ตอนที่ 319 เข้าใจ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 319 เข้าใจ

“พวกเจ้ากลัวไท่โส่วผู้อ่อนแอคนนั้นหรือ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าในซั่วหยางตระกูลไป๋ของข้าคือที่สุด ต่อให้ไป๋เวยถิงเก่งกาจสักเพียงใดก็ยังต้องฟังคำสั่งของท่านปู่ข้า! ท่านปู่ข้าคือประมุขของตระกูล! สั่งให้เขาทำสิ่งใดเขาไม่เคยขัดคำสั่งเลยสักครั้ง!”

“แม้ตอนนี้ไป๋เวยถิงจะตายไปแล้ว แต่ยังมีไป๋ชิงเหยียนที่เป็นจวิ้นจู่อยู่อีกคน ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าไป๋ชิงเหยียนอยู่ฝ่ายเดียวกับองค์รัชทายาท ขอแค่องค์รัชทายาทได้ครอบครองบัลลังก์ ตระกูลไป๋ของข้าก็ไม่มีวันล้มอย่างเด็ดขาด ตระกูลไป๋ยังเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในซั่วหยางอยู่วันยังค่ำ!”

ไป๋ชิงเหยียนชะงักฝีเท้า เงยหน้าขึ้น หันไปมองผู้ดูแลหลิวที่เดินตามอยู่ทางด้านหลัง

ผู้ดูแลหลิวเข้าใจในทันที เขาเบี่ยงกายหลบให้ผู้อื่นขึ้นไปด้านบนก่อน

ไป๋จิ่นจื้อพยายามข่มโทสะเอาไว้ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินตามไป๋ชิงเหยียนขึ้นไปด้านบน

ครั้งนี้พี่หญิงใหญ่เดินทางมาที่นี่เพื่อจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋โดยเฉพาะ ในเมื่อพี่หญิงใหญ่ได้ยินแต่ไม่ใส่ใจ ย่อมต้องมีเหตุผล นางห้ามวู่วามเด็ดขาด

ทว่า เด็กรับใช้ของหอเทียนเซียงได้ยินกลับถอนหายใจยาวออกมา

ใบหูของไป๋จิ่นจื้อกระตุกเล็กน้อย เอ่ยถามยิ้มๆ “เหตุใดเจ้าถึงถอนหายใจกัน”

เด็กรับใช้เหมือนจะตกใจจนเสียวสันหลังวาบ เขากล่าวยิ้มๆ “ไม่มีอันใดขอรับ เพียงแต่ว่าอีกไม่กี่วันหอเทียนเซียงของเราจะเปลี่ยนเจ้าของแล้วขอรับ พวกเรายังไม่รู้ว่าจะได้ทำงานที่นี่ต่อหรือไม่ ขอประทานโทษที่รบกวนขอรับ!”

ไป๋จิ่นจื้อได้รับสัญญาณจากไป๋ชิงเหยียน สาวน้อยเอ่ยถามต่อ “เปลี่ยนเจ้าของอย่างนั้นหรือ การค้าที่หอเทียนเซียงเป็นไปได้ดีนี่นา”

เด็กรับใช้เปิดประตูห้องรับรอง ผายมือเชิญพวกของไป๋ชิงเหยียนเข้าไปด้านในอย่างนอบน้อม รินชาให้พลางบ่น “พวกท่านไม่ใช่คนท้องถิ่น คงไม่รู้ความร้ายกาจของตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋มีสิทธิ์เด็ดขาดในเมืองซั่วหยาง หลายปีมานี้พวกเขาทำเรื่องเลวทรามมากมาย เมื่อก่อนมีเจิ้นกั๋วกงคอยให้ท้าย พอเจิ้นกั๋วกงตายไปแล้ว กลับมีเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่โผล่มาอีกคน ได้ยินว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สนิทสนมกับองค์รัชทายาทมาก กล่าวกันว่าหากองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่อาจได้เป็นฮองเฮาหรือไม่ก็กุ้ยเฟย ตระกูลไป๋คงเหิมเกริมยิ่งกว่าเดิมขอรับ!”

ไป๋จิ่นจื้อเกือบสบถคำหยาบออกมา นางกัดฟันแน่น สีหน้าย่ำแย่

“ตระกูลไป๋เป็นคนกล่าวสิ่งเหล่านี้อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนนั่งลงตรงโต๊ะไม้สี่เหลี่ยม มือขาวเนียนราวกับหยกยกถ้วยน้ำชาขึ้นเป่าไอร้อนอย่างแผ่วเบา

“ไม่เพียงแค่ตระกูลไป๋ขอรับ เจ้าของหอเทียนเซียงของข้าคือน้องภรรยาของนายอำเภอ นายอำเภอเป็นคนบอกเจ้านายของพวกเราขอรับ” เด็กรับใช้มีสีหน้าอมทุกข์ “ตระกูลไป๋แย่งชิงกิจการในซั่วหยางมากมายหลายที่แล้วขอรับ จู่ๆ พวกเขาก็อยากได้หอเทียนเซียงแห่งนี้ นายอำเภอกล่าวว่าพวกเราไม่สามารถต่อกรกับตระกูลไป๋ได้ ให้ยอมยกให้พวกเขาไป! อีกไม่นานเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ก็จะกลับมาอยู่ซั่วหยางแล้ว หากไม่ยอมยกให้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น ตอนนั้นคงแก้ไขไม่ทันแล้ว เจ้านายของพวกข้าอาจเดือดร้อนได้ขอรับ”

“เฮ้อ ทุกครั้งที่ตระกูลไป๋เข้ายึดครองกิจการ พวกเขามักลดเงินเดือนของพวกเราลงครึ่งหนึ่ง! ก่อนหน้านี้เจ้าของร้านขายเครื่องประทินโฉมกล่าวว่าพวกเขามีคนชราและเด็กเล็กต้องดูแล หากลดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่ง พวกเขาไม่พอประทังชีวิต ตระกูลไป๋จึงสั่งให้คนทำร้ายเจ้าของผู้นั้นจนพิการเกือบตายขอรับ ทว่า เจ้าของร้านทนได้ไม่ทันข้ามคืนก็เสียชีวิตลงขอรับ บุตรชายของเจ้าของร้านแอบไปฟ้องร้องตระกูลไป๋กับเจ้าเมือง แต่ข้าคิดว่าเจ้าเมืองคงไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้หรอกขอรับ!”

ไป๋จื่นจื้อกำหมัดแน่นจนกระดูกดังกรอบแกรบ โมโหจนไม่มีอารมณ์ชมวิวทิวทัศน์ของวัดถูหลิงแม้แต่น้อย สาวน้อยตามไป๋ชิงเหยียนกลับไปยังโรงเตี้ยมโดยไม่ทานอาหารแม้สักคำ

ไป๋ชิงเหยียนเห็นสีหน้าหงุดหงิดของไป๋จิ่นจื้อ หญิงสาวจึงหาเรื่องให้น้องสาวทำ ให้นางสั่งให้คนไปแจ้งจี้ถิงอวี๋ให้ออกมาพบนางวันพรุ่งนี้ จากนั้นหญิงสาวไปฝึกหอกเงินหงอิงอยู่ที่ลานหญ้า ผู้ดูแลหลิวยืนรายงานไป๋ชิงเหยียนอยู่ด้านข้าง

“ดูเหมือนว่าทายาทของตระกูลไป๋จะแอบทำเรื่องชั่วร้ายลับหลังผู้ใหญ่ในตระกูลไป๋ไม่น้อยเลยทีเดียวขอรับ เมื่อครู่หลานชายคนเล็กของท่านประมุขไป๋เรียกผู้ดูแลหอเทียนเซียงเข้าไปพบ ให้เขานัดเจ้าของของหอเทียนเซียงมาพบช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ น่าจะบังคับให้เจ้าของขายหอเทียนเซียงให้ขอรับ” ผู้ดูแลหลิวกล่าว

ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องลำบากให้ผู้ดูแลหลิวสร้างสถานการณ์แล้ว บ่ายวันพรุ่งนี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด

ใบหูของไป๋ชิงเหยียนขยับเล็กน้อย แววตาเคร่งขรึม หมุนกายกลับพลางแทงหอกเงินหงอิงออกไปอย่างสุดแรง

เซียวหรงเหยี่ยนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับ เบี่ยงศีรษะหลบปลายแหลมของหอกเงิน จากนั้นใช้มืออีกข้างจับด้ามของหอกไว้อย่างมั่นคง

ผู้ดูแลหลิวรีบก้มหน้าถอยหลังหนีไปสองสามก้าวอย่างนอบน้อม รู้สึกตะลึงอยู่ในใจ ฝีมือของเซียวหรงเหยี่ยนช่างร้ายกาจนัก ชายหนุ่มเข้ามาใกล้เขาและคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่เขาจับสังเกตไม่ได้เลย

ไป๋ชิงเหยียนที่หายใจเหนื่อยหอบเห็นว่าเป็นเซียวหรงเหยี่ยน จึงคลายไอสังหารบนใบหน้าลง “เซียวเซียนเซิงชอบปรากฏกายโดยไม่ส่งเสียงอยู่เรื่อยเลยนะเจ้าคะ”

เซียวหรงเหยี่ยนถือถาดสีดำสี่เหลี่ยมด้วยมือข้างเดียว ส่งหอกที่อยู่ในมืออีกข้างให้ผู้ดูแลหลิว ยืนอยู่หน้าประตูไม่ได้ก้าวเข้าไปด้านใน กล่าวขึ้น “วันนี้คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ค่อยทานอาหารสักเท่าใด เหยี่ยนจึงสั่งให้คนต้มรังนกพุทรามาให้คุณหนูใหญ่ไป๋ขอรับ”

“ลำบากเซียวเซียนเซิงแล้ว”

“คุณหนูใหญ่มีพระคุณต่อเหยี่ยน เป็นเรื่องที่สมควรทำขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนมองผู้ดูแลหลิวยิ้มๆ

ผู้ดูแลหลิววางหอกพิงไว้ข้างกำแพง ก้าวไปรับรังนกพุทราที่เซียวหรงเหยี่ยนถือมา กล่าวยิ้มๆ “ขอบพระคุณเซียวเซียนเซิงมากขอรับ ดึกมากแล้ว เซียวเซียนเซิงรีบกลับไปพักผ่อนเถิดขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนนึกถึงหยกจักจั่นขึ้นมาได้ หญิงสาวปลดถุงเงินที่เอวออกมา จากนั้นเอ่ยขึ้น “เซียวเซียนเซิง…”

“คุณหนูใหญ่ไป๋มีเรื่องอันใดขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนได้ยินจึงเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนอย่างได้ใจ

ผู้ดูแลหลิวรีบเดินตามไปประกบ

ไป๋ชิงเหยียนหยิบหยกจักจั่นออกมาจากถุงเงินแล้วยื่นให้เซียวหรงเหยี่ยน “ของสิ่งนี้คือของล้ำค่าของเซียวเซียนเซิง ข้าควรคืนมันให้เจ้าของเจ้าค่ะ”

เซียวหรงเหยี่ยนมองดูถุงเงินในมือของไป๋ชิงเหยียน จำได้ทันทีว่านั่นคือถุงเงินที่ไป๋ชิงเหยียนพกติดกายตลอดเวลา รอยยิ้มในดวงตาของชายหนุ่มมากขึ้น ”คุณหนูใหญ่พกติดกายตลอดเวลาหรือขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนหลบสายตาลึกล้ำร้อนแรงของเซียวหรงเหยี่ยน “ไม่รู้ว่าจะได้เจอเซียวเซียนเซิงเมื่อใด ข้าจึงพกติดตัวไว้ จะได้สะดวกคืนได้ตลอดเวลาเจ้าค่ะ”

ใจของผู้ดูแลหลิวกระตุกวูบ คำว่าของติดกายเป็นถ้อยคำที่ลึกซึ้งเกินไป ไม่ต่างอันใดกับการล่วงเกินคุณหนูใหญ่เลย

ตั้งแต่ที่เซียวหรงเหยี่ยนเชิญให้คุณหนูใหญ่และคุณหนูสี่พักที่โรงเตี๊ยมเดียวกันกับเขา เขาก็มองออกแล้วว่าเซียวหรงเหยี่ยนมีความรู้สึกพิเศษกับคุณหนูใหญ่ ทว่า เขานึกไม่ถึงเลยว่าการกระทำของชายหนุ่มจะหยาบโลนถึงเพียงนี้!

ชายหนุ่มกล่าวถ้อยคำล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของเขาเช่นนี้ ทว่า คุณหนูใหญ่ยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้ตัวสักนิด

ผู้ดูแลหลิววางถ้วยรังนกลงบนโต๊ะอย่างแรง กล่าวยิ้มๆ “คุณหนูใหญ่รีบทานตอนร้อนเถิดขอรับ จะได้ไม่เสียน้ำใจของเซียวเซียนเซิง”

“มอบหยกจักจั่นให้คุณหนูใหญ่คือน้ำใจจากเหยี่ยนและท่านพี่ คุณหนูใหญ่อย่าได้ปฏิเสธน้ำใจของเหยี่ยนเลยขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวยิ้มๆ

ผู้ดูแลหลิว “…”

เซียวเซียนเซิงผู้นี้ช่างไหลลื่นยิ่งนัก!

ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปยังดวงตาล้ำลึกของเซียวหรงเหยี่ยน เอ่ยขึ้น “ผู้ดูแลหลิวออกไปรอด้านนอกก่อนเถิด”

ผู้ดูแลหลิวรับคำอย่างไม่เต็มใจ “ขอรับ…”

เมื่อผู้ดูแลหลิวจากไป ไป๋ชิงเหยียนจึงกล่าวขึ้น “เหตุใดเซียวเซียนเซิงจึงมอบหยกจักจั่นให้ข้าเจ้าคะ หากทำไปเพื่อขอบคุณ…”

“ท่านเข้าใจความหมายของข้าดี” น้ำเสียงนุ่มนวลของเซียวหรงเหยี่ยนมีเสน่ห์เย้ายวนในคืนนี้ยิ่งนัก

ดวงจันทร์และดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้า สายลมพัดอย่างเอื่อยๆ เงาของใบไม้ชัดเจนท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง ใบหูได้ยินเสียงของแมลงและนกส่งเสียงร้องอย่างแผ่วเบา