บทที่ 369 กู้อิ๋นโดนประหารชีวิต

วันถัดมา

ที่ห้องขัง

เมื่อประตูห้องขังเปิดออก มีเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ที่ด้านหน้าของห้องขัง

“จูชุนเจียวออกมา”

จูชุนเจียวนั่งอยู่บนเตียงและเมื่อได้ยินเสียงนางก็ลุกขึ้นยืนอย่างสงบ ช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมานี้ นางดูสงบมาก ตอนนี้หลักฐานที่กู้หวนเนี่ยนมีคือจูเอ้อร์เกินและจู๋เยว่

จูเอ้อร์เกินนั้นโง่ถูกนางหลอก ส่วนจู๋เยว่นั้นภักดีและไม่มีวันทรยศกับนาง ดังนั้นกู้หวนเนี่ยนจึงไม่มีหลักฐานอะไรที่จะตัดสินมาความผิดของนางได้ ตอนนี้จ้าวชูหลงรักนาง ส่วนหมอเทวดาผู้นั้นก็ขอร้องแทนนางต่อหน้าฮ่องเต้ นางต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลานางจะได้แต่งงานกับจ้าวชู หลังจากเป็นพระชายาขององค์ชายสามโดยได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้แล้ว แม้ว่านางจะไม่ได้มีสกุลกู้หนุนหลัง แต่ก็ถือว่าไม่เสียหายมากนัก จากนั้นคงต้องหาผู้ที่มีอำนาจทางการทหารสนับสนุนนาง อาจจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย…จูชุนเจียวนึกพลางเดินอย่างสบายๆ เข้าไปในลานพิจารณาคดี

การพิจารณาคดีในครั้งนี้เป็นแบบสาธารณะ ดังนั้นที่ด้านนอกจึงมีผู้คนมากมายเฝ้าดูอยู่

เก้าอี้ตัวแรกคือกู้หวนเนี่ยนผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่ ถัดจากกู้หวนเนี่ยนก็คือองค์ชายสามจ้าวชู เขารู้ว่ามีการพิจารณาคดีในครั้งนี้จึงรีบมาทันที จ้าวชูมองไปจูชุนเจียวอย่างปลอบโยน มีทีท่าปกป้องนางอย่างเต็มที่

การแสดงออกของจ้าวชูน่าประทับใจมาก หญิงสาวยิ้มแย้มออกมาทันที เมื่อเทียบกับกู้หวนเนี่ยนที่มีทีท่าไม่แยแสแล้วนั้น ทั้งสองคนดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จ้าวชูดูจริงใจกับนางมากกว่าจนจูชุนเจียวรู้สึกได้ว่าเขาทั้งสง่างามและหล่อเหลาเป็นอย่างมาก

“ใต้เท้า ได้โปรดพิจารณาคดีในครั้งนี้อย่างเป็นธรรม ข้าไม่ต้องการเห็นการไต่สวนที่ไม่เป็นกลาง และเป็นเท็จ ข้าไม่อยากให้พระชายาของข้าต้องถูกทำร้าย” จ้าวชูกล่าว เขาพยายามกดดันกู้หวนเนี่ยน

กู้หวนเนี่ยนพยักหน้า“ข้าจะไต่สวนอย่างเป็นธรรม”

“เบิกตัวพยาน!”

จากคำสั่งของกู้หวนเนี่ยน จูเอ้อร์เกินและจู๋เยว่ถูกพาตัวเข้ามาทันที ใบหน้าของจูเอ้อร์เกินตื่นตระหนก เขาใส่เสื้อผ้าสะอาดแม้ใบหน้าจะซีดเผือดหากดวงตาแจ่มใส

กู้หวนเนี่ยนไต่สวนจู้เอ้อร์เกินทันทีแต่เขากลับพูดจาได้ไม่ชัดเจนครบถ้วน เขาไม่สามารถบอกได้ว่าน้องสาวของเขาได้ฆ่าบิดามารดาของตัวเองหรือเปล่า เขามองไปที่จูชุนเจียวเห็นนางมองมาที่เขาด้วยใบหน้าที่จริงใจไม่เหมือนคนที่สามารถฆ่าคนได้ น้องสาวคนนี้หรือจะเป็นคนที่บิดามารดาได้ลงคอ?

แต่คำพูดของชายชุดดำผู้นั้น…ทำให้จิตใจของจูเอ้อร์เกินสับสนมาก

“ข้าไม่รู้ อย่าถามข้า ข้าไม่รู้!” จูเอ้อร์เกินกล่าว ตอนนั้นเองที่ทั้งจ้าวชูและจูชุนเจียวคลี่ยิ้มออกมา

“จู๋เยว่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ที่จูชุนเจียวสั่งให้เจ้าไปจ้างมือสังหารเพื่อฆ่าถังหลี่?” กู้หวนเนี่ยนถาม

จูชุนเจียวไม่กังวลสักนิดว่าจู๋เยว่จะหักหลังนาง บ่าวรับใช้ผู้นี้ภักดีกับนางมาก ใครๆ ต่างทรยศนางได้ทั้งนั้นยกเว้นจู๋เยว่

ทว่าความเกลียดชังฉายขึ้นมาในดวงตาของจู๋เยว่ก่อนนางที่กล่าวตอบว่า

“ใช่!”

“คุณหนูไม่เพียงแค่สั่งให้ข้าไปจ้างวานนักฆ่าเท่านั้น แต่ยังให้ข้าฆ่าท่านอารองของตัวเองในเมืองชิงเหอ เหตุเพราะคนผู้นั้นจดจำนางได้”

เมื่อจู๋เยว่พูดขึ้นมาเช่นนี้จูชุนเจียวก็ตกตะลึงไปทันที เป็นไปได้อย่างไรกัน?

จู๋เยว่ทรยศนาง?

จูเอ้อร์เกินกลับมารู้สึกตัว เขามองไปที่จูชุนเจียวทันที

“เจ้าฆ่าท่านอารองหรือ!”

มีการพบศพอารองของเขาในเมืองแต่ไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้ คนผู้นั้นคือจูชุนเจียวหรือ!

จู๋เยว่สารภาพสิ่งที่เกิดขึ้น นางเป็นคนสนิทของจูชุนเจียว ดังนั้นเมื่อหญิงสาวทรยศจูชุนเจียวแล้วทำให้ไม่สามารถปกปิดเรื่องราวต่างๆ ได้อีก

ใบหน้าของจูชุนเจียวนั้นซีดเผือดไม่มีท่าทีผ่อนคลายดั่งเช่นก่อนหน้านี้

ในขณะที่นางกำลังจะล้มลง เรื่องทุกอย่างยังไม่จบ กู้หวนเนี่ยนนำตัวโจรที่ฆ่าครอบครัวของจูเอ้อร์เกินออกมา คนเหล่านี้ไม่ได้มีความภักดีกับจูชุนเจียว ดังนั้นพวกเขาจึงรีบสารภาพทันทีว่าทุกอย่างเป็นเพราะคำสั่งของนาง

คราวนี้หลักฐานทุกอย่างจึงไม่สามารถดิ้นหลุดได้

“จูชุนเจียวหญิงสารเลว ! ขนาดบิดามารดาพี่น้องเจ้ายังฆ่าได้ เจ้าสมควรถูกสวรรค์ลงโทษ!”

จูเอ้อร์เกินสาปแช่งเสียงดัง คนที่มาชมการพิจารณาคดีเองก็ตกใจเช่นกัน จะมีหญิงสาวที่เลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร?

“จูชุนเจียวคนนี้ร้ายกาจมาก นางสวยงามแต่มีจิตใจที่เหมือนงูร้ายและอสรพิษ นางฆ่าคนไปมากมาย!”

“นี่ไม่ใช่มนุษย์แล้วแต่เป็นสัตว์ร้าย”

“คนแบบนางควรถูกประหารชีวิต”

“ประหารนางซะ”

“ประหารนาง!”

ผู้ชมเริ่มโวยวาย จู๋เยว่ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นหันกลับไปมองที่ฝูงชนทันที ถังหลี่ที่ยืนนิ่งตรงนั้นสบตากับนาง แม้พวกนางจะไม่ได้พูดอะไรกันสักคำแต่กลับเข้าใจกันดี

จู๋เยว่ทำผิดพลาดมากเกินไปในชีวิตนี้ อย่างไรเสียนางก็ต้องตาย ในเมื่อรู้ว่าจูชุนเจียวเต็มไปด้วยแผนการณ์เล่ห์เหลี่ยม ถังหลี่สัญญากับนางแล้วว่าจูชุนเจียวจะได้รับผลกรรมทั้งหมดอย่างแน่นอน

ถังหลี่พยักหน้า

ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้จูชุนเจียวถูกลงโทษตามกฎหมายและล้างแค้นให้บิดามารดาของเจ้าอย่างแน่นอน!

จู๋เยว่มองไปที่ศาลอีกครั้ง ถังหลี่กำชับกับนางว่าอย่าเปิดเผยเรื่องอายุวัฒนะเด็ดขาดแม้แต่กับกู้หวนเนี่ยน

ตอนนี้ฮ่องเต้โจวเสวยยาตัวนี้มาหนึ่งปีแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจของเขาล้วนเชื่อแต่คำพูดของหมอเทวดา แม้ว่าความจริงจะถูกเปิดเผย ฮ่องเต้ก็คงไม่ทรงเชื่อพวกนาง ตอนนี้ร่างกายของพระองค์กำลังดีขึ้น หากจู่ๆ ไปบอกว่าไม่มีทางรักษา? ต่อให้ไม่ทรงโกรธก็คงตรัสว่าคำพูดพวกนี้ไร้สาระและตำหนิพวกเขาอย่างแน่นอน

กู้หวนเนี่ยนเป็นคนซื่อตรงและยุติธรรมมากเกินไป ความแข็งแกร่งของเขากลับเป็นจุดอ่อนในบางครั้ง หากเขาได้รับคำสารภาพของจู๋เยว่ กู้หวนเนี่ยนจะเผชิญหน้ากับหมอเทวดา ถึงตอนนั้นฮ่องเต้ย่อมเข้าข้างหมอเทวดา สุดท้ายแล้วกู้หวนเนี่ยนและสกุลกู้จะมีภัย

กู้หวนเนี่ยนเถรตรงจนขึ้นชื่อ ในนวนิยายต้นฉบับ กู้อิ๋นเป็นคนที่ทำให้ชื่อเสียงที่บริสุทธิ์ของเขาต้องพังทลายลง เขาจมอยู่กับความหดหู่ไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน สุดท้ายจึงจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ

ส่วนตัวของถังหลี่ นางต้องการจะปกป้องชื่อเสียงของพี่ชาย เพื่อที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการในภายหน้า

เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย ต้องปรึกษาหารือกันให้มาก

ด้วยพยานและหลักฐานทั้งหมด ทั้งจูชุนเจียวและจู๋เยว่ถูกลงโทษประหารโดยการตัดศีรษะ

หลังจากการพิจารณาคดีแล้ว วันประหารถูกกำหนดขึ้นในอีกสามวัน ถังหลี่และเว่ยฉิงเองก็ไปดูการประหารด้วย

ในระหว่างการประหารชีวิตเว่ยฉิงปิดตาถังหลี่ไว้ ถังหลี่ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง

กู้อิ๋นเป็นนางเอกนวนิยายเรื่องนี้จะตายง่ายๆ อย่างนั้นหรือ? ความเป็นนางเอกของนางจะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ?

“สามี” ถังหลี่เรียกอย่างลังเล

เว่ยฉิงดูเหมือนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ว่านางจะพูดอะไร เขาจึงชิงตอบขึ้นมา

“เป็นนาง ข้าเห็นกับตา”

ถังหลี่พยักหน้า

หวังว่ารัศมีนางเอกของนางคงไม่ปกป้องจูชุนเจียว และนางได้ตายไปแล้วจริงๆ !

หญิงสาวคนนี้เป็นคนเลวทราม การมีชีวิตอยู่ของนางรังแต่จะทำร้ายคนจำนวนมาก

เว่ยฉิงจับมือถังหลี่เดินไปที่จวนโหว

หลังจากที่เข้าไปในจวนพวกเขาเห็นหานอี้คนสนิทของเว่ยฉิงอย่างกำลังรอพวกเขาด้วยความเคร่งขรึม

“นายท่าน มีบางอย่างเกิดขึ้นกับนายท่านสามขอรับ” หานอี้พูด

นายท่านสามคือลุงของเว่ยฉิง เซียวซานหลางซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวของเว่ยฉิงและเป็นผู้อาวุโสของเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทีของเว่ยฉิงก็เปลี่ยนไปทันที