ตอนที่ 371 ไปเดินซื้อของที่ห้างด้วยกัน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 371 ไปเดินซื้อของที่ห้างด้วยกัน

หลินม่ายถือโอกาสนี้ไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดสดที่มีข้าวของมากมาย จากนั้นจึงรีบไปที่บ้านของป้าติงเพื่อรับโต้วโต้วและกลับบ้านด้วยกัน

โต้วโต้วนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ส่วนเธอทำอาหารกลางวันด้วยความรวดเร็วอยู่ในครัว ในที่สุดก็ทำอาหารกลางวันเสร็จก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะมาถึง

ฟางจั๋วหรานพาโต้วโต้วไปล้างมือ เดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหาร มองสามอาหารหนึ่งแกงบนโต๊ะ ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารบรรเทาร้อนและล้างพิษ

ฟางจั๋วหรานเลื่อนแกงกระดูกหมูใส่สาหร่ายทะเลไว้ด้านหน้าของเธอ “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณยังทำอาหารบรรเทาร้อนล้างพิษพวกนี้อีกเหรอ”

หลินม่ายชอบกินเผ็ด

ให้เธอกินอาหารจืดๆ แบบนี้ เขาก็กลัวว่าเธอจะเบื่ออาหาร

หลินม่ายตอบ “ถึงคุณจะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ฉันกลัวว่าความร้อนในตัว*จะขึ้นมาอีก”

ฟางจั๋วหรานมองเธอแล้วลังเลที่จะพูด เขาเพียงแค่เลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็วเลยเลือดกำเดาไหล ไม่ใช่ร้อนในตัวแต่อย่างใด

แต่ประโยคนี้มันน่าอายเกินกว่าจะพูดกับหญิงสาว…

กินไปได้ถึงครึ่ง หลินม่ายก็ยกเรื่องการจัดงานฉลองเข้าเรียน*ขึ้นมา

ถามฟางจั๋วหรานว่าจะจัดตอนไหนดี

ฟางจั๋วหรานตอบ “อยากให้คุณจัดนานแล้ว คุณปู่เองก็โทรมาถามสองครั้งแล้ว ผมเห็นว่าช่วงนี้คุณค่อนข้างยุ่งก็เลยไม่ได้พูดขึ้นมา กะว่าจะรอให้คุณว่างก่อนแล้วค่อยจัดงานฉลอง แต่ถ้าคุณอยากจะจัดงานก็รีบจัดเถอะ คุณปู่คุณย่าจะได้ไม่ต้องรอ

หลินม่ายตำหนิตัวเองเล็กน้อย “ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง กินข้าวเสร็จฉันก็พาโต้วโต้วนั่งรถบัสทางไกลกลับเมืองซื่อเหม่ยแล้ว ไปรับคุณปู่คุณย่ามาเถอะค่ะ อีกสองวันจะจัดงานฉลองเข้าเรียน”

มื้อกลางวันหนึ่งมื้อจบลงอย่างรวดเร็ว

ฟางจั๋วหรานรับผิดชอบการล้างจาน ให้แม่ลูกเข้าบ้านไปเปลี่ยนชุด เดินทางไปพบคุณปู่คุณย่าได้โดยสวัสดิภาพ

หลินม่ายทำตามคำแนะนำที่ดี หยิบโลชั่นทำความสะอาดผิวฝูเหม่ยหลิง*ขึ้นมาล้างหน้า ทำให้ผิวสดชื่นขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ใช้เครื่องประทินผิวอย่างอื่นแล้ว

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวช่วงนี้ทำจากน้ำมันเปลือกหอยตลับ ไป่เชวี่ยหลิง* มีครีมเกล็ดหิมะ*เพิ่มขึ้นมา มีเจ็ดแปดชนิด ซึ่งหากทาในฤดูร้อนหน้าจะมันจนไม่สบายผิว ดังนั้นเธอจึงไม่ใช้ครีมบำรุงผิวอะไรในหน้าร้อน

ก่อนจะหวีเกล้ามวยผม ผูกด้วยโบดอกไม้ เปลี่ยนไปสวมชุดเดรสแนวโมริ* ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นจึงแต่งองค์ทรงเครื่องให้โต้วโต้ว

หล่อนสวมชุดกระโปรงเจ้าหญิงผ้าสีชมพูที่เถาจืออวิ๋นทำให้ มัดผมจุก บนจุกผมผูกด้วยโดนัทมัดผม*ลายดอกไม้

ใช้เวลาราวๆ ครึ่งชั่วโมง สองแม่ลูกก็ออกมาจากห้อง งดงามทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ดูแล้วสบายตา

หลินม่ายเห็นว่าฟางจั๋วหรานยังไม่ไป นั่งอยู่บนโซฟา จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมคุณยังอยู่อีกล่ะคะ?”

“ไม่ใช่ว่าตอนกินข้าวคุณบอกว่าจะไปซื้อของขวัญให้คุณปู่คุณย่าเหรอ ผมต้องไปซื้อให้ของขวัญพวกท่านกับคุณสิ” ฟางจั๋วหรานตอบด้วยท่าทางสบายๆ

ดังนั้นทั้งสามคนจึงออกไปซื้อของที่ห้างเจียงเฉิงด้วยกัน

ระหว่างเดินทาง​ หลินม่ายก็พูดว่าการไปรับคุณปู่คุณย่าฟางมาครั้งนี้จะให้อยู่ที่บ้านของเธอ ไม่ต้องไปไหนแล้ว

หากปล่อยคนชราสองคนอยู่กันเองในชนบท เวลาปวดหัวตัวร้อนขึ้นมาก็ไม่มีเด็กๆ คอยดูแล

เมื่อก่อนตอนที่คุณปู่คุณย่าเพิ่งเกษียณ ฟางจั๋วหรานก็อยากไปรับพวกท่านมาคอยดูแลจนแก่เฒ่า

แต่ตอนนั้นคุณปู่คุณย่าอยากจะอยู่ที่ชนบทสักสองสามปี​ จึงไม่ได้ตอบรับ

นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่แน่ว่าคุณปู่คุณย่าอาจจะเปลี่ยนความคิดแล้ว

ฟางจั๋วหรานตอบ “ถ้าพวกท่านตกลงมาอยู่ด้วยก็ให้อยู่ที่วิลล่าของผมก็ได้ ยังมีห้องว่างอยู่”

ดวงตากลมโตใสแจ๋วของหลินม่ายกะพริบปริบๆ “ให้คุณปู่คุณย่าอยู่ที่วิลล่าของคุณเหรอ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่กันเองเหรอคะ?​ ฉันจะไปรับทั้งสองท่านมาก็เพื่อดูแล ถ้าปล่อยให้ท่านอยู่กันเอง ฉันก็ไม่สามารถดูแลพวกท่านได้สิ”

“ถ้าคุณปู่คุณย่าเต็มใจที่อยู่ที่วิลล่า ผมเองก็จะไปอยู่ด้วย แล้วค่อยจ้างแม่บ้านก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ​ วันหยุดคุณก็แค่พาโต้วโต้วไปกินข้าวด้วยกันก็พอ นี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุดแล้ว”

หลินม่ายถามด้วยความไม่มั่นใจนัก “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ”

ฟางจั๋วหรานอธิบายให้เธอฟัง “คุณลองคิดดูนะ วันธรรมดามีผมที่เป็นหลานชายคนโตอยู่กับคุณปู่คุณย่า พวกท่านก็จะรู้สึกว่ามันคือความสุขและการพึ่งพาอาศัยกันแบบหนึ่ง วันหยุดคุณพาโต้วโต้วมาเยี่ยมพวกท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี​ คุณปู่คุณย่ามีสิ่งที่รอคอยทุกสัปดาห์ ชีวิตก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข ทั้งอายุยืน ทั้งอ่อนเยาว์ลงใช่ไหมล่ะ”

หลินม่ายพยักหน้า “ที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล งั้นเอาตามที่คุณว่าเถอะ”

ทั้งสองคนพาโต้วโต้วไปที่ห้างเจียงเฉิง

ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะไปรับคุณปู่ฟางและภรรยาเข้ามาอยู่ในเมืองเพื่อดูแลยามแก่เฒ่า หลินม่ายจึงไม่ได้คิดว่าจะซื้อของขวัญให้พวกท่านมากมายนัก

ซื้อไปมากมายแล้วต้องถือกลับมา เปลืองแรงเปล่าๆ

ดังนั้นจึงซื้อแค่เหล้าอู่เหลียงเย่* สองขวด พุทราแดงห้าร้อยกรัม และเสื้อผ้าตามฤดูกาลสำหรับผู้อาวุโสสองท่าน

เสื้อผ้าพวกนี้เอาไว้ให้พวกท่านใส่ตอนอยู่ในเมือง

ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายต้องการให้การไปรับพวกท่านมาอยู่ด้วยกันนั้นน่าประทับใจ

เมื่อมาถึงจุดขายเสื้อผ้าที่ชั้นสอง หลินม่ายอยากไปดูว่าการค้าขายของร้านเสื้อผ้ายูนีคของตนเป็นยังไง

เธอไม่ได้ไปตรวจดูสถานการณ์ที่ร้านเสื้อผ้ามาพักหนึ่งแล้ว

ก่อนที่ทั้งสามคนจะไปถึงร้านยูนีค หลินม่ายก็เห็นหวังหรงเดินควงคนผู้หนึ่งอย่างใกล้ชิดและอารมณ์ดี เสื้อผ้าไม่ธรรมดา ดูจากการแต่งกายแล้วผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนในประเทศ

เธออุทานด้วยความตกใจแล้วพูดว่า “หวังหรงมีแฟนแล้วเหรอ ดูเหมือนจะดีเลยนะนั่น​ ฉันจะไปฟังว่าหล่อนพูดกับแฟนว่ายังไง บางทีหล่อนอาจจะวางแผนต่อต้านอะไรฉันอีก”

อย่าแปลกใจที่เธอเห็นหวังหรงแล้วจะคาดเดาไปทางที่ไม่ดีแบบนี้ หวังหรงวางแผนร้ายกับเธอหลายครั้งเกินไปแล้ว

ไม่ทันที่เธอจะได้เดินเข้าไป หวังหรงและแฟนหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป

หลินม่ายได้แต่ยอมแพ้

ถ้าจับไม่ได้ เธอก็ไม่สามารถทำอะไรหวังหรงได้

เมื่อมาถึงหน้าร้านของตัวเอง หลินม่ายดูแบบเสื้อผ้าของที่ร้าน

ทุกตัวเป็นแบบที่นิยมในฮ่องกงและไต้หวัน มีลูกค้ามาเลือกซื้อไม่น้อยเลย

แม้ว่าพนักงานจะไม่ยุ่งมากจนกลายเป็นปลาหมึก แต่ก็ได้รับลูกค้าอยู่เสมอ นี่ถือว่าค่อนข้างดี

เมื่อเทียบเสื้อผ้าของแบรนด์อื่นกับร้านยูนีคแล้ว สามารถพูดได้เพียงแค่ว่าเงียบเหงาเท่านั้น

หลินม่ายใช้เวลาพูดคุยกับพนักงานขายเพียงสองประโยค

พนักงานขายหลายคนล้วนมีท่าทางสดใส บอกว่าธุรกิจนี้ไม่เลวเลย

แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมเท่าตอนที่เปิดตัว แต่ยอดขายในทุกวันก็ยังถึงร้อยละหกสิบ ในวันหยุดสุดสัปดาห์อาจจะสูงถึงร้อยละเจ็ดสิบ

หลินม่ายยิ้มและพูดว่า “วันชาติและวันไหว้พระจันทร์ ฉันจะมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นการกระตุ้นยอด ถึงตอนนั้นก็ลำบากพวกคุณแล้ว

พนักงานขายหลายคนยิ้มรับและตอบว่า “ไม่ลำบากเลย!”

ไม่ใช่ไม่ลำบาก แต่ไม่กลัวลำบากต่างหาก!

ออกมาทำงาน ใครจะไม่อยากได้เงินเพิ่ม งานหนักก็มาสิ!

หลินม่ายมองดูใบหน้าของพวกเขาที่มีทั้งความอ่อนเยาว์และความขยันปรากฏอยู่ เสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้เอาเครื่องดื่มเย็นๆ มาให้พวกเขาด้วย

ในยุคสมัยนี้ห้างไม่มีแอร์​ อากาศเลยร้อนมาก

ในตอนนั้นเอง มือบางที่มองเห็นข้อต่อได้ชัดยื่นน้ำอัดลมมาให้สองสามขวด

หลินม่ายหันไปมอง เป็นฟางจั๋วหรานนั่นเอง

เธอไม่คิดว่าฟางจั๋วหรานจะมีน้ำใจขนาดนี้ ในขณะที่เธอกำลังพูดคุยกับพนักงานขาย ไม่คิดเลยว่าเขาจะไปซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ มาสามขวด

เธอเอาน้ำอัดลมสามขวดนั้นให้กับพนักงานขายสามคน ให้พวกเขาใช้เวลาดื่มอย่างเต็มที่ ส่วนเธอก็ออกมาต้อนรับลูกค้า

พนักงานขายทั้งสามคนที่ดื่มน้ำอัดลมจนหมดส่งขวดน้ำให้หลินม่าย จากนั้นหลินม่าย ฟางจั๋วหราน และโต้วโต้วก็ออกมาพร้อมกัน ตั้งใจจะไปซื้อกระเป๋าเดินทางที่ชั้นสาม

หลังจากฤดูร้อนคือฤดูใบไม้ร่วง​

หากจะไปกวางโจวอีกก็คงสะพายกระเป๋าไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนซักเข้าไปสองชุดก็พอ

อย่างไรก็ต้องมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้า

ไม่ว่าฤดูหนาวของกว่างโจวจะร้อนแค่ไหนก็ยังต้องใส่เสื้อขนสัตว์บางๆ หากมีไต้ฝุ่น อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วก็ต้องสวมเสื้อกันหนาวบุฝ้าย

หน้าหนาวของกว่างโจว ในหนึ่งวันอาจจะเปลี่ยนหลายฤดู

หลังจากมาถึงจุดขายกระเป๋าและเดินวนดูหลายรอบ นอกจากหลินม่ายจะชอบกระเป๋าทรงกล่องแล้วยังชอบกระเป๋าหนังวัวใบใหญ่ด้วย

กระเป๋าหนังแท้ใบนั้นสามารถใส่ได้หลายอย่าง หลินม่ายชอบจุดนี้ของมัน ไม่ใช่เพียงแค่หน้าตาเท่านั้น

หลินม่ายรับหน้าที่ซื้อ ฟางจั๋วหรานรับหน้าที่จ่ายเงิน

ตอนที่เขากำลังหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาเตรียมจ่ายเงินก็ได้ยินเสียงผู้หญิงด้านข้างพูดกับแฟนของหล่อนว่า “จ่ายเงินเถอะ”

เสียงของผู้หญิงคนนั้นไพเราะและหวานหู อีกทั้งยังอ่อนโยนเล็กน้อย

………………………………………………

สารจาก​ผู้แปล​

ยัยหรงมาทำอะไรนะ​ โลกกลมจริงๆ

ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแฟนเก่าของพี่หมอหรือเปล่า?

ไหหม่า(海馬)