ตอนที่ 214 จงกล้าหาญแล้วกล่าวตามตรง! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 214 จงกล้าหาญแล้วกล่าวตามตรง! (2)
หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดในใจแล้วกล่าวว่า “แม้ข้าอาจทำให้เจ้าขุ่นเคือง แต่ก็ยังอยากถามเจ้าในเรื่องนี้ เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง เทพธิดาอวิ๋นเซียว… เจ้าสามารถยืนยันได้ว่า เจ้าคือเทพธิดาอวิ๋นเซียวจริงๆ หรือไม่? จริงๆ แล้ว…”

ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะกล่าวต่อ ปี้เซียวที่อยู่ข้างหลังอวิ๋นเซียว ก็แอบยกมือขึ้นแล้วโบกมือให้เขาพร้อมกับทำท่าทางปาดคอ

ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวหันกลับไปมองปี้เซียวที่อยู่ข้างหลัง ทันใดนั้น ปี้เซียวก็รีบปล่อยมือและก้มศีรษะลงและทำท่าทางดูน่าสงสาร

“เฮ้อ” อวิ๋นเซียวถอนหายใจเบา ๆ และน้ำเสียงของนางยามเมื่อกล่าวตำหนิออกมาก็ยังอ่อนโยนอย่างยิ่งเช่นกัน “น้องเล็ก เจ้ากำลังแกล้งเขาอีกแล้ว”

ปี้เซียวกล่าวอย่างร่าเริง “พี่สาว เขาแกล้งข้าก่อนนะ”

“อยู่บ้านแล้วระวังตัวให้ดี ห้ามเตร่ไปทั่วนะ”

เมื่ออวิ๋นเซียวกล่าวเช่นนั้น นางก็หันกลับมาแล้วชี้ไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่ว จากนั้น ก็มีเสี้ยวอักขระเต๋าเล็กๆ ล้อมรอบปราณวิญญาณของหลี่ฉางโซ่ว

จากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ทำคารวะเต๋าและกล่าวขออภัยที่ทำให้นางขุ่นเคืองที่เขาขอให้นางยืนยันตัวตนของเทพธิดาอวิ๋นเซียว

เขาอดจะกลัวไม่ได้จริงๆ ว่าจะถูกปี้เซียวหลอกอีกครั้ง…

ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวสร้างเมฆขาว และให้หลี่ฉางโซวขึ้นไปก่อน จากนั้น นางและหลี่ฉางโซวจึงยืนอยู่ที่ปลายทั้งสองของเมฆขาว แล้วบินออกจากกำแพงเมฆไปอย่างรวดเร็วเป็นระยะทางนับพันลี้

ในตอนนี้ อวิ๋นเซียวรู้แล้วว่า ฉยงเซียวอยู่ที่ใด หลังจากที่ทำมุทราหยั่งรู้และพยายามค้นหานาง

ในชั่วพริบตา เมฆขาวก็ขับเคลื่อนไปไกลกว่าพันลี้ ฐานพลังปราณที่ลึกซึ้งของอวิ๋นเซียวถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน นางรักษาระยะห่างจากหลี่ฉางโซ่วมาตลอดทางและไม่ได้คิดเอ่ยวาจาใดๆ

ไม่นานหลังจากนั้น อวิ๋นเซียวก็พบร่องรอยของฉยงเซียว จ้าวกงหมิงและหานจื่อในส่วนลึกของทะเลทักษิณ…

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสามก็เดินไปรอบๆ ทะเลประจิมแล้ววนกลับมาอีกครั้ง พวกเขากำลังคุยกันถึงผลประโยชน์ที่ได้รับมาในขณะที่ฉยงเซียวกำลังแจกจ่ายคลังเวทจัดเก็บ

ในเวลานี้ พวกเขาก็ยังอยู่ห่างไกลออกไป และพวกของจ้าวกงหมิงทั้งสามก็ไม่ได้สังเกตอวิ๋นเซียว

เมื่อเห็นเช่นนั้น อวิ๋นเซียวก็ถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวอย่างกังวลว่า “ฉยงเซียวชอบแกล้งคนไปทั่ว แล้วนางยังลากพี่ชายเข้ามาร่วมด้วยอีก ข้าต้องชี้แนะพวกเขาอย่างถูกต้อง นี่ไม่ใช่ว่า พวกเขาได้รับกรรมโดยใช่ที่หรือ? แล้วพวกเขายังต้องเผชิญกับภัยพิบัติในอนาคตอีกด้วย”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงัน

นางยังดูอ่อนโยนแม้แต่ในยามที่กล่าวเช่นนั้น… แค่กๆ หากอวิ๋นเซียวเพียงกล่าวสั่งสอนพวกของจ้าวกงหมิงไม่กี่คำ เช่นนั้นแล้ว การเดินทางของข้าจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?

หากต้องการหยุดคณะต้มตุ๋นเหล่านี้ ข้าต้องเอาชนะพลังชั่วร้ายของโลกบรรพกาลที่ท่านลุงจ้าวนำมา ข้าต้องให้อวิ๋นเซียวจัดการเขาให้แรงๆ!

หลี่ฉางโซ่วจึงกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงไปว่า “เทพธิดา ท่านคงไม่รู้ว่า หลังจากที่ถูกพวกของสหายเต๋ากงหมิงกลั่นแกล้ง แล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง เศร้าโศก และคับข้องใจมากมายเพียงใด เช่นนั้น เหตุใดไม่…”

แล้วหลี่ฉางโซ่วก็แนะนำแนวทางต่อไป

บัดนี้ หลี่ฉางโซ่วกลายเป็นกุนซือให้อวิ๋นเซียวแล้ว อวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนแรก นางไม่อยากคิดถึงพี่ชายและน้องสามของนาง

อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่อาจต้านทานถ้อยคำที่ชาญฉลาดของหลี่ฉางโซ่วได้

จากนั้นไม่นาน อวิ๋นเซียวก็พยักหน้าแล้วเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างรวดเร็ว นางระงับกลิ่นอายลมปราณและอักขระเต๋าเอาไว้จนหมดและกลายร่างเป็นนักพรตเต๋าชราทันที

นักพรตเต๋าชราคนนี้ถือแส้หางม้าและขี่เมฆบินไปยังบริเวณพื้นที่ทะเลที่พวกของจ้าวกงหมิงอยู่

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่ด้านหลังของนักพรตเต๋าชราแล้วถอนหายใจ

เมื่อใต้หล้านี้สร้างสิ่งมีชีวิตเซียนเทียนทั้งสาม เป็นเทพธิดาซานเซียว คุณสมบัติเช่น ความอ่อนโยน ความจริงจัง ศักดิ์ศรีและความงาม น่าจะมอบให้กับอวิ๋นเซียว ส่วนคุณสมบัติที่เหลือ เช่น ความเจ้าเล่ห์ ความประหลาด และความซุกซนควรมอบให้ฉยงเซียว และปี้เซียว

ในโลกบรรพกาลอันหนาวเหน็บและมืดมนแห่งนี้ ยังสามารถพบกับผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลัง จริงจังและน่านับถือได้เช่นนี้

นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ…

ในขณะนั้น ฉยงเซียว จ้าวกงหมิงและหานจื่อที่เพิ่งเสร็จสิ้นการแบ่งของที่ปล้นมาบนเกาะ กำลังวางแผนที่จะไปยังโลกที่เจริญรุ่งเรืองอีกสองสามแห่งต่อไป หรือไม่ก็ไปท่องเที่ยวเล่นๆ ที่ดินแดนเทวะมัชฌิมา

ทันใดนั้นดวงตาของฉยงเซียก็ส่องสว่างขึ้น นางตระหนักได้ว่า มีนักพรตเต๋าชราคนหนึ่งได้ขี่เมฆผ่านบริเวณนั้นไป นางจึงมองให้ชัดมากขึ้น และตระหนักว่า เขาเป็นเซียนจินเช่นกัน

ฉยงเซียวทำมุทราหยั่งรู้ทันที และเมื่อพบว่า การหลอกลวงคนผู้นี้ จะไม่มีอันตราย นางจึงโบกมือทันที

“พี่ชายไปกันเถิด มีปลาอ้วนตัวหนึ่งมาหาเราถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว”

จ้าวกงหมิงยิ้มอย่างสงบและขี่เมฆด้วยมือของเขาด้านหลังและชายชราที่บินผ่านมา

จ้าวกงหมิงยิ้มสงบและยืนบนก้อนเมฆขณะที่เอามือไพล่หลังไว้ เขาหยุดนักพรตเต๋าชราที่บินผ่านเขาอย่างชำนาญ

หลี่ฉางโซ่วแอบเตือนอวิ๋นเซียวว่า อย่าพูด หากนางไม่เป็นที่รู้จัก นางย่อมจะดูผลงานของพวกเขาเงียบๆ ได้…

น่าเสียดายที่หลี่ฉางโซ่วอยู่ไกลเกินไป จึงไม่อาจเห็นได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาจึงทำได้เพียงอาศัยความคิดและจินตนาการของเขาเท่านั้น และในขณะที่กำลังขี่เมฆ จ้าวกงหมิงก็พุ่งตรงมาจากด้านข้างและตะโกนว่า “สหายเต๋า!”

นักพรตเต๋าเฒ่าผู้เปลี่ยนร่างจากอวิ๋นเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองดูพี่ชายของนางอย่างสับสน

จ้าวกงหมิงรีบบินเข้าไปใกล้ เมื่ออยู่ห่างกันสิบจั้ง จู่ๆ เขาก็เอียงเท้าแล้วล้มลงนอนบนก้อนเมฆ และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

อวิ๋นเซียวตกตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบถลาไปข้างหน้า ทว่านางกลับได้ยินจ้าวกงหมิงกล่าวเบา ๆ ว่า “สหายเต๋า เหตุใดเจ้าถึงลอบทำร้ายข้า?”

“หือ?”

อวิ๋นเซียวตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “พี่ชาย!”

อวิ๋นเซียวตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ทว่าจ้าวกงหมิงลอบยิ้ม เขาได้เห็นสีหน้าท่าทีเช่นนั้นมาหลายครั้งแล้ว! “พี่ชาย!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง เขาเห็น ฉยงเซียวขี่เมฆแล้วรีบพุ่งมาอย่างกังวล “พี่ชาย เกิดอันใดขึ้นกับท่าน? พี่ชาย!”

จากนั้น ฉยงเซียวก็มองไปที่ชายชราที่อยู่ข้างหน้านางอย่างเศร้าโศกและขุ่นเคือง “เจ้าทำอันใดกับพี่ชายของข้า!?!”

อวิ๋นเซียวผงะงันทันที

หลังจากนั้น พวกเขาก็ใช้กลอุบายหลอกลวงและบังคับขู่เข็ญที่พวกเขาคุ้นเคยดีอย่างเชี่ยวชาญ จ้าวกงหมิงแอบเปิดผลึกบันทึกเหตุการณ์และเตรียมแบบปฏิญญาต้าเต๋า

ไม่นานหลังจากนั้น เซียนสตรีอีกคนก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านข้างแล้วพึมพำว่า “เฮ้ เกิดอันใดขึ้นที่นี่? แย่แล้ว”

ครู่ต่อมา…

ก็มีเสียงว่า ‘พอได้แล้ว’ ดังกึกก้องอยู่บนท้องฟ้าเหนือทะเลทักษิณ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วอยู่ไกลจากสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์มาก แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องอุทานอย่างโกรธจัด ความโกรธ ไม่อยากเชื่อ และความเจ็บปวดในน้ำเสียงของนาง ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย

แต่ก่อนที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ หลี่ฉางโซ่วจะทันได้ตอบสนอง ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสีทองลอยมา แล้วสายตาของเขาก็มืดลง จากนั้น เขาก็ถูกดึงเข้าไปในที่มืดและแคบ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีลำแสงสีทองอีกดวงหนึ่งเข้ามาห่อหุ้มเขาเอาไว้และ ‘เชิญ’ เขาให้ออกไปจากที่นี่…

หลี่ฉางโซ่วเงยหน้ามองขึ้นไป แล้วตระหนักว่า บัดนี้ เขาได้กลับไปที่เกาะซานเซียวแล้ว เขาอยู่ในลานบ้านที่เขาเคยอยู่มาก่อน ตรงหน้าเขาคือ อวิ๋นเซียวที่กำลังเม้มปากด้วยความโกรธ ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หันกลับมาแล้วเห็นถังทองคำสูงสามฉื่ออยู่ด้านหลังเขา

อวิ๋นเซียวยกมือขึ้น จากนั้นก็มีลำแสงสามสายพุ่งออกมาจากถังทองคำ แล้วกลายเป็นจ้าวกงหมิง หานจื่อ และฉยงเซียวที่ดูสับสน …

ใบหน้าของฉยงเซียวซีดเผือดเมื่อมองไปที่อวิ๋นเซียวซึ่งกำลังสั่นเทาด้วยความโกรธ ในขณะนั้น นางก็พูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า… “จบแล้ว”

อวิ๋นเซียวตวาดออกมาทันที “คุกเข่า!”

ฉยงเซียวและ ปี้เซียวที่เฝ้าดูอยู่ไกล ๆ คุกเข่าลงอย่างกะทันหัน ปี้เซียวบีบหูเล็ก ๆ ของนางโดยไม่รู้ตัวและคิดอะไรไม่ออก

ใบหน้าของหานจื่อซีดเซียว นางคุกเข่าลงกับพื้น โดยไม่กล้าขยับเขยื้อนใดๆ

แม้แต่จ้าวกงหมิงก็ยังขางอและเคราสั่นเทา เขาคุกเข่าลงอย่างลังเลด้วยสีหน้าท่าทางกระดากอาย…

อวิ๋นเซียวสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วปรี่ไปข้างหน้า นางระงับโทสะและช่วยประคองจ้าวกงหมิงขึ้น

“พี่ชาย ท่านจะทำอันใดกัน? ข้ากำลังหมายถึงน้องสามเจ้าค่ะ… อา พี่ชาย… พี่ชาย หากท่านไม่มีทรัพยากรในการฝึกบำเพ็ญ ท่านก็บอกน้องสาวของท่านได้ ไยต้องทำเช่นนี้เจ้าคะ?”

ทันใดนั้น จ้าวกงหมิงก็ทำอะไรไม่ถูกในขณะที่มองไปที่อวิ๋นเซียวซึ่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ว่าจะเอ่ยวาจาใดออกมา

“ข้าก็แค่… น้องรอง อย่าโกรธไปเลย ข้าก็แค่…”

เมื่อเขาเห็นเซียนเฒ่าที่อยู่ข้างๆ เขา จู่ๆ เขาก็เข้าใจบางอย่างได้ทันที จากนั้นจึงถอนหายใจและกล่าวว่า “โอ้ เทพทะเล เจ้ากำลังทำร้ายข้า เจ้าทำได้อย่างไร!?!”

เพื่อหลีกเลี่ยงกรรม เขาไม่อยากให้จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวสร้างปัญหาให้เขาในภายหลัง

หลี่ฉางโซ่วคิดในใจอยู่สักพัก เขามือสั่นเทาในขณะที่กล่าวประโยคที่เขาไตร่ตรองตั้งแต่มาถึงด้วยน้ำเสียงสั่น

“สหายเต๋า เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เดิมที เราใช้กลอุบายนี้ด้วยเหตุใด? เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จงกล้าหาญแล้วกล่าวตามตรง ”

จ้าวกงหมิงตื่นตกใจทันที

…………………………………………………………………………………………………………………………