บทที่ 311 ไปหาถึงที่

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีกำลังดึงเนกไทที่คอ ได้ยินเธอพูด สายตาก็มีประกายหม่นๆแวบเข้ามา“อาบด้วยกัน”

วารุณีจ้องตาโต“คุณ…..”

ที่แท้เขาก็มีความคิดนี้นี่เอง!

หึ หยุดคิดไปเลย!

วารุณีเอาผ้าขนหนูที่ดึงลงมาเมื่อกี๊กลับไปที่ชั้นวาง“งั้นคุณอาบก่อนละกัน เดี๋ยวฉันค่อยอาบ”

พูดจบ เธอก็หันตัวจะออกไป

สุดท้ายนัทธีก็จับข้อมือของเธอไว้ ดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน กอดเธอไว้จากด้านหลัง เอาคางวางไว้ที่ไหล่ของเธอ พูดเสียงทุ้มและแหบไปว่า:“หนีทำไม?”

ท่าของเขาแบบนี้ ทำให้วารุณีได้แต่เอียงคอคุยกับเขา“ฉันไม่อยากอาบกับคุณ”

“ทำไม?”นัทธีขมวดคิ้ว

วารุณีเงยมองเขา“คุณจะต้องทำอะไรฉันอีกแน่”

ที่แท้ก็แบบนี้เอง

มีรอยยิ้มแวบเข้ามาในดวงตาของนัทธี“วางใจเถอะ ไม่ทำแน่ อาบน้ำอย่างเดียว”

เขาพูดไป มือก็ขยับไปด้วย ยื่นเข้าไปที่ชายเสื้อของเธอ สัมผัสเอวอันอ่อนนุ่มของเธอ

วารุณีรู้สึกจั๊กจี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหลบ

แต่เธอถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น เธอหลบแค่ไหนก็ออกไปจากอ้อมแขนของเขาไม่พ้น ได้แต่ขยับตัวไปมา“คุณหยุดมือเดี๋ยวนี้ มันจั๊กจี้!”

เธอหัวเราะ

ที่สำคัญคือมันจั๊กจี้มากจริงๆ

“งั้นเข้าไปในน้ำสิ เข้าไปในน้ำก็ไม่จั๊กจี้แล้ว”นัทธีพูดไป ก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำ แป๊บเดียวก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกหมด

วารุณีกอดอกตัวเองไว้ มองดูเขาด้วยใบหน้าแดงก่ำ บวกกับผมและหน้าที่เปียกน้ำ มองไปแล้วเหมือนกับกวางตัวน้อยที่เปียกโชก น่ารักมาก

สายตานัทธีหม่นลง ลูกกระเดือกก็ขยับไปมา จากนั้นยกคางเธอขึ้นมา แล้วจูบไป

“อื้อ……”วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นรีบผลักเขาออก พูดอย่างเหนื่อยหอบ:“คุณไม่ได้บอกเหรอว่าจะไม่ทำอะไรฉัน?”

นัทธีตอบอือ“ผมเคยพูด”

“งั้นตอนนี้คุณ……”

“แต่ผมไม่ได้บอกว่า ผมทำล่วงหน้าคืนพรุ่งนี้ไม่ได้”นัทธีตัดบทเธอ จูบไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกเธอผลักออก เขาก็ใช้มือสองข้างใหญ่ๆจับล็อกหลังเอวและท้ายทอยของเธอไว้แน่น

วารุณีดิ้นรนไม่ไหว ได้แต่ยอมรับอย่างเชื่อฟัง ในใจโกรธสุดๆ

ตาคนนี้นี่ ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่เป็นคำพูดแล้ว!

แต่ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป

พอคิดแบบนี้ วารุณีก็หลับตาลง จูบตอบกลับไป

คืนนี้ ทั้งสองก็ดื่มด่ำกันอยู่ในห้องน้ำอยู่นาน จนน้ำเย็น ก็สวมชุดคลุมเสร็จแล้วออกไป

และวารุณีในตอนนี้ ก็เหนื่อยจนยกนิ้วมือไม่ขึ้น สุดท้ายก็เป็นนัทธีที่เป่าผมเธอจนแห้งแล้วอุ้มขึ้นเตียง

“นอนเถอะ”นัทธีจูบหน้าผากของวารุณี

วารุณีหลับตาลงแล้วตอบอย่างแผ่วเบา จากนั้นผล็อยหลับไป

หลังจากเธอตื่น ก็เช้าวันถัดมาแล้ว นัทธีเองก็ไม่อยู่แล้ว

วารุณีลูบตำแหน่งที่เขาเคยนอน ก็อุ่นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าน่าจะตื่นไม่นานนัก ตอนนี้น่าจะยังอยู่ที่เตียง

วารุณีบิดขี้เกียจ เปิดผ้าห่มลงมาจากเตียง ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ เสร็จแล้วก็เปิดประตูห้อง เดินไปที่ชั้นล่าง

ห้องรับแขกชั้นล่าง วรยากำลังนั่งบนโซฟาเล่นเกมกับเด็กทั้งสองคน ส่วนนัทธีนั้นนั่งตรงข้ามพวกเขา ในมือถือแท็บเล็ต กำลังดูข้อมูลอะไรอยู่

วารุณียืนบนบันไดมองฉากอันอบอุ่นนี้ ใบหน้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

สุดท้ายแล้วไม่ว่าเมื่อไหร่ ครอบครัวของเธอนั้นก็สวยงามที่สุด

นัทธีเห็นวารุณีคนแรก เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ก็วางแท็บเล็ตลงแล้วถาม:“ทำอะไรอยู่ ยังไม่ลงมาอีก?”

ได้ยินจู่ๆเขาพูดแบบนี้ วรยากับเด็กทั้งสองคนก็หยุดเล่น มองตามเขาไป

เด็กทั้งสองคนชูไม้ชูมือโบกไปมา“หม่ามี๊!”

วารุณีได้สติคืนมา ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา โบกมือไปที่เด็กทั้งสอง จากนั้นจับชายกระโปรงขึ้นแล้วเอาลง

“สวัสดีตอนเช้าค่ะ แม่ นัทธี”วารุณีทักทายวรยากับนัทธีไป ก็ลูบหัวเด็กทั้งสองคนไปด้วย

ไอริณเบะปากอย่างไม่พอใจ ปักมือของวารุณีออก“หม่ามี๊อย่าโดนผมหนูสิ หม่ามี๊จับเปียหนูยุ่งไปหมดแล้ว”

วรยาหัวเราะออกมา“ยัยเด็กคนนี้หวงแหนผมเปียจังเลยนะ”

“แน่อยู่แล้ว นี่พ่อถักให้หนูนะ”ไอริณเงยคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

“จริงเหรอ?”วารุณีมองไปที่นัทธีอย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีฝีมือ

นัทธีอ่านสายตาของวารุณีออก ยกมุมปากขึ้น ไม่พูด

วรยาพยักหน้า รับประกันแทนเขา“จริงๆ”

ไอริณทำเสียงฮึดฮัดอย่างภูมิใจ“หม่ามี๊ พ่อถักเปียสวยกว่าหม่ามี๊อีก หม่ามี๊ดูสิวันนี้ไอริณสวยมากใช่ไหมล่ะ”

อารัณกลอกตาใส่“สวยตายแหละ!”

“หึ”ไอริณไม่สนเขา คลานลงจากโซฟา วิ่งไปที่นัทธี“พ่อคะ พ่อจัดเปียให้หนูหน่อย หม่ามี๊ลูบผมหนูจนเบี้ยวแล้ว”

นัทธีรับเธอขึ้นมา อุ้มขึ้นมาบนขา จากนั้นจัดเปียที่เบี้ยวเล็กน้อยบนผมเธอ

วารุณีเดินไป มองเขาทำ ก็ถามว่า:“คุณถักเปียเป็นเมื่อไหร่?”

ก่อนนี้ไม่เห็นเขาเคยทำเลย

นัทธีจัดเปียให้ไอริณ พลางตอบไปว่า“หนึ่งชั่วโมงก่อน ดูในทีวีแล้วเรียนรู้เอา”

มุมปากของวารุณีกระตุก“งั้นความสามารถในการเรียนรู้ของคุณนั้นแข็งแกร่งจริงๆ”

ได้ยินคำชมของเธอ นัทธีก็ไม่พูดใดๆ

ตอนนี้เอง ป้าส้มก็เดินเข้ามา ปรบมือ“คุณผู้ชายคุณผู้หญิง คุณหญิงวรยา อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วค่ะ กินอาหารเช้าก่อนดีกว่า”

“ไปเถอะ”นัทธีถักเปียให้ไอริณเสร็จพอดี ก็อุ้มเธอยืนขึ้นมา

วารุณีก็จูงอารัณ มืออีกข้างคล้องแขนวรยาเดินออกไปจากห้องอาหาร

หลังจากกินข้าวเสร็จ วรยาก็จะไปแล้ว กลับไปที่คอนโด และแวะส่งเด็กทั้งสองคนไปโรงเรียนพอดี

ส่วนนัทธีกับวารุณีก็เตรียมไปทำงานที่บริษัทของใครของมัน

ตอนที่วรยาจูงเด็กทั้งสองคนเตรียมออกไปจากบ้าน จู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หยิบออกมาดู เป็นศรัณย์โทรมา

“ฮัลโหล ศรัณย์ ทำไมจู่ๆก็โทรหาแม่ล่ะ”วรยาถามอย่างสงสัย

เวลานี้ ที่ต่างประเทศก็มืดลงแล้ว

“แม่ พ่อส่งคนมาหาผมที่ต่างประเทศ”ในสาย เสียงอันอบอุ่นของศรัณย์ แต่มีความอ่อนแอเล็กน้อยพูดออกมา

สีหน้าวรยาหม่นลง พูดเสียงดัง“อะไรนะ?ไอ้แก่สุภัทรรู้ว่าลูกอยู่ไหน?”

ได้ยินคำนี้ วารุณีรีบมองไปที่วรยา

นัทธีก็หรี่ตาลง

ศรัณย์นั่งอยู่หน้ากระดานวาดภาพ ในมือถือพู่กันอันหนึ่งตอบกลับ:“ใช่ ตอนบ่าย มีคนมาเคาะประตู บอกว่าเป็นคนของพ่อผม จะมารับผมกลับประเทศ”

“งั้นตอนนี้อยู่ไหน?”วรยาคว้าโทรศัพท์แน่นแล้วรีบถาม

ใบหน้าซีดขาวด้วยอาการป่วยของศรัณย์ก็ปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่น“อยู่โรงแรมครับ ตอนบ่ายผมปฏิเสธที่จะไปกับเขา เขาบอกว่าให้ผมคิดหนึ่งคืน ถ้าพรุ่งนี้ผมยังไม่ตกลงกลับประเทศไปกับเขาอีก เขาก็บังคับพาผมกลับไป”

“อะไรนะ!”วรยาโกรธจนหน้าแดง มือตบไปที่โต๊ะ“ศรัณย์ ลูกฟังแม่นะ ลูกหาที่พักใหม่ก่อน หลบคนพวกนั้น ในประเทศเดี๋ยวแม่จัดการเอง วางใจ แม่ไม่ให้ไอ้แก่อย่างสุภัทรทำสำเร็จแน่”

พูดจบ เธอก็วางสาย หน้าอกกระเพื่อมอย่างโมโห

วารุณีเดินเข้าไป ตบหลังของเธอ“แม่ อย่าใจร้อนสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

มือทั้งสองข้างของนัทธีก็จูงมือเด็กคนละข้างไว้และมองเธอ อยากรู้จะสถานการณ์

วรยาตอบกลับด้วยความโกรธ:“สุภัทรไอ้แก่นั่นรู้ว่าไม่ว่าจะฟ้องร้องคดีกี่ครั้งก็ชนะแม่ไม่ได้ จึงมาเล่นแง่กับแม่ หลังจากรู้ที่อยู่ของศรัณย์ ก็ส่งคนไปต่างประเทศ คิดจะบังคับศรัณย์กลับมา!”

“อะไรนะ?”วารุณีก็ตกใจ แล้วก็โกรธสุด “เขาไร้ยางอายขนาดนี้เชียว!”

“ไม่ใช่เหรอไงล่ะ”วรยายิ้มอย่างเย็นชา“ไม่ได้ แม่ต้องตระกูลศรีสุขคําสักหน่อยแล้ว จัดการไอ้แก่นั้นสักหน่อย ไม่งั้นแม่ก็อึดอัด!”