เหล่าหญิงสาวตะลึงงันกันเป็นแถวจากการเห็นชายชุดผ้าจิ่นวางดอกเหมยลงบนจานหยกขาวตรงหน้าเจียงซื่อ
พวกนางตาฝาดไปหรือไม่?
สตรีชั้นสูงที่มีนิสัยใจร้อนเริ่มขยี้ตา
สตรีชั้นสูงที่มีนิสัยเป็นคนนิ่ง เวลานี้ก็ยากที่จะคงความนิ่งต่อไปได้อีก
ไม่นึกเลยว่าเยี่ยนอ๋องจะมอบดอกเหมยทั้งสองดอกให้เจียงซื่อ
เมื่อขยับสายตาไปเห็นจี้ฟังหวาที่ห่างจากเจียงซื่อไม่ไกลมากนัก หญิงสาวต่างมีความคิดหนึ่งเกิดขึ้น เยี่ยนอ๋องวางผิดหรือเปล่า บางทีดอกเหมยดอกนี้อาจเป็นของคุณหนูจี้จากจวนอันกั๋วกง?
คุณหนูจี้เกิดในตระกูลชนชั้นสูงและยังเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเสียนเฟย เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเยี่ยนอ๋อง หากได้รับดอกเหมยหนึ่งดอกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หรือไม่ หากว่าเยี่ยนอ๋องเป็นคนที่รักหน้าตา ดอกเหมยทั้งหมดนี้ จะต้องมีหนึ่งดอกที่ควรมอบให้กับน้องสาวฝั่งลุง ไม่เช่นนั้น สีหน้าของเสียนเฟยอาจดูไม่ดีเท่าไหร่นัก
เวลานี้ เสียนเฟยหน้าตึง เล็บที่ฝังเพชรกดลงบนโต๊ะจนเกิดเป็นเสียง ครืด ดังขึ้นเบาๆ
ดอกเหมยดอกที่หนึ่งถูกมอบให้ผู้หญิงจากจวนตงผิงปั๋ว นางเก็บความรู้สึกนั้นเข้าไปแล้ว เพราะมีสู่อ๋องทำเป็นตัวอย่างไว้ก่อน และการที่คนหนุ่มชื่นชมในตัวหญิงงามนั้น ก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ดอกเหมยดอกที่สองยังมอบให้เด็กแซ่เจียงนี่อีก มันทำให้นางทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ!
เมื่อครู่นี้นางยังอยากหัวเราะเยาะจวงเฟยอยู่เลย เหตุไฉนตนเองถึงกลายมาเป็นตัวตลกแทนในเวลาเพียงพริบตาเดียว
จวงเฟยเกือบเก็บอาการไม่อยู่
บุตรชายคนเล็กของเสียนเฟยเป็นคนเช่นนี้เองหรือ…
สมองเลอะเลือนเพราะสตรี จะว่าไปแล้ว ลูกชายของนางก็เลอะเลือนไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน โชคดีที่ได้สติกลับมาทัน แต่เยี่ยนอ๋องกลับเลอะเลือนถึงสองครั้ง
หากเป็นเช่นนี้ จะให้เหตุผลว่าที่มอบดอกไม้ให้คุณหนูเจียงเพราะนางมีการแสดงที่โดดเด่นก็คงใช้ไม่ได้แล้ว
เขามอบให้เพราะชอบในตัวคุณหนูเจียงจริงๆ!
จวงเฟยแอบส่ายหัว
ถ้าเยี่ยนอ๋องเป็นคนเช่นนี้ นางก็สบายใจ
จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ไฟโทสะของเสียนเฟยคงลุกท่วมแล้วกระมัง
จวงเฟยกลอกตามองเสียนเฟยหนึ่งที
สายตาคู่นั้นทำให้เสียนเฟยที่กำลังโมโหมีสติขึ้นมาทันใด
ห้ามวู่วามเด็ดขาด ถ้าวู่วาม ก็จะเป็นไปตามความปรารถนาของจวงเฟยทันที
นางจึงประคองรอยยิ้มนั้นไว้ และมองการกระทำต่อไปของอวี้จิ่นอย่างจดจ่อ
เจียงซื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับดอกไม้ทั้งสองดอกที่อยู่ในจาน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่านี่เป็นเรื่องที่อวี้จิ่นกล้าทำ
นางยังนึกว่าจะได้รับดอกไม้จากอวี้จิ่นแค่ดอกเดียว แล้วค่อยดูต่อว่าเขาจะรับมือระหว่างฮ่องเต้กับเสียนเฟยอย่างไรกับการจัดการงานมงคลของเขาสองคน คิดไม่ถึงว่าเขาไม่ทำอะไรเพียงผิวเผิน ตอนนี้เขาจะมอบดอกเหมยทั้งหกดอกให้กับนาง!
ใช่! เจียงซื่อเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว ดอกเหมยที่เหลือนี้…อวี้จิ่นก็จะนำมามอบให้นางอย่างแน่นอน
แต่ว่า ถ้าไม่ให้นางแล้วจะให้ใครเล่า ถ้าผู้ชายของตนมอบดอกไม้กับหญิงอื่นต่อหน้าต่อหน้า เพียงแค่คิดก็รู้สึกโมโห
เจียงซื่อยิ้มเล็กน้อย
อะไรนะ มีดอกเหมยสามดอกอยู่ในจานงั้นหรือ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ของที่ได้จากคนที่ไม่ชอบ ย่อมไม่อยู่ในสายตาอยู่แล้ว
อวี้จิ่นอารมณ์เบิกบานทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของเจียงซื่อ
อาซื่อดีใจ เขาเองก็ดีใจเหมือนกัน
บรรยากาศของงานไม่สามารถคงความเงียบได้อีก เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่มาจากทุกทิศทางราวกับเป็นเสียงแมลงวันอันน่ารำคาน
อวี้จิ่นไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เขาคิดถึงแต่สิ่งที่อยากทำ
“คุณหนูเจียงได้โปรดรับไว้ด้วยนะ” เขานำดอกเหมยดอกที่สามวางลงตรงหน้าเจียงซื่อ
เสียบกระซิบดังขึ้นกว่าเดิม จนเริ่มกลายเป็นความโกลาหล
“อะไรกัน ดอกเหมยดอกที่สาม เยี่ยนอ๋องก็ให้คุณหนูเจียง?”
มีสตรีชั้นสูงนางหนึ่งบ่นงึมงำ “ที่แท้ ดอกเหมยดอกที่สอง เยี่ยนอ๋องไม่ได้มอบให้เพราะพลั้งมือหรอกหรือ…” น้ำเสียงยืดออกไปพร้อมกับถอนหายใจ เป็นความไม่เต็มใจและความเจ็บปวดที่ไม่สามารถซ่อนได้
อะไรกัน ทำไมนางถึงโชคดีได้ถึงเพียงนี้? เพราะสวยกว่าหรือ!
ดอกเหมยจากสู่อ๋องหนึ่งดอก ดอกเหมยจากเยี่ยนอ๋องอีกสามดอก นี่คุณหนูเจียงจะทำตัวเด่นให้ถึงที่สุดเลยหรืออย่างไร
แล้วก็มีสตรีชั้นสูงบางคนหัวเราะเยาะเย้ย “จะพลั้งมือได้อย่างไรกันเล่า เยี่ยนอ๋องชอบคุณหนูเจียงต่างหาก”
“แล้วเยี่ยนอ๋องจะมอบดอกที่สี่ให้ใคร คงไม่ใช่คุณเจียงอีกหรอกกระมัง!”
สตรีชั้นสูงนางหนึ่งส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด มีอย่างที่ไหนมอบดอกเหมยสี่ดอกให้คนๆ เดียว นี่มันงานเลี้ยงคัดเลือกพระชายา…”
สตรีชั้นสูงกัดริมฝีปากทันทีที่รู้ตัวว่าพลั้งปาก นางอายจนหน้าหูแดงระเรื่อ
เรื่องที่ท่านอ๋องสองคนคัดเลือกพระชายาในงานชมดอกเหมย แม้ว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้เต็มอก แต่เวลาพูดออกมาตรงๆ ก็ค่อนข้างเสียหน้าไม่เบา
และในเวลานี้ ไม่มีใครสนหญิงสาวที่กำลังเสียหน้า เพราะทุกคนกำลังเฝ้ามองอวี้จิ่นว่าเขาจะมอบดอกเหมยดอกที่สี่ให้ใคร
หากมอบให้สตรีชั้นสูงอื่น อย่างน้อยก็ยังเหลือโอกาสอีกสามครั้ง แต่ถ้ายังให้คุณหนูเจียงอีก…ไม่ ไม่ ถ้าเยี่ยนอ๋องกล้าทำเช่นนั้นจริง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
แล้วดอกเหมยดอกที่สี่ในมือของอวี้จิ่น ก็ตกลงสู่จานหยกสีขาวตรงหน้าของเจียงซื่ออย่างแน่วแน่
“คุณหนูเจียงได้โปรดรับไว้ด้วยนะ” เสียงพูดของชายหนุ่มยังคงสดใสเรียบนิ่ง ราวกับหิมะบนยอดเขาที่ค่อยๆ ละลายตัว
สะอาดและดูมีความอบอุ่นที่ไม่อาจบรรยายได้
จะไม่อบอุ่นได้อย่างไร คนๆ เดียวมีดอกเหมยอยู่ในมือถึงสี่ดอก มันเพียงพอที่จะยืนยันความในใจของชายหนุ่มแล้ว
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว เยี่ยนอ๋องต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ…” สตรีนางหนึ่งกล่าวงึมงำด้วยสีหน้าเอื่อยเฉื่อย
สตรีด้านข้างรีบปิดปากนางไว้แล้วกล่าวเสียงเบา “ดึงสติกลับมาก่อน พูดพล่อยๆ อะไรของเจ้า!”
ถึงเยี่ยนอ๋องจะเป็นอย่างไร เขาคือองค์ชาย หาใช่คนที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์อย่างตามใจได้
เสียนเฟยยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว บุคลิกที่คงไว้อย่างเงียบสงบไม่มีอีกต่อไป
อวี้จิ่นยิ้มพร้อมกับนำดอกเหมยดอกที่ห้าวางลงบนจานหยกตรงหน้าเจียงซื่อ
เมื่อเทียบกับจานหยกขาวที่ว่างเปล่าของสตรีชั้นสูงคนอื่น ในจานของเจียงซื่อถูกวางเต็มไปด้วยดอกเหมย
พอถึงเวลานี้ บรรยากาศในงานกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
ตกตะลึงกันจนหน้าชา เหลือไว้เพียงดูว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร
จะมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่าเกิดขึ้นอีกหรือไม่!
คงไม่มีแล้วกระมัง อย่างมากที่สุดก็คือเยี่ยนอ๋องมอบดอกเหมยดอกที่หกให้เจียงซื่อเหมือนเดิม
ให้เลยสิ ให้เลยสิ คิดหรือว่าพวกนางจะตะลึงตกใจอีก? หึ เยี่ยนอ๋องกล้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้ ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่มีทางตกใจอีกแล้ว!
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าหญิงสาวเหล่านี้ไร้เดียงสามากไป!
ตอนที่อวี้จิ่นหย่อนดอกเหมยดอกที่หกลงไปพร้อมกับเอ่ยขึ้น “คุณหนูเจียงได้โปรดรับไว้ด้วยนะ” เขาพลิกดอกเหมยที่วางอยู่เต็มจานไปมาอย่างเอื่อยเฉื่อย จากนั้นดึงผ้าสีฟ้าที่ผูกกับดอกเหมยออกมาแล้วโยนลงบนโต๊ะน้ำชา
เหล่าหญิงสาวพากันตะลึงงัน ยิ่งได้ขยับสายตาตามความเคลื่อนไหวของเขาก็ยิ่งมึนงง
การที่เยี่ยนอ๋องโยนดอกเหมยที่สู่อ๋องให้เจียงซื่อลงบนโต๊ะน้ำชาก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขากลับโยนลงบนโต๊ะของคนอื่น!
จี้ฟังหวามองดอกเหมยเขียวบนโต๊ะและกัดฟันแน่น
นี่มันภัยพิบัติที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว?
นางสาบานเลยว่า พี่ชายคนนี้เป็นคนที่นางเกลียดมาก…มากถึงมากที่สุด!
แต่ว่าด้วยเหตุผลเดียวกัน เมื่อเห็นเจียงซื่อที่อยู่ไม่ไกล จี้ฟังหวาก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันที
ตอนนั้น พี่สามจะแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาให้ได้ จนต้องยกเลิกงานหมั้นกับคุณหนูเจียง สำหรับคุณหนูเจียงแล้ว นั่นเป็นภัยที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวจริงๆ
ความรู้สึกอัดอั้นของคุณหนูเจียงในเวลานั้น คงมีมากกว่านางเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
มือข้างหนึ่งยื่นออกมามาหยิบดอกเหมยตรงหน้าจี้ฟังหวาขึ้นแล้วโยนลงพื้น
“ขออภัย พอดีข้าโยนพลาดไป”
พออวี้จิ่นพูดเสร็จ เขาประสานมือต่อสู่อ๋อง “จานของคุณหนูเจียงไม่พอให้ใส่ดอกเหมยมากขนาดนั้น น้องหยิบดอกนี้ของพี่หกออกมา พี่หกคงไม่ถือสาหรอกกระมัง”