องที่นางไม่สามารถแก้ไขจัดการได้เว่ยฉิงก็เป็นคนจัดการให้นาง หลังจากภรรยามาออดอ้อนแล้ว เว่ยฉิงก็ยิ้มและลูบศีรษะของนาง

“ข้าจะรอเจ้ากลับมา”

“ตกลง”

ถังหลี่เดินทางไปยังศาลต้าหลี่

……

ศาลต้าหลี่

“ใต้เท้ากู้ ท่านไม่มีหลักฐานอะไรที่จะขังนางไว้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล” องค์ชายสามกล่าวอย่างร้อนรน แม้ว่าจ้าวชูจะเป็นองค์ชาย และเป็นหนึ่งในบรรดาองค์ชายที่จะได้ครองบัลลังก์ แต่กู้หวนเนี่ยนก็ไม่มีท่าทีจะอ่อนข้อให้ เพราะว่าเขาเป็นขุนนางของศาลต้าหลี่ เขาจึงไม่กลัวอำนาจใด มิฉะนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมได้

“องค์ชายสาม จูชุนเจียวยังเป็นผู้ต้องสงสัย ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาความจริงอยู่”

“ตกลงข้าจะให้เวลาท่านสามวัน หากยังไม่สามารถคลี่คลายคดีลงได้ คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากข้าจะทูลเรื่องนี้ถึงเสด็จพ่อ” องค์ชายสามเดินจากไปหลังจากพูดจบ เมื่อเขาเดินไปถึงประตูก็ชะงักหันกลับมาพูดว่า

“นางเป็นพระชายาของข้า หากใครก็ตามที่ทำร้ายนางข้าจะจดจำไว้”

จ้าวชูทิ้งคำขู่ไว้ก่อนจะจากไป

ในสายตาของคนอื่นๆ ที่เห็นการกระทำของจ้าวชู พวกเขาเห็นแต่ความรักที่ลึกซึ้งขององค์ชายสามที่มีต่อจูชุนเจียว แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้มาจากสกุลกู้ เขาก็ยังเลือกที่จะปกป้องนาง

แต่ความจริงแล้ว เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าฮ่องเต้ทรงปกป้องนาง จ้าวชูจึงเลือกที่จะแสดงความรักที่ลึกซึ้งต่อจูชุนเจียวให้ผู้อื่นได้เห็นเพื่อให้หมอเทวดาได้เอ่ยชมเขาต่อเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้ เรื่องดีเช่นนี้ทำไมเขาจะไม่ฉวยเอาไว้เล่า?

เมื่อคิดถึงจูชุนเจียวเขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี แต่ตราบใดที่ทำให้เขาก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้ล่ะก็ อดทนสักหน่อยจะเป็นอะไร?

จ้าวชูที่กำลังเดินออกไปนอกศาลหยุดชะงักเมื่อเห็นคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา สายตาของเขาจับจ้องไปที่นางทันที ฝีเท้าของจ้าวชูหยุดกระทันหัน เขาขวางประตูเอาไว้

ถังหลี่หยุดชะงักเช่นกัน นางมองจ้าวชู นางจำเขาได้ แต่นางไม่ได้มีความประทับใจใดๆ กับเขา พระเอกและนางเอกในนวนิยายเรื่องนี้ล้วนเหมือนสุนัข พวกเขาเป็นคนชั่ว

“โปรดหลีกทาง” ถังหลี่กล่าว

“เรารู้จักกันมาปีกว่าแล้ว เจ้าไม่พูดคุยทักทายข้าหน่อยหรือ?” จ้าวชูพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลทว่าขุ่นเคืองอยู่รางๆ

“เราไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้น” ถังหลี่ลอบกลอกตาเงียบๆ

“ได้โปรดหลีกทางด้วย ท่านขวางทางข้าอยู่” ถังหลี่พูดอย่างหมดความอดทน เมื่อจ้าวชูหลบไปพ้นทาง ถังหลี่เดินผ่านเขาไปอย่างไม่ลังเล จ้าวชูมองตามแผ่นลังนางไปก่อนจะได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ความสูญเสียเกิดขึ้นในดวงตาของเขา บุรุษจากสกุลอู่โหวนั่นจะคู่ควรกับถังหลี่ได้อย่างไร?

เขายังคงคิดถึงถังหลี่ หากวันใดที่เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เขาจะสามารถมีทุกอย่างที่ตนเองต้องการ

……

กู้หวนเนี่ยนมองถังหลี่ เมื่อหญิงสาวเข้ามาเขาเลิกคิ้วขึ้น

“เสี่ยวถังหลี่” กู้หวนเนี่ยนเรียก

เขาเป็นคนมีบุคลิกที่เย็นชา เมื่อเป็นขุนนางในศาลต้าหลี่ยิ่งดูแข็งกร้าวไร้ความปราณี แต่เมื่อพูดกับถังหลี่น้ำเสียงเขาจะแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน

กู้หวนเนี่ยนยุ่งอยู่กับการจัดการคดี ตั้งแต่เมื่อวานนี้เขาไม่ได้คุยกับน้องสาวของเขาอีกเลย เขามองถังหลี่ด้วยสายตาอ่อนโยน

“เจ้าควรเรียกข้าว่าอย่างไร?”

“พี่ใหญ่” ถังหลี่เรียก

“ใช่แล้ว” กู้หวนเนี่ยนตอบน้องสาว คำว่าพี่ใหญ่ที่ออกจากปากของนางช่างไพเราะเสียจริง

“พี่ใหญ่ คดีของจูชุนเจียวเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม

เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาของกู้หวนเนี่ยน จูชุนเจียวไม่ยอมรับสารภาพความผิด ทำให้จูเอ้อร์เกินเริ่มลังเล ส่วนจู๋เยว่นั้นไม่ว่าจะทรมานนางสักเพียงใดนางก็ไม่ยอมปิดปาก ตอนนี้กู้หวนเนี่ยนกำลังจับกุมคนร้ายที่ลอบฆ่าครอบครัวสกุลจู มันมีเงื่อนงำบางอย่างแต่ยังคงต้องใช้เวลา เขารู้สึกกดดัน หากคลี่คลายคดีไม่ได้ก็มีโอกาสที่สถานการณ์จะพลิกผันเปลี่ยนไป

“พี่ใหญ่ ข้าขอพบกับจู๋เยว่ได้หรือไม่?” ถังหลี่ถาม

ตราบใดที่ได้เบาะแสหลักฐานจากจู๋เยว่ คดีนี้จะคลี่คลายลงได้ถังหลี่ตัดสินใจที่จะใช้นาง

“ไม่” กู้หวนเนี่ยนกล่าวอย่างดุดัน เขาไม่ยินดีที่จะเสียนางไปอีกครั้ง นางไม่ควรจะเผชิญหน้ากับนักโทษ

“พี่ใหญ่ ข้ามีวิธีที่จะทำให้จู๋เยว่พูด”

“แค่หนึ่งเค่อเท่านั้นตกลงไหม?”

ทันทีที่ถังหลี่ออดอ้อนราวกับเด็ก หัวใจที่เย็นชาของกู้หวนเนี่ยนก็อ่อนยวบลง ในไม่ช้าเขาก็พ่ายแพ้ต่อนาง น้องสาวเขาก็เป็นผู้เสียหาย การที่จะให้เหยื่อและคนร้ายได้เจอกันย่อมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก กู้หวนเนี่ยนพยักหน้า

“ตกลง”

“แต่ว่าในคุกมันชื้น” เขากังวลเล็กน้อย อีกทั้งยังกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย น้องสาวของเขาเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาอดไม่ได้ที่จะกังวล

“พี่ใหญ่ ข้าไม่กลัวหรอก” ถังหลี่กล่าว

ดวงตาของถังหลี่แน่วแน่มาก มีอะไรที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนหรือ?

กู้หวนเนี่ยนมองน้องสาว บุตรหลานของสกุลกู้แข็งแกร่งมาก ถังหลี่มีสายเลือดของสกุลกู้ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย นางย่อมไม่ใช่ดอกไม้กลีบบาง

กู้หวนเนี่ยนรู้สึกเสียใจกับเรื่องต่างๆ ที่ถังหลี่ได้เผชิญมา แต่เขาคิดว่านางเป็นคนเข้มแข็งจึงเอาตัวรอดมาได้

…..

กู้หวนเนี่ยนเดินนำถังหลี่ไปในห้องขังของศาลต้าหลี่ ในคุกนั้นเย็นชื้น มีกลิ่นแปลกประหลาดล่องลอยในอากาศคล้ายกับโลหิตผสมกับกลิ่นสนิม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ถังหลี่เคยติดคุกมาก่อนที่เมืองเหอตง ในยามที่สามีของนางถูกใส่ร้าย

ผู้คุมเปิดประตูก่อน เขามัดนักโทษเอาไว้ด้านใน กู้หวนเนี่ยนจึงปล่อยถังหลี่เข้าไป

“พี่ใหญ่ ข้าขอคุยกับนางหน่อย ท่านรอข้าด้านนอกสักครู่ได้ไหม?” ถังหลี่พูดเบาๆ ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันหลังจากไป

ถังหลี่เดินเข้าไปในห้องขัง จู๋เยว่ที่ถังหลี่เคยเห็นนั้นนางเป็นสาวใช้ที่สะอาดและดูเย็นชา แต่ตอนนี้สิ่งที่นางเห็นคือมีแต่ความสกปรกและเนื้อตัวที่เปื้อนเลือด

แม้จะโดนทรมานถึงเพียงนี้จู๋เยว่ยังไม่ยอมรับสารภาพ เห็นได้ว่านางมีความภักดีต่อจูชุนเจียวและซื่อสัตย์มากจริงๆ แต่เสียดายที่โง่ไปสักนิด

นางนอนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีอาการตอบสนองแต่อย่างใด เมื่อถังหลี่เดินเข้าไป นางจึงพาจู๋เยว่มานั่งข้างหน้าพลางจ้องมองนาง

“จู๋เยว่ เจ้ามาจากหมู่บ้านหวังเซี่ยนใช่ไหม?”