บทที่ 211 เจ้าจัดการเองเถอะ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

“แม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น พี่ชายชําระบัญชีอย่างชัดเจน ข้าเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วจะให้ข้าเอาเงินให้พี่น้องของฝั่งแม่ได้ยังไง?” ว่าก็ว่าเถอะ เพราะว่าข้าสร้างบ้านใหม่ เลยไม่มีเงินติดตัวเลย อีกสองวันก็จะปีใหม่แล้ว ข้าไม่เตรียมของปีใหม่ได้ไหม?

โจวกุ้ยหลานด่าบลาบลาบลาเป็นชุด และพูดย้อนกลับหาเหล่าไท่ไท่ไป

อารมณ์ก็ส่วนอารมณ์ เงินก็ส่วนเงิน ความผิดใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ คนอื่นช่วยเหลือ นั้นก็ต้องตอบแทน ไม่งั้นนางจะพาครอบครัวของลุงใหญ่ไปเผาถ่านทำไมกัน? นั้นไม่ใช่เพราะความกตัญญูหรอกหรือ?

เรื่องนี้เหล่าไท่ไท่ไม่เคยเถียงชนะโจวกุ้ยหลานมาก่อนเลย

เงินเพียงสองตำลึง มัวแต่โยนกันไปก็โยนกันมา จนสวีฉางหลินกับโจวต้าซานกลับมาแล้ว หล่อนสองคนนี้ยังโยนกันไม่เสร็จ

ไม่ว่าจะพูดยังไง เหล่าไท่ไท่ยืนกรานว่าจะไม่ให้ โจวกุ้ยหลานก็ยังต้องการให้จ่าย

“แม่ แม่เอาเงินให้กุ้ยหลานไปเถอะ ที่นางพูดถูก ข้าเป็นคนผิดเอง” โจวต้าไห่ออกมาช่วยไกล่เกลี่ย

นี้มันก็เที่ยงแล้ว พวกเขาทำงานมาครึ่งวัน หิวตั้งนานแล้ว ช่วงบ่ายก็ต้องไปช่วยย้ายบ้านอีก

เหล่าไท่ไท่จ้องมองโจวต้าไห่ “เจ้าหาเงินมาง่ายหรือไง? เงินหนึ่งตำลึง บอกให้จ่ายก็ต้องจ่ายหรือไง? ไปให้พ้นเลยนะ อย่ามาอยู่ให้รกสายตาข้า!”

สุดท้ายเรื่องของหลิวเซียงก็เป็นเรื่องไม่มีเหตุผล โจวต้าไห่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้เพียงไปยืนข้างๆ เท่านั้น

แค่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอหลิวเซียงแค่นั้น เกรงว่าจะโดนขายไปแล้วซะอีก

เมื่อคิดถึงตอนนี้ ในใจของโจวต้าไห่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปบ้าง…

“แม่ แม่ปกป้องบุตรชายของแม่ก็ไม่ว่าแล้วนะ แต่แม่ไม่ควรปกป้องขนาดนี้ ข้าไม่สนหรอก ยังไงข้าก็ต้องเอาเงินหนึ่งตำลึงนี้กลับไปให้ได้ ไม่งั้น ข้าจะเอาของในบ้านกลับไปให้หมด จะได้หักลบกลบหนี้กันไป!”

โจวกุ้ยหลานพูดด้วยเหตุผล ยังไงก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้

“ไอหยา ไอ้เด็กคนนี้ ชาติที่แล้วข้าไปติดหนี้อะไรเจ้าไว้นะ ทำไมต้องมาหยาบคายกันแบบนี้? ห่ะ? เจ้าจะยั่วโมโหข้าให้ตายเลยหรือไง?” เหล่าไท่ไท่ตะโกนออกไป

รอบนี้โจวกุ้ยหลานไม่สนใจเหล่าไท่ไท่เลย ครั้งก่อนหน้านี้ที่เจ้าล้งป่วย โจวกุ้ยหลานแค่มองก็ดูออกแล้ว

“ข้าอยู่ข้างนอกก็หยาบคายแบบนี้แหละ แม่ไม่ใช่ว่าไม่ได้เห็นมาก่อน ย้ายของที่นี่ก็ดูจะลำบากเกินไป เอางี้แล้วกัน เงินหนึ่งตำลึงนี้คิดซะว่าเป็นเงินส่วนแบ่งที่ข้าให้พี่ชายข้าก็แล้วกัน รอวันที่พี่ชายข้าแต่งงาน ข้าก็จะไม่ซื้อของขวัญให้แล้วนะ” โจวกุ้ยหลานตอบอีกครั้ง

เหล่าไท่ไท่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ควรเป็นแบบนี้ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอะไรที่ผิด ทำได้แค่เพียงทำตามที่โจวกุ้ยหลานตัดสินใจเอาไว้

เรื่องนี้ก็คลี่คลายไปแล้ว โจวกุ้ยหลานกับเหล่าไท่ไท่ก็ไปทำกับข้าวต่อ สวีฉางหลินกับโจวต้าไห่อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เลยหยิบเอาเสื้อผ้าที่มัดด้วยที่นอนเดินขึ้นเขาไป ทั้งสองย้ายแค่รอบเดียวก็เสร็จแล้ว

กว่าคนทั้งสองจะกลับมา ก็ถึงเวลาอาหารพอดี

รอตอนที่ซานเฉียงมาช่วยย้ายบ้าน แล้วค่อยบอกว่าย้ายเสร็จแล้วละกัน

“ทำไมพวกเจ้าไม่รอข้า?” ซานเฉียงพูดพลางก็หย่อนตูดนั่งลงที่เก้าอี้

“แค่ผ้าห่มกับเสื้อผ้าอีกนิดหน่อย เจ้ามาทำอะไรกันแน่นะ?” โจวกุ้ยหลานพูดพลางรินน้ำชาให้ซานเฉียงไปพลาง

ซานเฉียงดื่มไปอึกหนึ่ง ก็อุ่นขึ้นไม่น้อยและตอบไปว่า “เดิมทีข้ากับพี่รองอยากจะมาช่วยพวกเจ้า ใครจะไปคิดว่าลูกทั้งสามคนของครอบครัวเขาท้องเสียกันหมด ปวดท้องจนนอนบิดอยู่บนเตียง เขาเลยอยู่บ้านดูแลลูก”

“ทำไมถึงได้ท้องเสียกันหล่ะ? หรือว่ากินอะไรไม่ดีเข้าไป?” เหล่าไท่ไท่นั่งลงและถามเขา

ซานเฉียงส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นแค่หน้าของลูกลูกซีดขาวกันหมดแล้ว”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่มาหาของกินที่บ้านข้า แล้วมันเผ็ดไปหน่อย พอพวกเขากินแล้วก็ทนไม่ไหวเลยไปกินน้ำเย็นต่อ ข้าบอกพี่สะใภ้หยู่ชุนแล้ว พี่สะใภ้หวังหยู่ชุนบอกว่าไม่เป็นไร ข้าเลยไม่ได้สนใจอะไรต่อ ครั้งนี้ต้องให้หมอมาดูอาการดีดี จะได้ไม่ทรุดลงไปกว่านี้” โจวกุ้ยหลานพูดพลางและนั่งลงผิงเตาไปพลาง

เด็กพวกนั้นไม่เคยกินเผ็ดมาก่อน ก็เลยทนไม่ไหว พริกนั้นถ้ากินมากไปมันก็จะทำให้ท้องเสียได้ง่าย แถมพวกเขายังดื่มน้ำเย็นในวันอากาศเย็นๆ แบบนี้อีก ไม่ท้องเสียสิถึงจะแปลก

“อะไรนะ? พวกเขามานี้เพื่อจะมาหาของกินงั้นหรือ? พี่สะใภ้ก็เกินไป ไม่ดูเด็กๆ ให้ดี โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีก จะไปขึ้นช้างลงม้าที่ไหนก็ให้นางไปเถอะ ท้องเสียก็ดี พวกเขาจะได้รับบทเรียนเพิ่มขึ้นซะบ้าง!”

ซานเฉียงพูดอย่างโหดร้ายและก็ดื่มน้ำอีกหนึ่งคำ

สองสามคนนั้นนั่งอยู่อีกครู่หนึ่ง ตอนที่ชายทั้งสามจะออกมานั้น ด้านนอกหิมะก็เริ่มตกแล้ว สุดท้ายเขาทั้งหมดก็อดออกไปเผาถ่าน

นั่งอยู่ในบ้านต่ออีกพัก พวกเขาก็ขึ้นเขาไป

หลังจากที่สร้างบ้านขึ้นมาใหม่ บ้านก็ไม่เคยเป็นระเบียบ พื้นก็ยังสกปรก พวกเขาช่วยกันทั้งข้างนอกข้างใน เจ้าก้อนน้อยมัวแต่วิ่งเข้าวิ่งออกเพื่อช่วยบิดผ้า

เขาเหล่านั้นใช้เวลาครึ่งบ่ายในการทำความสะอาดทั้งด้านในด้านนอกจนบ้านสะอาดเอี่ยมอ่อง

พอพวกเขาทำเสร็จ ท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว

โจวกุ้ยหลานนำเอาวัตถุที่เหล่าไท่ไท่ให้เอามาทำอาหารมื้อนั้น ทุกคนต่างกินกันอย่างเอร็ดอร่อย โจวต้าไห่และซานเฉียงเดินกลับลงเขาไปพร้อมกับเหล่าไท่ไท่

เย็นวันนั้นพอสวีฉางหลินเผาเตียงเตาสองเตียงให้อุ่นเสร็จแล้ว ก็พาเจ้าก้อนน้อยไปเข้านอนที่ห้องทิศตะวันออก โจวกุ้ยหลานเล่าเรื่องไซอิ๋วให้เจ้าก้อนน้อยฟัง รอจนกว่าเขาจะหลับ สวีฉางหลินและโจวกุ้ยหลานก็กลับเข้าบ้านทิศใต้ของเขาไปพร้อมกัน

สวีฉางหลินถอดเสื้อและนอนโอบโจวกุ้ยหลานจนหลับไป

แม้จะยังทำอะไรไม่ได้ แต่ในเวลานี้ภรรยาก็เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ได้กอดก็ดีแล้ว รอร่างกายของภรรยาเขาสะอาดก่อน เขาถึงจะทำในสิ่งที่เขาอยากทำได้

เมื้อคิดเลยว่าในใจเขายิ่งมีความสุขมากขึ้น เมื่อเอามือของภรรยามาจุ๊บหนึ่งที แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว

โจวกุ้ยหลานทำงานมาตลอดครึ่งบ่าย ร่างกายก็เหนื่อยมากแล้ว จนไม่ได้สนใจอะไรเขา นางหลับตาลง และค่อยๆ ผล็อยหลับไป ไม่นาน ก็รู้สึกว่ามีมือล้วงเข้ามาในเสื้อของนาง

แบบนี้ไม่ได้นะแบบนี้ไม่ได้นะ

นางจับมือข้างนั้น ลืมตาขึ้นมองสวีฉางหลินและพูดว่า “เมื่อคืนนี้เจ้ายังไม่พออีกหรือ? จะจุดไฟอีกรอบหรือไง”

ตอนนี้นางอยู่ในช่วงประจำเดือน จะช่วยชายผู้นี้จัดการได้ยังไง?

มือของสวีฉางหลินหยุด เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้ว ร่างกายก็เริ่มรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมาทันที

“ภรรยา ที่นี่คือบ้านใหม่ของพวกเรา…”

บ้านใหม่ ก็ควรต้องมีอะไรใหม่ๆ เมื่อก่อนเขาไม่เคยได้แตะต้องอะไรภรรยาเขาเลย ตอนนี้มีแค่พวกเขาสองต่อสองแล้ว ใจเลยเตลิดเปิดเปิงไปเองโดยอัตโนมัติ

โจวกุ้ยหลานหาวไปหนึ่งรอบ หลับตาทั้งสองข้างลงอีกครั้ง “ตัวข้าไม่สะอาด ถ้าเจ้ามีวิธีก็จัดการเอาเองแล้วกัน ข้าง่วงจนไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อนนะ”

เมื่อเห็นว่าภรรยาคงจะเหนื่อยมากจริงๆ สวีฉางหลินเลยทำได้แค่อดทนอดกลั้นเอาไว้เท่านั้นเอง

วันนี้ยังอีกยาวไกลนัก…

พริบตาเดียวก็ถึงวันที่ยี่สิบแปดเดือนปฎิทินจันทรคติแล้ว หิมะก็ยังตกไม่หยุด บนเขามีกองหิมะอยู่เต็มไปหมด ธารน้ำที่อยู่ด้านนอกก็กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว ทุกครั้งที่โจวกุ้ยหลานจะทำกับข้าวก็ต้องเอาหิมะนั้นมาต้มให้ละลาย

วันที่หิมะตกเช่นนี้ สวีฉางหลินเองก็ออกไปเผาถ่านไม่ได้ ทั้งสามคนเลยต้องผิงไฟซุกตัวอยู่ในบ้าน สวีฉางหลินไม่อยากอยู่ว่างๆ จึงสอนหนังสือให้กับเจ้าก้อนน้อยและโจวกุ้ยหลานไปพลางๆ