War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1711
ตอนที่ 1,711 : จูมู่จื่อ!
ในที่สุดปลาใหญ่ก็ติดเหยื่อล่อ…
ต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวในความมืดมิดมองไปยังชาย 2 คนที่ปรากฏตัวออกมาขวางทางป๋ายลี่หงอย่างใจเย็น ครุ่นคิดบางอย่างในใจอย่างเงียบงัน
ในบรรดาทั้งสองคน 1 ในนั้นมาในชุดคลุมลายปักมังกรซึ่งเป็นอะไรที่บ่บอกตัวตนของมันชัดเจน ฮ่องเต้ฝูเฟิง จูหยวน!
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจึงพึ่งเคยพบจูหยวนเป็นครั้งแรกในวันนี้ แต่อาศัยเพียงเครื่องแต่งกายของอีกฝ่ายต้วนหลิงเทียนก็เดาฐานะของมันได้ทันที
และแม้นี่จะเป็นแค่การพบกับจูหยวนครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้จักมัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังอยู่ในตระกูลซือถู เขาเองก็เคยได้ยินคำร่ำลือถึงจูหยวนฮ่องเต้ฝูเฟิงผู้นี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือ 1 ในไม่กี่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศฝูเฟิง และมันยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลา!
ส่วนอีกคนนั้นเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเฟิ้ม ผมเผ้ายังรกรุงรัง มองไกลๆไม่ต่างอะไรจากมนุษย์สิงโต!
‘สามารถยืนเคียงข้างจูหยวนได้…เช่นนั้นคนผู้นี้สมควรเป็น 1 ในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงเช่นกันสินะ’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดา
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคาดเดา จูหยวน และอีกคนที่มาด้วยกันก็ไม่คิดสร้างปัญหาให้ป๋ายลี่หงแต่อย่างไร เพียงหันมองไปรอบๆคล้ายกำลังมองหาบางสิ่ง
ครู่ต่อมาเป็นจูหยวนที่กล่าวออก “สหาย ข้าคือฮ่องเต้ฝูเฟิง ดูเหมือนว่าก่อนหน้าสหายกับตระกูลราชวงศ์เราคล้ายจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอยู่ ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สหายจะออกมากล่าวสนทนากับพวกเราสักครั้ง?”
วาจาที่จูหยวนกล่าวออกค่อนข้างสุภาพไม่น้อย มันไม่ได้วางอำนาจในฐานะฮ่องเต้แต่อย่างไร
“ฮ่องเต้ฝูเฟิง?”
ในขณะเดียวกัน เมื่อได้ยินคำของจูหยวนพร้อมลายปักมังกรบนชุดคลุมอีกฝ่าย ป๋ายลี่หงจึงตระหนักได้ว่า…เบื้องหน้าของมันที่แท้ก็คือฮ่องเต้ฝูเฟิง!
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นฮ่องเต้ฝูเฟิงป๋ายลี่หงก็เพียงประหลาดใจเล็กน้อยเท่านั้น
ฮ่องเต้ฝูเฟิงแล้วจะอย่างไร?
เบื้องหลังมันมีแม้แต่ยอดฝีมือที่ไม่หวาดกลัว อาจารย์อวิ๋น ที่บรรลุพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
คนผู้นี้สมควรเป็นสหายของศิษย์น้องมัน!
“ค่อยมาสนทนากันหลังจากที่ทุกคนมากันครบเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวในความมืดมิดอย่างแยบคายกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เขายังแกล้งทำเสียงแหบแห้งเหมือนเดิม เช่นนั้นจึงยากที่ใครจะเชื่อมโยงเสียงนี้กับตัวตนที่แท้จริงของเขา
เสียงที่ดังก้องออกมาจากทั่วสารทิศรอบนี้ ทำให้จูหยวนและผู้ที่มาด้วยอีกคนชมวดคิ้วทันที
ค่อยมาสนทนากันหลังจากที่ทุกคนมากันครบ?
นั่นหมายความว่าอะไร
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีร่างชายวัยกลางคนกับชายชราปรากฏตัวขึ้น! จูหยวนและชายเคราดกหน้ารกปานสิงโตถึงกับผงะ มาตอนนี้จึงได้รู้ว่าวาจาเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอะไร!
“อาจารย์อวิ๋น”
“เสด็จลุง!”
ทันทีที่ชายวัยกลางคนกับชายชราปรากฏตัวขึ้นมา จูหยวนกับชายเคราดกที่อยู่ใกล้ๆก็เร่งโค้งคารวะทันที คนที่พวกมันนับถือที่สุดแน่นอนว่าไม่ใช่ชายชราแต่เป็นชายวัยกลางคน! พวกมันจึงเลือกคำนับชายวัยกลางคนก่อนค่อยคำนับชายชรา!!
แม้ว่าชายชราจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของจูหยวน แต่กระทั่งตัวมันเองก็ไม่กล้าถือดีต่อหน้าชายวัยกลางคน
เช่นนั้นแม้จะพบว่าจูหยวนกับชายเคราดกโค้งคารวะชายวัยกลางคนก่อน ไม่เพียงชายชราจะไม่โกรธ แต่ยังรู้สึกว่าสมควรทำแล้ว
ต้องทราบด้วยว่าชายวัยกลางคนผู้นี้มาจากขุมพลังกึ่งชั้น 3! ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่นับว่าสูงส่งอะไรในบรรดาคนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 แต่อีกฝ่ายก็เสมือนตัวตนอันไร้เทียมทานในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้!
เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
ในประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงบางทีอาจมียอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือสูงส่งถึงขั้นนี้ แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่ได้อยู่ในประเทศฝูเฟิงแล้วหลังจากบรรลุพลังฝึกปรือดังกล่าว…
“อืม”
เผชิญหน้ากับการคารวะทักทายของจูหยวนและชายเครารก ชายวัยกลางคนเพียงตอบรับด้วยเสียงในลำคออย่างไร้แยแส ส่วนชายชราพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามเมื่อสายตาของชายชราไปตกยังร่างป๋ายลี่หงที่หยุดมองมายังพวกมันเบื้องหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าพลันสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นถมึงทึงดุร้าย “เจ้าน่ะหรือ คือป๋ายลี่หง?”
ตั้งแต่ที่ได้ยินจูหยวนเรียกหาอีกฝ่ายว่าเสด็จลุง ป๋ายลี่หงเองก็รับทราบถึงตัวตนของชายชราผู้นี้แล้ว
ในประเทศฝูเฟิงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ จูหยวน ฮ่องเต้ฝูเฟิงจะเรียกหาว่าเสด็จลุง ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากจูมูจื่อ ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศฝูเฟิง ด่านพลังบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลาง!
เผชิญหน้ากับจูมูจื่อที่ยิงคำถามมาด้วยแววตาดุร้าย ทว่าป๋ายลี่หงกลับเลือกที่จะเมินเฉย
แม้พลังฝีมือของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเหนือมัน กระทั่งคิดฆ่ามันยังเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย แต่ป๋ายลี่หงก็ไม่ใช่ชนชั้นขลาดเขลาที่จะหวาดกลัวความตายจนต้องยอมก้มหัวให้จูมือจื่อ
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมียอดฝีมือที่คอยหนุนหลัง ยังต้องกลัวจูมือจื่อทำอะไร!?
“หืม?”
เมื่อเห็นว่าป๋ายลี่หงทั้งๆที่ได้ยินคำถามของมันแล้ว แต่อีกฝ่ายเพียงแค่มองมาครู่หนึ่งค่อยเลิกสนใจไป ก็ทำให้สีหน้าของจูมูจื่อมืดลงทันใด!
ในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง มีศักดิ์ฐานะเป็นถึงเสด็จลุงฮ่องเต้ ไม่ต้องกล่าวถึงที่ฐานะของมันสูงส่งเหนือใครในประเทศฝูเฟิง อาศัยพลังมือของมันยังมีใครกล้าละเลยทำเป็นเมินเฉยและไม่เกรงกลัวมันบ้าง?
ทว่าวันนี้มันกลับถูกเมินโดยผู้ฝึกตนที่พึ่งบรรลุเซียนดั้งเดิมขั้นต้น?
นี่นับเป็นการดูถูกมันอย่างเห็นได้ชัด!
“บังอาจ!!”
และในขณะที่สีหน้าจูมือจื่อกลายเป็นมืดดำ เสียงสองเสียงพลันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เป็นฮ่องเต้ฝูเฟิงจูหยวน และชายเคราดกที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งคู่มองไปยังป๋ายลี่หงด้วยสายตาอำมหิต ในวาจาที่ตะคอกออกเต็มไปด้วยโทสะ
ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้ ตัวตนของจูมูจื่อไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 เท่านั้น แต่ยังเป็น เสาหลัก ของประเทศฝูเฟิงอีกด้วย!
แถมในสายตาของจูหยวนและชายเครารก จูมูจื่อไม่เพียงแต่เป็นเสาหลักของตระกูลราชวงศ์ อีกฝ่ายยังเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพสูงสุด!
พลังฝีมืออันแข็งแกร่งของพวกมันทุกวันนี้ ล้วนเป็นจูมูจื่อชี้แนะมาทั้งสิ้น!
ไม่เพียงแต่เป็นดั่งอาจารย์ อีกฝ่ายยังดูแลพวกมันอย่างดียิ่งกว่าบิดาแท้ๆของพวกมันเสียอีก!
ทว่าตอนนี้กลับมีคนกล้าถือดีต่อบุคคลที่พวกมันเคารพนับถือยิ่งกว่าบิดา! ทั้งบุคคลดังกล่าวยังเป็นแค่เซียนดั้งเดิมขั้นต้นแสนกระจ้อยร่อย จะให้พวกมันไม่โกรธได้อย่างไร?!
“จูเลี่ย ฆ่ามันเสีย!”
ประกายตาจูมูจื่อส่องสว่างขึ้นมาด้วยอำมหิตวาบหนึ่ง พลันกล่าวคำดั่งโยนป้ายประหารออกไปทันที!
“ทราบแล้วสด็จลุง!”
คนที่จูมูจื่อเรียกหาว่าจูเลี่ยนั้น ก็คือชายเครารกที่อยู่ถัดจากจูหยวน พอมันได้ยินคำของจูมูจื่อก็เร่งขานรับด้วยเคารพทั้งเคลื่อนร่างพุ่งเข้าใส่ป๋ายลี่หงราวกับพญาอินทรีย์โถมเข้าใส่เหยื่อตัวกระจ้อย!
จูเลี่ยผู้นี้จะดีจะร้ายมันก็เป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น! ยามลงมือเปล่งพลังย่อมก่อเกิดกลิ่นอายพลังกดดันที่ทำให้ป๋ายลี่หงรู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออก!!
กระทั่งแผ่นหลังที่ตั้งตรงปานเสากระโดง ยามนี้ยังต้องงองุ้มลงด้วยไม่อาจฝืนต้าน
“เหอะ!”
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงพ่นลมด้วยความรำคาญหนึ่งพลันดังขึ้น ประกายแสงสีทองของกระบี่เล่มหนึ่งพลันสว่างวาบกรีดฟ้าแนวขวางฉับไว ปานละอองไฟวาบดับต่อหน้าต่อตาผู้คน!!
พริบตาต่อมาร่างจูเลี่ยที่พุ่งโถมเข้าใส่ป๋ายลี่หงก็พยายามดีดถอยออกมาสุดตัว! แรงกดดันทั้งพลังสภาวะของมันถูกกระบี่เมื่อครู่สลายหายไปไม่มีเหลือ!!
“กระบี่ที่ว่องไวนัก!”
หลังจากที่ดีดร่างถอยออกไปสุดชีวิต แผ่นหลังของจูเลี่ยถึงกับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬเย็นฉ่ำ มาตอนนี้มันยังรู้สึกหนาวใจทั้งเสียววาบไม่น้อย! ประกายกระบี่สีทองที่วูบผ่านหน้ามันไปเมื่อครู่ เป็นอะไรที่มันจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!!
โชคดีที่มันไม่ได้ทุ่มพลังทั้งหมดในการสังหารป๋ายลี่หง หาไม่แล้วมันคงไม่อาจชะงักร่างได้ทัน…ถึงตอนนั้นเกรงว่ากระบี่พลังเมื่อครู่ไม่ใช่แค่ถากลำคอมันไปด้วยระยะเส้นผมกั้น…แต่คงสะบั้นศีรษะมันร่วงหลุดจากบ่า!!
ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!
จังหวะนี้เองไม่ว่าจะเป็นจูหยวน จูเลี่ย จูมูจื่อ กระทั่งชายวัยกลางคน พลันหันมองไปยังรป๋ายลี่หงอย่างพร้อมเพรียง
แน่นอนว่าเป้าสายตาของพวกมันไม่ใช่ป๋ายลี่หง หากแต่เป็นชายหนุ่มเยาว์วัยที่ปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่ประกายกระบี่สีทองเมื่อครู่ดับวูบลง
ชายหนุ่มผู้นี้แลดูหน้าตาธรรมดา อย่างที่ยากจะแยกหากปล่อยให้อีกฝ่ายลงไปปะปนท่ามกลางฝูงชน
อย่างไรก็ตามนอกจาก อาจารย์อวิ๋น ที่เหลือบมองชายหนุ่มที่พึ่งปรากฏตัวด้วยสายตาเฉยเมยแล้ว ที่เหลือล้วนมองไปยังชายหนุ่มผู้นี้ด้วยสายตายำเกรงทั้งสิ้น!
เพราะพวกมันตระหนักชัดเจนว่าชายหนุ่มที่พึ่งปรากฏตัวออกมาผู้นี้ พลังฝีมือมิได้ต้อยต่ำไปกว่าเซียนขัดเกลาขั้นกลาง…กระทั่งอาจจะเหนือกว่านั้น!!
ลำพังแค่ขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ในตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงก็มีเพียงจูมูจื่อคนเดียวเท่านั้นที่บรรลุถึง!
ทว่ายามต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาแลดูเฉยเมยไร้แยแสผู้นี้ จูมูจือเองก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ประกายกระบี่สีทองเมื่อครู่ รวดเร็วนัก…อันตราย! กระทั่งตัวมันยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม!!
เมื่อด่านพลังฝึกปรือก้าวหน้าขึ้นมาถึงระดับหนึ่ง ผู้คนย่อมมีสังหรณ์และการตัดสินใจอันเฉียบคม มันย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากชายหนุ่มแลดูธรรมดาเบื้องหน้าได้ชัดเจน!
“เหอะ! ยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาของตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิง ไม่กลัวผู้คนหัวเราะเยาะแล้วหรือไร ถึงได้ลงมือลงไม้กับเซียนดั้งเดิมขั้นต้น?”
ในที่สุดชายหนุ่มหน้าตาแลดูธรรมดาอันเป็นต้วนหลิงเทียนปลอมแปลงโฉมมา ก็กล่าวออกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน จูเลี่ยพลันชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
“นั่นยังต้องดูด้วยว่าวันนี้เจ้าสามารถมีชีวิตออกจากวังหลวงไปแพร่กระจายเรื่องราวหรือไม่!?”
จูมูจื่อกล่าวคำเย้ยเยาะออกมา
“เจ้าสมควรเป็นเซียนขัดเกลาขั้นกลางหนึ่งเดียวของตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูเฟิงงั้นสิ?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังจูมูจื่อด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวถามเสียงเรียบ
“แล้วอย่างไร?”
วาจาของจูมูจื่อยังเต็มไปด้วยความเย้ยเยาะถือดี
หากในตอนแรกกล่าวว่ามันยังมีความหวาดกลัวต่อพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนอยู่บ้างล่ะก็ แต่พอมันนึกถึงว่ามันยังมีสุดยอดฝีมือหนุนหลังอยู่ ความกลัวดังกล่าวของมันจึงสลายหายไปทันที
บางทีพลังฝีมือของชายหนุ่มเบื้องหน้าอาจจะกล้าแข็งเหนือมัน แต่คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเทียบกับชายวัยกลางคนที่ยืนข้างมัน!
เพราะคนที่ยืนข้างมันตอนนี้ คือผู้ที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
ยิ่งไปกว่านั้นคนข้างกายคนนี้ ยังกล่าวส่งเสียงถึงมันโดยตรง ว่าสามารถจัดการชายหนุ่มเบื้องหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา เช่นนั้นมันจึงบังเกิดความโล่งใจนัก…!
“ดูเหมือนเจ้าจะวางใจเพราะมีเจ้านั่นหนุนหลังงั้นสิ?”
สายตาที่เผยความหวาดกลัวออกมาก่อนหน้าของจูมูจื่อนั้น แน่นอนว่าไม่ได้รอดพ้นสายตาแหลมคมของต้วนหลิงเทียน ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหวาดกลัว
ทว่าเพียงพริบตาวาจาของมันกลับหาญกล้าขึ้นมาผิดปกติ!
สำหรับการที่อยู่ๆจูมูจื่อกล่าววาจาหาญกล้าขึ้นมผิดปกตินั้น ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาได้ 9 ใน 10 ส่วนว่าสมควรเกี่ยวข้องกับชายวัยกลางคนข้างกายอีกฝ่าย…!!
ยิ่งไปกว่านั้นจูหยวนกับจูเลียนั่น ก็คารวะทักทายทั้งเรียกหาอีกฝ่ายว่าอาจารย์อวิ๋น
เช่นนั้นแล้ว…ชายวัยกลางคนผู้นี้สมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
นอกจากนั้นยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลราชวงศ์ ที่ลงมือทำร้ายประมุขินิกายอัคคีล่องลอย สื่ออวิ๋น จนบาดเจ็บสาหัส!
เมื่อคิดถึงเรื่องที่คนผู้นี้ทำร้ายสื่ออวิ๋นขึ้นมา สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง!