ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจแล้ว ทำไมถึงไม่รออีกสักหน่อย ถ้าหากนางได้อยู่ในบ้านตระกูลโจวต่อ เช่นนั้นนางก็คงจะได้แต่งงานกับโจวต้าไห่ใช่หรือไม่
นางอายุเท่านี้ สามารถแต่งงานกับโจวต้าไห่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว ถ้าแต่งงานกับสวีฉางหลิน เช่นนั้นก็เป็นได้แค่เมียน้อย
แม้ว่านางเลือกที่จะขึ้นไปอยู่บนเขา เช่นนั้นชีวิตนางก็ยังคงสุขสบายดี ถึงตอนนั้นนางก็ใช้วิธีร่วมหลับนอนกับสวีฉางหลินอย่างไม่ตั้งใจ ก็สามารถแต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้แล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ นางแทบอยากจะตบใบหน้าตนเองแรงๆหนึ่งที
โจวกุ้ยหลานประคองเจ้าก้อนน้อยมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลิวเซียง และไม่พูดอะไรอีก ได้แต่รออย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของหลิวเซียงที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งกลัดกลุ้มมากขึ้น จากนั้นก็กัดฟันกรอด นางจึงเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็มีชีวิตสุขสบายดี ทำไมเจ้าจึงไปสมรู้ร่วมคิดกับโจวชิวเซียงเพื่อทำร้ายข้า พวกเจ้าเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นหรือ”
“ไม่รู้จัก ข้าไม่เคยรู้จักนางมาก่อนจริงๆ ข้าเองก็เพิ่งจะพบนางครั้งแรกเมื่อคืน”หลิวเซียงรีบอธิบายอย่างร้อนใจ
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว “เจ้าไม่รู้จักนาง แล้วรู้ได้อย่างไรว่านางจะทำร้ายข้า และเจ้ายังไปหานางด้วย”
นางกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่
หลิวเซียงอยู่แต่ในเรือนไม่ได้ออกไปไหน ย่อมไม่รู้จักโจวชิวเซียงแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การสมคบคิดของพวกนาง ต้องมีอีกคนหนึ่งคอยเชื่อมระหว่างพวกนางแน่นอน
“ท่านอาสะใภ้สามเสี่ยวจุ๋ย นางเป็นคนบอกข้า”ตอนนี้หลิวเซียวคิดอยากจะให้โจวกุ้ยหลานอภัยให้กับนางเท่านั้น ไม่ว่าอะไรก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว ถามต่อว่า “นางพูดกับเจ้าว่าอย่างไร”
หลิวเซียงมองชายเสื้อของตนเอง ลังเลใจอยู่ว่าจะพูดออกมาดีหรือไม่
เงยหน้าเหลือบมองโจวกุ้ยหลายอยู่แวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่านางเริ่มหมดความอดทนแล้ว ก็ตัดสินใจ เอ่ยออกมาว่า “นางถามข้าว่าอายุขนาดนี้แล้ววันหน้าจะทำอย่างไร ข้าจึงบอกว่าข้าเองก็ไม่รู้ นางจึงบอกกับข้าว่าต้าไห่ยังไม่มีเมีย หากจับคู่ข้ากับเขาก็เหมาะสมกันดี ข้าจึงหวั่นไหวขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี……”
พูดถึงตรงนี้ นางก็หยุดนิ่งไปชั่วครู่ และพูดขึ้นอีกครั้งว่า “นางบอกว่าผู้หญิงเราอย่างไรก็ต้องหาคนที่พึ่งพาได้ และบอกให้ข้าไปหาโจวชิวเซียงเพื่อถามว่าพอจะมีหนทางอะไรหรือไม่ พวกเราจึงพูดถึงโจวชิวเซียงขึ้นมา นางบอกกับข้าว่าโจวชิวเซียงจะแต่งงานไปอยู่ในเมืองแล้ว ต้องเป็นคนที่มีความสามารถแน่ๆ ข้าก็เลย ……ข้าก็เลย……”
พูดถึงตรงนี้ นางก็พูดต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ
แต่ว่าเรื่องหลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางพูด โจวกุ้ยหลานย่อมรู้ดี
ที่แท้ก็เป็นจางเสี่ยวจุ๋ยนี่เอง ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกนางสองคนน่าจะคุยกันตอนที่อยู่ในห้องครัว
โจวกุ้ยหลานกำลังใช้ความคิด ก็ได้ยินเสียงหลิวเซียงเริ่มขอร้องอ้อนวอนให้อภัยนางขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าไปเก็บข้าวของของตนเองก่อนเถอะ”โจวกุ้ยหลานสั่ง
เก็บเสื้อผ้า จะให้นางขึ้นเขาไปพร้อมกันใช่หรือไม่
เมื่อหลิวเซียงคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก ก็รับคำและรีบกลับไปเก็บข้าวของของตนเองในห้องทันที
โจวกุ้ยหลานเองก็ลุกขึ้น เริ่มจัดระเบียบข้าวของของตนเอง นางเองก็อยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรมาก มีแค่เสื้อผ้าของคนในบ้าน บวกกับเงินสามตำลึงที่เหลือจากการสร้างบ้านเท่านั้น
ผ่านไปชั่วครู่ สิ่งของเหล่านี้ก็ถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว หลิวเซียงเองก็สะพายห่อผ้าของตนเองออกมาแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานยังคงม้วนเก็บผ้าห่มของตนเองอยู่ นางก็รีบเดินเข้าไป ช่วยจัดเก็บให้เรียบร้อย พร้อมกันนั้นก็วางห่อผ้าของตนเองเอาไว้ข้างเตียงเตา
โจวกุ้ยหลานเหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า :“เจ้ากลับไปเก็บผ้าห่มของตนเองและเอาไปด้วย”
หลิวเซียงนิ่งชะงักไป จากนั้นก็พูดว่า “ของพวกนั้นมันเก่ามากแล้ว พวกเราย้ายไปอยู่บ้านใหม่ก็ควรจะซื้อที่นอนใหม่ไม่ใช่หรือ”
“ของเก่าก็ยังสามารถใช้ได้ ”โจวกุ้ยหลานเอ่ยตอบ
ตอนที่ซื้อนุ่นก่อนหน้านี้ นางไม่ได้ซื้อเผื่อให้หลิวเซียง พวกเขาเตรียมผ้าปูหนึ่งผืนและผ้าห่มหนึ่งผืนสำหรับเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น หลังจากที่หลิวเซียงมา โจวต้าไห่ได้แบ่งผืนใหม่ให้นางห่มหนึ่งผืน ส่วนฟูกนอนที่เหลือนั้นเป็นฝ้ายยัดไส้ที่ใหม่ที่สุดในบรรดาของเก่าทั้งหมด อย่างน้อยก็ยังใช้ได้อยู่
หลิวเซียงรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าจะทำให้โจวกุ้ยหลานโกรธในตอนนี้ จึงได้แต่กลับไปยังห้องของตนเอง จากนั้นก็ม้วนเก็บผ้านวม พร้อมกันนั้นก็ม้วนห่อผ้าของตนเองเข้าไปด้วย
“ทุกคนต่างก็มีที่นอนใหม่ ทำไมต้องให้ข้าใช้ของเก่าด้วย”หลิ่วเซียงบ่นพึมพำ สุดท้ายก็ใช้เชือกมันเอาไว้
โจวกุ้ยหลานที่อยู่ในห้องนึกถึงท่าทีของหลิวเซียง ก็ทำเสียงขึ้นจมูก และทำงานของตนเองต่อไป
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ข้างๆก็ช่วยนางทำงานด้วย วิ่งไปมาอยู่รอบๆ
ขณะที่โจวกุ้ยหลานเพิ่งจะเก็บข้าวของทั้งหมดเสร็จ ข้างนอกก็มีเสียงของเหล่าไท่ไท่ดังขึ้น
“มาๆๆ รีบเข้ามานั่งในบ้านก่อน”
จากนั้น นางก็ร้องเรียกเสียงดังว่า “กุ้ยหลาน รีบออกมาเทน้ำชาหน่อย”
ทำไมจึงกลับมาเร็วนัก เหล่าไท่ไท่จัดการธุระได้รวดเร็วจริงๆ
ขณะครุ่นคิด นางก็ตอบรับเสียงหนึ่ง พาเจ้าก้อนน้อยไปยังห้องโถงของบ้าน ตอนนี้เหล่าไท่ไท่กำลังต้อนรับหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีให้นางนั่งก่อน ผู้หญิงคนนั้นมองดูรอบบ้าน ท่าทีพินิจพิเคราะห์
นี่น่าจะเป็นแม่ค้ามนุษย์กระมัง
โจวกุ้ยหลานไปเทน้ำมาหนึ่งแก้ว ยื่นให้กับแม่ค้ามนุษย์คนนั้น แม่ค้ามนุษย์ชี้ไปที่กุ้ยหลาน ยิ้มตาหยี “พี่สะใภ้ หญิงสาวที่ท่านว่าคือคนนี้หรือ”
“ไม่ใช่ นี่ลูกสาวข้า ”เหล่าไท่ไท่เกรงว่าแม่ค้ามนุษย์จะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายให้ฟัง
โจวกุ้ยหลานเองก็หัวใจกระตุกวูบ ตนเองเกือบจะถูกขายแล้ว
“ออ อย่างนี้นี่เอง เช่นนั้นท่านก็เลี้ยงลูกสาวคนนี้ได้ดีมาก ดูขาวสะอาดเชียว”แม่ค้ามนุษย์คนนั้นจ้องมองโจวกุ้ยหลาน และพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นกลับเหมือนมีเล่มหนึ่ง ทำให้โจวกุ้ยหลานรู้สึกไม่สบายตัวเลย
นี่นางไม่ใช่คนดีอะไรเลย
เหล่าไท่ไท่ตอบรับคำพูดนางเพียงไม่กี่คำ แม่ค้าคนนั้นหันไปมองที่เจ้าก้อนน้อยอีกครั้ง แล้วก็ทำเสียงจุ๊ปาก “โอ้โฮ เด็กคนนี้ก็ดูดีมาก เหมือนเซียนตัวน้อยเลย”
นี่นางชอบลูกชายนางด้วยอย่างนั้นหรือ
โจวกุ้ยหลานดึงตัวเจ้าก้อนน้อยไปไว้ด้านหลังตนเองโดยที่ใบหน้าไม่แสดงอาการใดๆออกมา ยิ้มกับแม่ค้ามนุษย์และเหล่าไท่ไท่ จากนั้นก็พูดว่า “ท่านแม่ ท่านน้า พวกท่านนั่งพักก่อน ข้ายังมีงานต้องทำ ต้องขอตัวก่อน”
“ไปเถอะไปเถอะ รีบไปทำงานให้เสร็จ”เหล่าไท่ไท่โบกมือไล่ โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่รีรอ พาเจ้าก้อนน้อยกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ลงกลอนประตู
เจ้าก้อนน้อยทำหน้ามุ่ย รู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ท่านแม่ คนคนนั้นน่ากลัวมาก”
โจวกุ้ยหลานลูบศีรษะของเจ้าก้อนน้อย พูดยิ้มๆว่า “เสี่ยวเทียนไม่ต้องกลัว แม่ไม่มีวันขายเจ้า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจ้าก้อนน้อยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
คนที่ทำการค้าขายทาสล้วนไม่ใช่คนดีอะไร จะทำงานด้านนี้ ต้องใจร้าย และไม่กลัวการทำเรื่องที่ผิดต่อคุณธรรมและศีลธรรม
แต่แม่ค้ามนุษย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนจากหมู่บ้านอื่น ไม่ทำการลักพาตัวไปขายง่ายๆ ต่างก็ซื้อหาในราคาต่ำและขายในราคาสูงทั้งนั้น
ขณะกำลังคิด ข้างนอกก็มีเสียงเล็กแหลมของหลิวเซียงที่ดังขึ้น “ข้าไม่ไป”
โจวกุ้ยหลานรู้ว่าเหล่าไท่ไท่ลงมือแล้ว สองมือจึงปิดหูของเจ้าก้อนน้อยเอาไว้ ไม่อยากให้เขาได้ยิน
ในห้องโถงหลิวเซียงที่แบกผ้านวมและเสื้อผ้าของตนเองเอาไว้บนหลัง สองมือถูกเหล่าไท่ไท่และแม่ค้ามนุษย์จับเอาไว้คนละข้าง
“เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจเองไม่ได้ สัญญาค้าทาสของเจ้าอยู่กับข้า”เหล่าไท่ไท่พูด แล้วมองไปทางแม่ค้ามนุษย์ “นางคนนี้ข้าขายให้เจ้าในราคาหกตำลึง ว่าอย่างไร”