บทที่ 367 ของเล่น

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 367 : ของเล่น
บทที่ 367 : ของเล่น

“ดูสิครับ”

ดวงตาของจี้จือซู่มองตามนิ้วของหลินเจี๋ยโดยไม่ตั้งใจ แล้วเธอก็เห็นนาฬิกาเรือนเล็กที่ประณีตบรรจง…

ใต้หน้าปัดเรียบ ๆ ที่ทำจากทับทิมบนกรอบเงิน ในกรอบที่ซับซ้อนข้างใต้สุดของฟันเฟืองที่สอดประสานกันคือ…หนอนผีเสื้อตัวเล็ก ๆ?

หนอนผีเสื้อคืบคลานไปบนเครื่องฟันเฟืองอันละเอียดอ่อน และทุกครั้งที่มันปีนไต่ เข็มวินาทีก็จะขยับส่งเสียง ‘ติ๊ก’ ช้า ๆ และทำให้เครื่องกลไกทั้งหมดทำงาน

“นี่มัน…” ดวงตาของจี้ป๋อหนงเบิกขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของเขาแข็งค้างทันที

จี้จือซู่มองนาฬิกา ปากเธออ้ากว้างมากขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด

แค่จะพูดยังทำไม่ได้!

หลินเจี๋ยยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสองพ่อลูก

แม้ว่านาฬิกาเรือนนี้จะเป็นเพียงของวิบวับซึ่งเป็นของเล่นคนรวย มันก็ดูสวยงามต่อสายตาจริง ๆ พูดได้ว่าตราบใดที่ไม่ได้ตาบอด ผู้คนก็จะเห็นว่ามันงดงามจนไม่สามารถประเมินค่าได้

ขนาดผู้บริหารบริษัทโรลล์ผู้ผูกขาดธุรกิจทั้งหมดในนอร์ซินยังตกตะลึงได้ การเลือกของขวัญของแอนดรูว์มาให้จี้จือซู่นั้นถูกต้องจริง ๆ

เหตุผลที่หลินเจี๋ยคิดว่า ‘กล่องประดับจะต้องขายได้เงินมากแน่ ๆ’ แทนที่จะขายนาฬิกานี้ก็เพราะไม่ว่าจะขายนาฬิกาได้เท่าไร เขาก็รู้สึกเสมอว่าไม่ควรเปลี่ยนมือมันง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงใช้มันเป็นของขวัญแทน

ของขวัญที่ยืมดอกไม้ถวายพระนี้ควรค่าสมน้ำสมเนื้อกับของในกระเป๋าที่พ่อลูกสกุลจี้มอบให้เขาในครั้งก่อนแน่นอน

ถึงตอนนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการต่อรองราคา ชายหนุ่มก็สามารถต่อรองได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเสียที

และแล้วนี่ก็เป็นการทำธุรกิจกำไรงามที่ไม่ต้องลงทุนอีกหนึ่งครั้ง คุ้มค่าจริง ๆ หนอ…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเจี๋ยก็อดหรี่ตาลงไม่ได้ เขาเอนหลังไปเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มที่แสดงออกก็ดูใจดีมากขึ้น

จี้จือซู่จ้องมองเจ้าหนอนผีเสื้อที่ยังคงคืบคลานไปเรื่อย ๆ ปากและคอแห้งผาก เธอจึงลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ…

ถ้านำนาฬิกานี้ไปวางข้างนอก อาจจะมีเพียงหนึ่งในสิบคนที่รู้มูลค่าของมัน

แต่ในโถงเล็กด้านข้างนี้ กระทั่งจี้ป๋อหนงยังรู้ที่มาและมูลค่าของมันเลย

มันมาจากตระกูลของแอนดรูว์ รองประธานสมาคมแห่งสัจธรรม เป็นสมบัติที่ถูกส่งต่อกันมาในหมู่ผู้นำตระกูลทุกยุคสมัย เทียบได้กับสมบัติลับที่ประเมินค่าไม่ได้ของสมาคมแห่งสัจธรรม แต่เจ้าของร้านหลินกลับจับมันใส่กล่องดาษ แล้วใช้เป็นของขวัญอย่างไม่รู้ร้อนหนาว…

จี้จือซู่พยายามสงบหัวใจที่กลับมาเต้นแรงอีกครั้งอย่างสุดชีวิต นับตั้งแต่ที่เธอได้รับความทรงจำของรูเอนและนำองค์กรข่าวกรองที่อีกฝ่ายควบคุมมาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘แมงมุม’ ตอนนี้องค์กรของเธอก็กลายเป็นองค์กรข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของนอร์ซินไปแล้ว

รูเอนเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มีความอดทนที่มากเทียบเท่ากัน และมีเครือข่ายข่าวกรองขนาดมหึมาหนุนหลังอยู่ แต่โชคร้ายที่เขาดวงกุดต้องมาตายภายใต้กรงเล็บการ์กอยล์ของเจ้าของร้านหลิน และชื่อของเขาก็ไม่สามารถออกจากความมืดมาสู่แสงสว่างได้ตามที่ต้องการ

แต่ถึงอย่างนั้น เครือข่ายข่าวกรองที่รูเอนสร้างไว้ก็สมกับฉายา ‘จักรพรรดิใต้ดิน’ ที่เขาเคยเรียกตัวเอง

ในช่วงเริ่มต้นการสร้างเครือข่ายข่าวกรองของเขา กระทั่งไวลด์ก็ยังสามารถรับข่าวกรองจากนอร์ซินได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมัน

ถ้าเขาไม่ได้ตายเพราะความทะเยอทะยานของตัวเองในร้านหนังสือไปก่อน หอพิธีกรรมต้องห้ามก็อาจจะได้ศัตรูที่รับมือยากเพิ่มมาอีกฝ่ายก็ได้…

ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับจี้จือซู่ซึ่งได้รับทุกอย่างจากอีกฝ่ายที่จะรู้ว่านี่คือสมบัติลับของตระกูลแอนดรูว์

จี้ป๋อหนงเองก็มักจะช่วยจี้จือซู่จัดการกับข่าวกรองของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่ในขอบเขตความสามารถของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง จัดการเรื่องต่าง ๆ โดยอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายต่อหลายปี และเข้าใจมูลค่าของนาฬิกาตรงหน้าของเขาดี

พ่อและลูกสาวมองหน้ากัน ดวงตาที่ลุกโชนของทั้งคู่จ้องสบกัน

หลังจากผ่านบททดสอบอันน่าหวาดหวั่น ความมุ่งมั่นและอดทนต่อความเจ็บปวดของจี้ป๋อหนง และความภักดีที่ทนได้กระทั่งเมื่อพ่อของเธอต้องประสบความยากลำบากที่ไม่ทราบข้อมูลของจี้จือซู่

ในที่สุดเจ้าของร้านหลินก็ยอมรับพวกเขา!

หนอนเฟืองนาฬิกา สิ่งที่แทบจะมีอยู่แค่ในตำนานถูกนำมาวางตรงหน้าพวกเขาอย่างเนิบ ๆ!

จากข่าวกรองที่มี ถ้ามองจากภายนอก เจ้าสิ่งที่ดูเหมือนหนอนผีเสื้อนี้ดูอ่อนแอไร้พิษสง แต่ที่จริงแล้วสิ่งมีชีวิตสี่มิตินี้ที่บังเอิญหลุดมาในโลกมิติล่างที่พวกเขาอยู่แล้วถูกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังอย่างตระกูลแอนดรูว์จับได้ พวกมันมีพลังที่แข็งแกร่งเหลือเชื่อจนน่ากลัว!

สายฟ้าที่ผ่าลงมาเปลี่ยนเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ได้

ใช่แล้ว!

สิ่งของเหนือธรรมชาติจากตระกูลแอนดรูว์ชิ้นนี้คือหนึ่งในสิ่งของไม่กี่อย่างที่สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ในขอบเขตกฎเกณฑ์ที่มีเพียงระดับเหนือนภาเท่านั้นที่มีได้

คนในห้องเงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้วหลินเจี๋ยก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่ดูจะตะลึงกับความฉลาดของผู้สร้างชิ้นงานฝีมือระดับเทพนี้ เขาพูดต่อ “ใช้หนอนมาเป็นพลังงานของนาฬิกาเป็นความคิดที่แยบยลและมันช่างสวยงามจริง ๆ มันดูยอดเยี่ยมไปเลยครับ”

“เหมือนคนเรานั่นแหละ รูปลักษณ์ที่ดูดีเหมือน ๆ กัน แต่ผู้มีจิตวิญญาณที่น่าสนใจมีเพียงหนึ่งในร้อย”

หลินเจี๋ยใช้ของ ๆ ชาวบ้านมาเป็นของขวัญอย่างไม่รู้สึกผิด แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณหนูจี้ ในความคิดของผมนะ คุณเป็นทั้งสองอย่าง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคุณมีหัวใจที่ยังคงเส้นคงวาถึงตอนนี้ เหมือนนาฬิกาที่เดินหน้าและไม่มีการหยุดพัก ดังนั้นผมจึงให้มันกับคุณ และหวังว่าคุณจะเป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคตด้วยนะครับ”

“นี่…นี่มันล้ำค่าเกินไปค่ะ…”

จี้จือซู่ลุกขึ้นอย่างคุมตัวเองไม่อยู่ เม้มปากแล้วลังเล “ของขวัญล้ำค่าขนาดนี้…”

ศักดิ์ศรีมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ นี่คือสมบัติลับของตระกูลแอนดรูว์

จี้จือซู่รู้แก่ใจดีว่า ถ้าเธออยากได้ของในมือเจ้าของร้านหลิน เธอก็ต้องจ่ายราคาที่เท่าเทียม ซึ่งมันก็ขึ้นกับมูลค่าของสิ่งของชิ้นนั้น

และตอนนี้ เธอก็ไม่รู้เลยว่าราคาของสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ชิ้นนี้จะเป็นอะไร?

หลินเจี๋ยโบกมือด้วยสีหน้าเฉยเมย แสดงมาดอาเสี่ย “ไม่ว่าของจะมีค่าหรือไม่ ที่จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือหัวใจไม่ใช่เหรอครับ? ผมคิดว่ามันถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตบรรจง แต่ผมเก็บไว้ก็ไร้ค่า ดังนั้นสู้ให้คุณดีกว่าครับ”

เจ้าของร้านหลินกะพริบตาแล้วกล่าวว่า “ผมคิดว่าคุณคงชอบของเล่นประเภทนี้”

นั่นสินะ พวกเด็กสาวน่าจะชอบของเล่นที่ดูประณีตบรรจงพวกนี้แหละ…

นี่คือบทเรียนราคาแพงที่หลินเจี๋ยเคยได้รับมาจากการสนทนากับเพศตรงข้ามที่แทบจะไม่มี

ของเล่น…

อุปกรณ์…

จี้จือซู่เงียบไป นี่เรียกว่าของเล่นเหรอ?

เล่นอะไร?

เล่นกับสิทธิ์เหนือกาลเวลาเหรอ?

แต่บางที ในใจของเจ้าของร้านหลิน สัญลักษณ์แห่งเชาว์ปัญญาสูงสุดของมนุษย์และข้อจำกัดของพลังเหนือธรรมชาติชิ้นนี้ก็คงเป็นแค่อุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ เหมือนของเล่นโคลนปั้นระดับต่ำที่เด็กไม่รู้ตาสีตาสาปั้นขึ้นมา

มันชุ่ย!

จี้จือซู่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่มีช่องให้ปฏิเสธ และไม่มีความคิดปฏิเสธด้วย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอต้องนำมาพิจารณา…

นั่นคือ…เธอยังเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสัตว์ประหลาดอยู่เลย ต่อให้เธอได้วัตถุเหนือธรรมชาติระดับนี้มา เธอก็ใช้มันไม่ได้

หลินเจี๋ยหมายมั่นปั้นมือจะให้ ‘นาฬิกาของเล่น’ นี้กับจี้จือซู่ ชายหนุ่มมองอีกฝ่ายแล้วส่งของในมือไปให้อย่างจริงใจ

จี้จือซู่ลังเล ต่อให้เธอได้รับมันมา เธอก็ใช้มันไม่ได้เลย

การใช้งานหนอนเฟืองนาฬิกาต้องใช้อีเธอร์จำนวนมหาศาลเกินจินตนาการในการกระตุ้นสิ่งมีชีวิตสี่มิติตัวนี้ และทำให้เวลาเดินภายใต้อิทธิพลของมัน

ลือกันว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน ครั้งหนึ่งสมาคมแห่งสัจธรรมเคยอยากใช้สิ่งนี้เป็นอาวุธด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาจึงรวบรวมอีเธอร์จำนวนมหาศาลในเมืองเขตบนทั้งหมดเพื่อส่งคำเตือนถึงองค์กรเหนือธรรมชาติอื่น ๆ ด้วยความใจกล้าควบคุมเวลาของพวกเขาเอง

จี้จือซู่ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้มันจริง ๆ หรือเปล่า แต่ตราบใดที่ตระกูลแอนดรูว์ควบคุมมันได้สักวัน พวกเขาก็จะโดดเด่นขึ้นมาได้ในความเป็นจริงทันที

แต่ทว่า ตระกูลของแอนดรูว์ก็อาจไม่เคยคิดที่จะใช้มันเลย

เมื่อใดที่อาวุธร้ายแรงที่ควบคุมกฎเกณฑ์ได้นี้ถูกใช้ ผลที่ตามมาจะไม่สามารถคาดเดาได้ ที่จริงแล้วจี้จือซู่สงสัยมากว่าหนอนเฟืองนาฬิกานี้จะยังสามารถใช้งานได้อยู่อีกหรือเปล่า?

แต่…ในเมื่อเจ้าของร้านหลินนำมันออกมาในตอนนี้ ต่อให้มันไม่สามารถใช้ได้แล้ว มันก็จะยังใช้ได้อยู่แน่นอน แต่ไม่ใช่คนธรรมดาที่ใช้มันได้เท่านั้นเอง

จี้จือซู่วิเคราะห์อย่างเร็วจี๋ในใจ แล้วจู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งที่มาจากการคาดเดา

ในเมื่อเราใช้มันไม่ได้เลย…ถ้าเช่นนั้นบางทีมันอาจเป็นป้ายสัญลักษณ์?

สิ่งที่สมาคมแห่งสัจธรรมเชื่อคือ ความรู้สูงสุดแห่งมนุษยชาติ ภูมิปัญญาสูงสุด และวิทยาศาสตร์

และตอนนี้เจ้าของร้านหลินก็กล่าวถึงสัจธรรมและกฎเกณฑ์

ไม่ใช่ว่านั่นคือจุดประสงค์ของสมาคมแห่งสัจธรรมเหรอ?

จากการไม่เชื่อในพระเจ้า ปลดปล่อยมนุษยชาติ แล้วสมบัติของตระกูลแอนดรูว์ทุก ๆ อย่างนี้ ไม่ใช่ว่ามันสอดคล้องกับทฤษฎีบางข้อของสมาคมแห่งสัจธรรมหรือ?

เขากำลังบอกเป็นนัยว่าต้องการให้องค์กรแมงมุมและบริษัทโรลล์ของเราใช้หนอนเฟืองนาฬิกานี้เป็นป้ายสัญลักษณ์ ไปเข้าร่วมกับสมาคมแห่งสัจธรรมเพื่อเอาชนะเทพจอมปลอมที่กดขี่มนุษยชาติและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่รังแกผู้อ่อนแอกว่า!

จี้จือซู่พลันตระหนักว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว

เธอมองหลินเจี๋ย ดวงตาของอีกฝ่ายดูจริงใจมาก

เธอคิดอย่างตื่นเต้นในใจว่าเธอได้เข้าใจเจตนาของเจ้าของร้านหลินอีกครั้งแล้ว

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ตัวสั่นเล็กน้อย เธอสามารถรับภารกิจสำคัญขนาดนี้ได้จริง ๆ เหรอ…?

แปลกจัง…

หลินเจี๋ยคิด มันก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เอง ไหงคุณหนูจี้เงียบไปนานแบบนี้ล่ะ แถมสีหน้าจริงจังขนาดนั้น แล้วยังมองเราด้วยสายตาล้ำลึกแบบนั้นอีก

หรือเธอจะกลัวหนอน?

หรือที่จริงเธอไม่ได้ชอบของขวัญชิ้นนี้ แต่พยายามชอบมันอยู่เพราะปฏิเสธไม่ได้?

อาจจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

แม้ว่าจี้จือซู่จะเป็นนักรบหญิงเลือดเหล็กผู้ฆ่าเดนมนุษย์มามากมาย ไม่ว่าหญิงสาวจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เธอก็มีด้านที่อ่อนไหว หรือเธอจะกลัวหนอนจริง ๆ?

“เอ่อ…คุณหนูจี้ คุณกลัวหรือเปล่าครับ?”

หลินเจี๋ยทำลายความเงียบ

หลังจากจี้จือซู่ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเธอก็เต้นกระตุก

ใช่ เธอกลัว!

เมื่อเทียบกับปัญหาทั่วไปก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เธอได้รับวัตถุเหนือธรรมชาติขั้นเหนือนภา ซึ่งหมายความว่าภารกิจที่เธอได้รับจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้ระดับของเธอยังไม่ถึงขั้นภัยพิบัติด้วยซ้ำ ถ้าจะบอกว่าเธอไม่กลัวก็คงไม่จริง

เราจะสามารถเป็นผู้กอบกู้ที่อ่อนแอได้จริง ๆ เหรอ?

จี้จือซู่คิดอย่างจิตตกเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหัวพูดตามจริง “ขอโทษค่ะ ฉันทำให้คุณผิดหวังซะแล้ว…”

ว่าแล้วเชียว…คุณกลัวหนอนสินะครับ?

หลินเจี๋ยมองสีหน้าทำอะไรไม่ถูกของจี้จือซู่แล้วพลันรู้สึกผิด…เขาพลาดไปจริง ๆ ให้ของขวัญผิดเสียแล้ว

“อืม ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้กลัวหรอกครับ”

หลินเจี๋ยอยากจะแก้ตัวที่ให้ของขวัญผิด และรีบคว้านาฬิกากลับมา พยายามทำลายความกลัวของอีกฝ่ายด้วยการกระทำเชิงปฏิบัติ

“มีอะไรต้องกลัวเหรอครับ? ก็แค่หนอนน้อยตัวนึงเท่านั้นเอง มันไม่กัดหรอกครับ”

หลินเจี๋ยยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน จากนั้นก็เขี่ยตัวเจ้าหนอนที่กำลังคืบคลานช้า ๆ ขึ้นมาเล่นภายใต้สายตาตกตะลึงของพ่อลูกสกุลจี้