บทที่ 356 เจ้าดีกว่าสัตว์นิดหน่อย!
บทที่ 356 เจ้าดีกว่าสัตว์นิดหน่อย!
“ว่าแต่เสี่ยวซี ขาของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” ซูอันถามกลับอีกครั้ง เขาจำได้ว่าไป๋ซู่ซู่ได้พูดอะไรบางอย่างออกมาเกี่ยวกับการที่จี้เสี่ยวซีสะดุดล้มจนทำให้นางขาแพลงในขณะที่วิ่งไปขอความช่วยเหลือ เขายื่นมือออกไปขณะที่ถามว่า “ให้ข้าช่วยนวดไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” จี้เสี่ยวซีหน้าแดงขณะที่นางดึงขาของนางกลับและดึงกระโปรงลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้นางรู้ดีว่าซูอันไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว หญิงสาวจึงไม่คิดอะไรมากกับการที่เขาแตะเนื้อต้องตัวนาง แต่ตอนนี้เมื่อเขาหายดีแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา
ในทางกลับกัน ซูอันผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตระหนักว่าตนเองได้เข้าใกล้นางเกินไป อย่างไรก็ตาม สำหรับสาวน้อยผู้ใจดีและน่ารักคนนี้ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหยอกล้อนางได้โดยไม่รู้สึกผิด ดังนั้นจึงรีบแสดงท่าทางเคร่งขรึมและพูดว่า “เสี่ยวซี ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าเองที่ทำให้เจ้าเสียเวลาในคุกใต้ดินและไม่สามารถเก็บเกี่ยวอะไรดี ๆ ได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ข้าคิดว่าการที่ข้าได้อยู่กับท่านเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!” จี้เสี่ยวซีตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ข้าไม่เคยเจออะไรที่น่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อนเลยตลอดชีวิต ประสบการณ์ในหุบเขานั่นเป็นมากกว่าทุกสิ่งที่ข้าต้องการ! สำหรับสมบัตินั้นมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับข้า พ่อของข้ามีสมุนไพรล้ำค่ามากมายอยู่แล้ว ข้าก็เลยไม่ได้ขาดส่วนผสมอะไร”
“…” ซูอัน
คนรวยมักมีความคิดที่ต่างไปจากคนทั่วไป…อย่างข้า!
แม้ว่าจี้เสี่ยวซีจะพูดอะไร ซูอันก็ยังไม่สามารถละทิ้งความรู้สึกผิดได้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาควรจะชดเชยอะไรสักอย่างให้แก่นาง
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ แล้วก็หยิบหินพลังชี่ที่เปล่งแสงสีแดงเลือดออกมาจากเสื้อคลุมของเขายัดเข้าไปในมือของนางแล้วพูดว่า “นี่ ข้าจะให้ไอ้นี่แก่เจ้า”
เสื้อผ้าของหมี่ลี่ที่สุสานใต้ดินนั้นประดับด้วยหินพลังชี่อันล้ำค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎ เสื้อคลุมหงส์ หรือเข็มขัดคาดเอว แม้ว่าเสื้อผ้าของนางจะสลายไปตามกาลเวลา แต่หินพลังชี่เหล่านี้ยังคงสมบูรณ์ ขณะที่ หมี่ลี่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็แอบหยิบมันมาเก็บไว้
หินพลังชี่ที่ใหญ่ที่สุดคือหินที่ฝังอยู่ตรงกลางมงกุฎของนาง เมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่มันอาจจะมีความสำคัญต่อหมี่ลี่ ซูอันก็ตัดสินใจที่จะเก็บไว้เพื่อสร้างมงกุฎอีกอันให้กับนาง และตอนนี้เขาเลือกที่จะเอาอันที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองซึ่งฝังอยู่บนเข็มขัดเอวของนางให้แก่จี้เสี่ยวซีแทน
หมี่ลี่คงจะขอบคุณมากเมื่อนางพบว่าข้าแสดงความเป็นห่วงนางจริง ๆ ใช่ไหม?
“นี่คืออะไร?” จี้เสี่ยวซีเข้าไปมองหินพลังชี่ใกล้ ๆ ใบหน้าของนางเหลอหลาด้วยความประหลาดใจ ปากของนางอ้ากว้างมากจนสามารถยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟอง “หินพลังชี่ ระดับสวรรค์!”
หินพลังชี่ในโลกนี้มีระดับต่างกันเช่นเดียวกับเพชรในโลกก่อนหน้าของเขา หินพลังชี่ที่พบเห็นได้ทั่วไปในตลาดและจัดจำหน่ายโดยสถาบันจันทร์กระจ่าง เป็นหินพลังชี่ระดับธรรมดา
ระดับที่สูงกว่านั้นจะเป็นหินพลังชี่ระดับปฐพี ในแง่ของปริมาณและความเข้มข้นของพลังชี่ย่อมเหนือกว่าหินพลังชี่ระดับธรรมดามาก พวกมันมักถูกครอบครองโดยตระกูลใหญ่เพื่อเป็นทรัพยากรบ่มเพาะให้สมาชิกหลักของตระกูล
ส่วนหินพลังชี่ระดับสวรรค์ กล่าวกันว่าเป็นทรัพยากรบ่มเพาะที่หายากมาก และราชวงศ์เป็นผู้ผูกขาดอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะองค์จักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท และองค์ชายที่โปรดปรานเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะใช้พวกมัน องค์ชายลำดับอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะไม่มีสิทธิ์ใช้มันได้ เว้นแต่จะมีข้อยกเว้นเป็นพิเศษ
ซูอันตกตะลึง ไม่คิดว่ามันจะเป็นหินพลังชี่ระดับสวรรค์ เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจำแนกประเภทของหินพลังชี่จากสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่เขาไม่เคยเห็นหินแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้จักมัน
“ข้ารับของมีค่าเช่นนี้ไม่ได้!” จี้เสี่ยวซีกล่าวขณะที่นางส่งหินสีแดงกลับไปให้ซูอัน
“ข้าจะเอาของขวัญคืนได้ยังไง? อย่ากังวล รับมันไปเถอะ” แม้ว่าซูอันรู้ว่าหินพลังชี่นี้มีค่าเช่นกัน แต่เขายังคงยืนกรานให้จี้เสี่ยวซียอมรับอย่างไม่ลังเลใจ
ซูอันหวนนึกถึงความปั่นป่วนที่เขาเคยผ่านมานับตั้งแต่การเข้ามาในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุกข์ทรมานที่ได้รับจากเฉียวเสวี่ยอิง ด้วยความคิดเช่นนี้ จึงเพ่งเล็งไปที่ผู้กระทำความผิดมากกว่า
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของจี้เสี่ยวซีกลับนำความอบอุ่นมาสู่ชีวิตของซูอัน เมื่อนางรู้ซึ้งถึงความทุกข์ใจของเขา นางจึงคิดหาวิธีช่วยชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในมิติลับนี้ นางยังพยายามอย่างยิ่งที่จะรวบรวมความช่วยเหลือจากคนอื่น ๆ เพื่อช่วยเขาจากทหารผีดิบด้วย
“มันล้ำค่าเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้!” จี้เสี่ยวซีส่ายหัว เนื่องจากความกังวลของนาง ผิวพรรณของนางจึงกลายเป็นสีแดงเล็กน้อย
ซูอันจับมือนางแล้วพูดว่า “เสี่ยวซี ไม่ว่าหินพลังชี่นี้จะสำคัญแค่ไหน มันก็ไม่สำคัญไปกว่าเจ้าอีกแล้ว”
จี้เสี่ยวซีพบว่าหัวใจของนางเต้นแรงขณะที่นางสงสัย…เขากำลังสารภาพกับข้าเหรอ?
“เจ้าคอยช่วยเหลือข้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงตายไปหลายรอบแล้ว” ซูอันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ในสายตาเจ้า ชีวิตของข้าไม่ได้มีความหมายมากเท่ากับหินพลังชี่ก้อนนี้เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่…” จี้เสี่ยวซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่านางกำลังคิดมาก ในเวลาเดียวกัน นางรู้สึกถึงอารมณ์ที่ลึกซึ้งที่นางไม่อยากจะค้นหาในหัวใจตัวเอง
“เช่นนี้แล้ว เจ้าควรยอมรับมันไว้ วันหลังข้าอาจขอความช่วยเหลือจากเจ้าอีก และข้าจะไม่จ่ายค่าธรรมเนียมการปรึกษาอีกเลย ตกลงไหม?” ซูอันกล่าว
“ถ้าอย่างนั้น… ข้าจะรับมันไว้” เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ร้อนผ่าวจากมือของซูอัน จี้เสี่ยวซีก็พบว่าตัวเองกำลังสับสนว่านางควรจะดึงมือของนางกลับหรือไม่ “ที่จริงแล้ว ต่อให้ท่านจะไม่ให้มันกับข้า ท่านก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการปรึกษาแต่อย่างใด… แม้ว่าพ่อของข้าจะไม่ได้พูดแบบเดียวกันก็ตาม”
เมื่อนึกถึงจี้เติ้งถูที่ทั้งโลภทั้งลามก ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตอบ “จริงด้วย ฮ่า ๆ!”
ทั้งสองยังคงคุยกันต่อไปชั่วขณะหนึ่งขณะที่พวกเขาแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาพบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ในไม่ช้าจี้เสี่ยวซีก็ทรุดตัวลงด้วยความอ่อนล้าและซบไหล่เขาหลับไป
ขนตาของนางสั่นไหวเล็กน้อยตามสายลม แสงแดดส่องผ่านรอยแยกของใบไม้ที่อยู่เหนือพวกเขา ทำให้แสงอ่อน ๆ ทาบทาลงบนผิวที่ขาวของนาง
ซูอันรู้สึกประทับใจเล็กน้อย สองสามวันที่ผ่านมานางคงแทบไม่ได้หลับนอนเลยเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้า ตอนนี้นางรู้ว่าข้าปลอดภัยแล้ว ร่างกายของนางจึงยอมจำนนต่อความอ่อนล้าในที่สุด
“แค่ก ๆ!”
ซูอันหันไปมองเฉียวเสวี่ยอิงที่กำลังไอ นางยังคงหันหลังให้เขา ร่างกายที่เพรียวบางของนางมีความโค้งเว้าเย้ายวนตั้งแต่เอวที่คอดกิ่วไปจนถึงสะโพกผายและต้นขาของนาง
“ผู้หญิงคนนี้เวลาอยู่นิ่ง ๆ ก็ดูสวยดี” ซูอันพึมพำ
เมื่อเห็นว่านางไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย ซูอันจึงคิดว่านางแค่ละเมอออกมา ดังนั้นเขาจึงหันกลับมาสนใจจี้เสี่ยวซี และเสยผมที่พลิ้วกระจายบนใบหน้าของนางไปทางด้านหลังใบหู
“แค่ก ๆ!”
เสียงไอครั้งนี้ฟังดูไม่พอใจเล็กน้อย
ซูอันหัวเราะเบา ๆ “ทำไมไม่บอกข้าถ้าเจ้าตื่นแล้ว? เจ้าไม่จำเป็นต้องไอค่อกแค่กเพื่อดึงดูดความสนใจจากข้าหรอก”
“ข้าแค่อยากจะดูว่าเจ้าจะทำอะไรที่น่ารังเกียจเหมือนสัตว์เดรัจฉานกับสาวน้อยที่ใสซื่อราวกับคนโง่ข้าง ๆ เจ้าหรือเปล่าก็แค่นั้น!” ในที่สุด เฉียวเสวี่ยอิงก็หันร่างกลับมาแล้วกลอกตาใส่เขา นางสืบเชื้อสายมาจากสายเลือดของเอลฟ์พฤกษา ดังนั้นพลังชีวิตของนางจึงมีมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป หลังจากได้รับยาฟื้นฟูจากจี้เสี่ยวซี นางก็อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก
“ถ้างั้นเจ้าก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าข้าเป็นสุภาพบุรุษ?” ซูอันถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ มันแสดงให้เห็นว่าเจ้าเป็นคนเหลี่ยมจัด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเจ้าดีกว่าสัตว์นิดหน่อย!” เฉียวเสวี่ยอิงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“…” ซูอัน
เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้รับการประเมินเช่นนี้
เฉียวเสวี่ยอิงยื่นมือออกไปแล้วถามว่า “แล้วของ ๆ ข้าอยู่ที่ไหนล่ะ?”
ซูอันรู้สึกสับสน “เจ้าหมายถึงอะไร?”
เฉียวเสวี่ยอิง มองเขาด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า “ข้าเสี่ยงตายร่วมกับเจ้าในสุสานใต้ดินนั่น ข้าทำถึงกระทั่งใช้ทักษะลับสายสัมพันธ์ครึ่งชีวิตที่มีค่าที่สุดในชีวิตข้ากับเจ้า แต่ข้าไม่เห็นว่าเจ้าจะให้ของขวัญอะไรตอบแทนข้าบ้างเลย แต่กับนางที่ไม่เห็นจะทำอะไรให้เจ้ามากมายเจ้ากลับใจกว้างกับนางมากกว่าข้างั้นเหรอ หืม?”
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 256!
—
ใบหน้าของซูอันร้อนขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะลำเอียงอยู่เล็กน้อยจริง ๆ ดังนั้นจึงรีบหยิบหินพลังชี่อีกก้อนที่ฝังอยู่บนเสื้อคลุมของหมี่ลี่ออกมาแล้วมอบให้นาง
โดยไม่คาดคิด เฉียวเสวี่ยอิงโยนมันกลับมาที่เขาและเยาะเย้ย “เจ้าให้นางก้อนใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม แต่ให้ข้าก้อนเท่าเมล็ดถั่ว? ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก!”
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 512!
—
ซูอันรีบมอบหินพลังชี่ที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้กับนางและกล่าวว่า “นี่คือทั้งหมดที่ข้าเหลือ เจ้าเอาไปให้หมดเลยก็แล้วกัน ดูสิรวมกันแล้วมันใหญ่กว่าที่นางได้ซะอีก!”
“ไม่ต้อง!” เฉียวเสวี่ยอิงไม่ประนีประนอม “ข้าต้องการก้อนที่สมบูรณ์ซึ่งไม่เล็กไปกว่านาง!”
ซูอันรู้สึกจนใจในทันที หินพลังชี่ก้อนเดียวที่ใหญ่กว่าของจี้เสี่ยวซีคือหินพลังชี่ที่ฝังอยู่บนยอดมงกุฎของหมี่ลี่ ข้าควรจะให้มันกับนางดีไหม?
แต่เมื่อพิจารณาว่าเฉียวเสวี่ยอิงช่วยชีวิตเขาไว้และมอบอายุขัยของนางครึ่งหนึ่งให้แก่เขา ชายหนุ่มรู้สึกว่าการกระทำของเขาไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กำลังจะหยิบหินพลังชี่ระดับสวรรค์ก้อนที่ใหญ่ที่สุดออกมา จู่ ๆ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“เจ้าใช้ของของข้าไปจีบผู้หญิงคนอื่นงั้นเหรอ?”
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—