ตอนที่ 368 เพียงตื่นตูมไปเอง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 368 เพียงตื่นตูมไปเอง

เมื่อนึกได้ว่าผลการตรวจของฟางจั๋วหรานจะออกมาในวันพรุ่งนี้แล้ว หลินม่ายก็ค่อนข้างตื่นเต้นขึ้นมา

ตอนกลางคืนเธอนอนอธิษฐานบนเตียงอยู่นาน ภาวนาให้ผลเป็นปกติทั้งหมด แล้วจึงหลับตาลง

แต่ก็ไม่มีประโยชน์ พอหลับตาลงก็คิดฟุ้งฟ้านจนหลับไม่ลงเลย

เธอจึงลุกขึ้นแล้วทบทวนบทเรียนของชั้นมัธยมปลายเสียเลย กระทั่งถึงเวลาตีสองตีสามความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียก็เริ่มเข้าโจมตี เมื่อนั้นเธอถึงขึ้นเตียงนอนหลับไป

ครั้งนี้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันถึง10นาทีก็หลับไปเสียแล้ว

แต่ก็ยังกระสับกระส่าย ฝันอยู่ตลอดเวลา แต่ในความฝันนั้นเห็นอะไรบ้าง ยามที่ตื่นมาตอนเช้ากลับจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

หลินม่ายลุกขึ้นนั่งบนเตียง มึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เธอยกมือขยี้ตาแล้วจึงลุกไปอาบน้ำ

เมื่อทำอาหารเช้าเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็มาถึงแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นใต้ตาสีเขียวคล้ำนิดๆ ของเธอ เขาก็ถามอย่างเป็นกังวล “เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอ?”

หลินม่ายกลอกตาใส่เขา “เมื่อคืนฉันนอนหลับเป็นตาย จะไปนอนหลับไม่สนิทได้ยังไงคะ?”

ฟางจั๋วหรานจ้องมองดวงตาของเธอ “งั้นทำไมขอบตาถึงดำนิดๆ ได้ล่ะ?”

หลินม่ายหันหน้าหนี “มีที่ไหนกัน!”

หลังกินข้าวเช้าเสร็จ และพาโต้วโต้วไปส่งที่บ้านจ้วงจ้วงแลว หลินม่ายก็ไปที่โรงพยาบาลพร้อมกับฟางจั๋วหราน

ตอนที่รับผลตรวจ เธอรู้สึกใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เล็กน้อย

ทว่าหลังจากได้รับมาสามใบติดต่อกัน เป็นผลปกติดีทั้งหมด เส้นประสาทที่ตึงเครียดของหลินม่ายถึงได้ผ่อนคลายลงมาบ้าง

เหลือแค่ผลตรวจใบสุดท้าย และเป็นใบที่สำคัญที่สุดด้วยเช่นกัน

ถ้าหากผลตรวจใบนั้นไม่มีอะไร ฟางจั๋วหรานก็จะปลอดภัยอย่างสมบูรณ์

ทั้งสองคนมาที่หน้าต่างห้องตรวจ หลินม่ายบอกกับพยาบาล “ผลตรวจของฟางจั๋วหรานค่ะ ขอบคุณค่ะ”

พยาบาลเหลือบมองเธอเล็กน้อย แล้วให้กับฟางจั๋วหรานที่อยู่ข้างๆ เธอด้วยรอยยิ้มหวานหยด “สวัสดีค่ะศาสตราจารย์ฟาง”

“สวัสดีครับ” ฟางจั๋วหรานเอ่ยเร่ง “รีบเอาผลตรวจของผมให้ว่าที่ภรรยาของผมดูเร็วเข้าเถอะครับ ไม่อย่างนั้นเธอจะเป็นกังวลเอา”

เมื่อนั้นพยาบาลสาวถึงก้มหน้าลงพลิกหาผลตรวจของฟางจั๋วหรานในกองผลตรวจกองใหญ่

หลังจากหาเจอแล้ว พยาบาลสาวก็อ่านดูเล็กน้อย พลันหน้าถอดสีอย่างกะทันหัน

ในตอนที่ยื่นผลตรวจให้กับหลินม่าย แววตาที่หล่อนมองไปยังฟางจั๋วหรานนั้นมีความเวทนาและเห็นใจเป็นพิเศษ

หัวใจของหลินม่ายจมดิ่งลงเบื้องล่างในทันที เธอรับผลการตรวจมาอ่านดู

ผลการตรวจนั้นย่ำแย่อย่างมาก เม็ดเลือดขาวสูงจนน่ากลัว ฮีโมโกลบินกับเกล็ดเลือดล้วนต่ำมาก

เห็นได้ชัดว่าเป็นภาวะของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

บนใบผลตรวจจากห้องปฏิบัติการนั้นมีระบุคำแนะนำของแพทย์เอาไว้ว่า ให้พบแพทย์โดยเร็วที่สุด

หลินม่ายรู้สึกเพียงขาทั้งสองข้างอ่อนแรง และเริ่มยืนไม่อยู่

ฟางจั๋วหรานให้เธอพิงอยู่ในอ้อมแขนของตน เขาก้มหน้าลงอ่านผลตรวจในมือของเธอ สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา

เขาดึงผลตรวจออกมาจากมือของหลินม่าย แล้วยื่นให้กับพยาบาล สีหน้าหม่นครึ้มจนพาให้หวาดหวั่น “คุณหยิบผิดแล้ว”

พยาบาลสาวได้ยินเช่นนั้น ก็รีบรับใบผลตรวจใบนั้นมาดู ปรากฏว่าเธอหยิบผิดจริงๆ

เจ้าของใบผลตรวจใบนั้นชื่อว่าฟางจั๋วเยี่ยน เพราะเขียนแบบหวัดๆ เมื่อมองผ่านตาแวบแรกจึงคล้ายกับชื่อฟางจั๋วหรานอย่างมาก

พยาบาลยิ้มอย่างเก้อๆ “หยิบผิดจริงๆ ด้วยค่ะ” แล้วก้มหน้าหาผลตรวจของฟางจั๋วหราน

หลินม่ายโกรธจัด แทบอยากจะชกหน้าพยาบาลคนนั้นเสียเลย

ในตอนนั้นเองหัวหน้าพยาบาลก็เดินเข้ามา ยิ้มทักทายกับฟางจั๋วหราน “มารับผลตรวจให้แฟนสาวเหรอคะ”

“เปล่าครับ มารับของผมเอง”

หัวหน้าพยาบาลหยุดฝีเท้าในฉับพลัน พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณไม่สบายตรงไหนเหรอคะ?”

ฟางจั๋วหรานรับผลตรวจที่พยาบาลยื่นมาให้ใหม่แล้วอ่านดูเล็กน้อย “เมื่อกี้นี้ผมนึกว่าผมเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเสียแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้วล่ะครับ”

สีหน้าของหัวหน้าพยาบาลเต็มไปด้วยความงุนงง “ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยค่ะ?”

ทันใดนั้นพยาบาลสาวก็ตื่นตระหนกขึ้นมา หล่อนมองมาทางฟางจั๋วหรานอย่างขอร้อง

ฟางจั๋วหรานไม่สนใจสายตานั้นของพยาบาลสาว แล้วบอกเรื่องที่หล่อนให้ใบผลตรวจผิดเมื่อครู่นี้แก่หัวหน้าพยาบาล

หัวหน้าพยาบาลโกรธมาก เอ่ยตำหนิพยาบาลคนนั้น “ทำไมเธอถึงสะเพร่าขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าจะให้ใบผลตรวจผิด เดือนนี้งดโบนัส!”

พยาบาลสาวทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “ก็ตัวอักษรมันหวัดเกินไป ฉันก็เลยมองไม่ชัดนี่คะ~”

ฟางจั๋วหรานพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก “ถึงตัวอักษรจะไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่ก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นตัวอะไร คุณต่างหากที่สะเพร่าจนได้เรื่อง”

พยาบาลคนนั้นก้มหน้าลงไม่กล้าแก้ตัวอีก

ท่าทีในตอนทำงานของศาสตราจารย์ฟางนั้นเข้มงวดกวดขัน จนโจษจันกันไปทั่วโรงพยาบาล

หากหล่อนดึงดันไม่ยอมรับความผิด น่ากลัวว่าจะไปยั่วโมโหเขา ผลที่ตามมานั้นก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

หลินม่ายดึงมือของฟางจั๋วหรานมาอ่านผลตรวจของเขาอย่างละเอียดอยู่หลายรอบ ผลปกติดี ทันใดนั้นเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ฟางจั๋วหรานยิ้มให้เธออย่างเอาอกเอาใจ “ตอนนี้วางใจได้แล้วนะ”

หลินม่ายเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วเอ่ยอย่างงงงัน “ในเมื่อร่างกายไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมเลือดกำเดาถึงไหลตั้งหลายครั้งติดกันได้ล่ะ?”

ฟางจั๋วหรานทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แล้วพูดอธิบาย “คงเป็นเพราะอากาศร้อนอบอ้าวแล้วยังงานรัดตัว ก็เลยเป็นร้อนในน่ะ ดื่มชาสมุนไพรฤทธิ์เย็นสักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว”

หลินม่ายพยักหน้า “ตอนเที่ยงฉันจะต้มชาสมุนไพรให้คุณนะคะ”

หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล เธอก็ไปหาผอ.เขตโอวหยางที่สำนักงานเขต อยากจะถามสักหน่อยว่าเบื้องบนมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องการปรับพื้นที่โรงงาน

ผอ.เขตโอวหยางเพิ่งกลับจากการประชุมช่วงเช้ามาที่ห้องทำงาน เมื่อเห็นหลินม่ายเขาก็ถามด้วยรอยยิ้ม “มาหาผมตั้งแต่เช้ามีเรื่องอะไรเหรอ?”

หลินม่ายยิ้มพลางถามอย่างเก้อเขิน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากถามท่านผอ.เขตว่าเบื้องบนมีข้อชี้แนะต่อเรื่องการปรับเปลี่ยนโรงงานยังไงเหรอคะ?”

ผอ.เขตโอวหยางหัวเราะด้วยน้ำเสียงแจ่มใสเล็กน้อย “ที่แท้ก็ยังเด็ก อดรนทนรอไม่ไหว ผมให้คุณมาถามในอีกสามสี่วัน วันนี้คุณก็มาซะแล้ว”

เขานั่งลงบนที่นั่งของตน แล้วสื่อให้หลินม่ายนั่งลงด้วย

“วันนั้นทันทีที่คุณกลับไป ผมก็โทรหาผู้บังคับบัญชา และรายงานสถานการณ์ของคุณ

เมื่อวานท่านตอบกลับมาแล้ว ว่าอนุญาตให้คุณปรับเปลี่ยนโรงงานได้ แต่ให้เปลี่ยนได้แค่แห่งเดียวเท่านั้น

และยังออกเอกสารอนุญาตการปรับปรุงให้เป็นพิเศษด้วย

หากมีกองบังคับคดีไปขัดขวางอีก คุณแค่เอาเอกสารนี้ให้พวกเขาดูก็ได้แล้วล่ะ”

ผอ.เขตโอวหยางพูดเช่นนั้น แล้วหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากลิ้นชักให้หลินม่าย

หลินม่ายรีบรับมาด้วยสองมือ แล้วกล่าวขอบคุณไม่หยุด

ผอ.เขตโอวหยางหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หน่วยงานของเราคือผู้รับใช้ประชาชน เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

จากนั้นหลินม่ายจึงขอตัวลา แล้วไปที่โรงงานใหม่

เมื่อเห็นเหยาเยี่ยนกับหงซิ่งเหมยกำลังสอบคนงานผู้พิการคนอื่นๆ ทำดอกไม้อย่างจริงจัง เธอก็ให้กำลังใจสองสามคำก่อนจะออกมา

เธอมาหานายช่างจางที่กำลังทำงานอยู่ บอกเขาว่าเบื้องบนเห็นด้วยให้เธอปรับเปลี่ยนโรงงานได้

ให้เขาพาช่างกระเบื้องของเขาจัดการปรับปรุงโรงงานก่อน เธอก็จะสามารถตั้งโรงงานหัตถกรรมขึ้นมาได้อย่างเร็วที่สุด

นอกจากนี้ยังมอบเอการอนุญาตการปรับปรุงโรงงานฉบับนั้นที่ผอ.เขตโอวหยาวให้เธอมาแก่นายช่างจาง

ถ้าหากกองบังคับคดีไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วมาขวางการทำงาน ก็แสดงเอกสารนี้ให้พวกเขา

นายช่างจางพาทีมงานของตนเข้าปรับปรุงโรงงานในทันที

หลินม่ายไปที่โรงงานเสื้อผ้ายูนีคอีกครั้ง ให้เถาจืออวิ๋นช่วยทำชุดซิ่วเหอ(1)ให้หลิวเสวี่ยชุดหนึ่ง ในระยะเวลาสองวัน

แม้ว่าชุดซิ่วเหอจะทำยาก แต่เถาจืออวิ๋นก็ยังทำชุดซิ่วเหอที่หลินม่ายต้องการเสร็จภายในสองวันตามที่เธอขอ

บ่ายวันนั้นเมื่อหลินม่ายได้รับชุดซิ่วเหอ เธอก็นำชุดซิ่วเหอชุดนั้นและดอกกุหลาบที่เธอทำขึ้นไปที่โรงงานจักกรหนักทันที

ยืนอยู่หน้าประตูโรงงานครู่หนึ่ง จึงได้ยินเสียงกริ่งบอกเวลาเลิกงานดังออกมาจากในโรงงาน

วันนี้เป็นวันที่นัดเจอกับหลินม่ายเอาไว้

หลิวเสวี่ยจึงเก็บข้าวของเสร็จตั้งแต่ยังไม่ทันเลิกงาน เมื่อเสียงกริ่งเลิกงานดังขึ้น เธอก็สะพายกระเป๋าสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เดินออกมาจากประตูโรงงานเธอก็เหลียวซ้ายแลขวา มองหาเงาร่างของหลินม่าย

ก่อนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของเธอ เธอหันไปมองตามเสียงและพบว่าหลินม่ายกำลังเดินเข้ามาหาเธอ พลันรู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง

(1)ชุดซิ่วเหอ เป็นชุดในพิธีแต่งงานของเจ้าสาว การตัดเย็บมีความละเอียดประณีตและลวดลายที่สื่อถึงความเป็นมงคล