ตอนที่ 400 คุณก็เป็นโฮสต์ที่ถูกระบบเลือกใช่ไหม?

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 400 คุณก็เป็นโฮสต์ที่ถูกระบบเลือกใช่ไหม?

แต่ในความเป็นจริง ซูเถามีกำหนดเส้นตายอยู่ในใจแล้ว หากมีข่าวซอมบี้กลายพันธุ์ฆ่ามนุษย์เกิดขึ้นภายในสามวันนี้ เธอจะส่งเจียงถงไปที่ห้องทดลองด้วยตัวเอง

สามวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสสำหรับเจียงถงเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับซอมบี้กลายพันธุ์ทั้งหมดด้วย

“ถ้าคุณคิดไว้อย่างดีแล้วก็โอเค ถ้างั้นก็รออีกสามวันแล้วกัน” สือจื่อจิ้นพยักหน้า

เมื่อพูดจบเขาก็เห็นใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ จึงขมวดคิ้วและถามว่า “ไข้ของคุณยังไม่ลดลงใช่ไหม วันนี้คุณน่าจะยังมีอาการข้างเคียงของการปลุกพลังอยู่ หยุดงานสักวันและพักผ่อนให้เพียงพอเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกว่าหลังจากที่คุณปลุกพลังได้ ร่างกายจะรับไม่ไหว”

เมื่อซูเถาได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ตัดสินใจทันทีว่าจะลาสักหนึ่งวันเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อน แต่แม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียง ก็ไม่อาจปล่อยวางจิตใจได้ เธอทำการโทรติดต่อสื่อสารและส่งคนเกือบทั้งหมดที่มีในเถาหยางไปยังฐานโส่วอัน เพื่อค้นหาเบาะแสของฮว่าผี

นอกจากนี้ไม่ว่าหลิงอวี่และเฮยจือหม่าจะหวาดกลัวแค่ไหน พวกมันก็ถูกเธอเกณฑ์ตัวไปเหมือนกัน ทั้งสองต้องทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาฮว่าผี ตราบใดที่ฮว่าผีไม่หายไปจากโลก ความน่าจะเป็นที่จะพบเธอยังคงสูงมาก

พอตอนเที่ยงเฮยจือหม่าก็ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ร่วมกันให้กับเธอ

ซูเถา ‘เห็น’ หยดเลือดแห้งของฮว่าผีที่หยดอยู่ตามทาง ทิศทางมุ่งหน้าสู่ฐานโส่วอัน เมื่อเห็นแบบนี้ ซูเถาก็มีความมั่นใจมากขึ้น

“เอาล่ะเฮยโต้ว หลังจากที่แกกลับมาจากการทำภารกิจ ที่ฉันเคยห้ามเอาไว้ว่าไม่ให้แกเข้าไปในบ้านของล่าเจียวจะถูกยกเลิกทันที ตกลงไหม”

เฮยจือหม่าร้องเหมียว ๆ และพุ่งออกไปราวกับดาบคมถูกชักออกจากฝัก

ทันทีที่การแบ่งปันการมองเห็นจบลงก็มีเสียงเคาะประตูห้อง และเมื่อเปิดประตูก็เห็นเจียงอวี่ที่ขอบตาดำคล้ำยืนอยู่หน้าประตู

ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ปล่อยให้เขาเดินเข้ามาด้านในแล้วเทน้ำร้อนให้เขาหนึ่งแก้ว

เจียงอวี่ถือน้ำร้อนเอาไว้มือ เลิกคิ้วพลางถามว่า

“มีอะไรให้ผมทำไหม”

เขาไม่แน่ใจว่าเจียงถงถูกจับและส่งไปที่ห้องทดลองหรือว่าหนีไปแล้ว เขาบีบแก้วน้ำในมือแน่นแอบมีความคิดที่เห็นแก่ตัว ถ้าเธอหนีไปได้ก็คงดี แต่ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกผิดมาก ราวกับมีมีดคมแห่งความรู้สึกผิดทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ มันทำให้เขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับการตัดสินใจของซูเถา แต่เขาก็รู้ว่าซูเถาจะต้องรับคำวิจารณ์จากคนนับพันอย่างแน่นอน ไม่ว่าเธอจะลงมือทำอะไร มันก็จะมีคนไม่พอใจอยู่เสมอ

เธอคือคนที่ลำบากใจมากที่สุด

ซูเถากลืนคำพูดที่ว่า ‘เจียงถงถูกเธอซ่อนไว้ชั่วคราว’ และพูดว่า “ไม่มีค่ะ เดี๋ยวเรื่องหลังจากนี้ฉันจะเป็นคนจัดการเอง”

บอกไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

หากจับตัวฮว่าผีไม่ได้ ก็คงต้องเป็นเจียงถงที่ถูกจับเข้าห้องทดลอง มันคงจะโหดร้ายมากหากจะบอกเจียงอวี่ตรง ๆ และให้ความหวังเขาในขณะที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

ถ้าจับตัวฮว่าผีได้ แล้วจะทำยังไงกับเจียงถงดี?

ยังไงซะเธอก็เป็นซอมบี้ ซึ่งเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเถาหยางสามารถซ่อนเธอไว้ได้ 3 วัน เป็นไปได้ไหมที่จะสามารถซ่อนเธอไปตลอดชีวิต? และไปฆ่ามนุษย์มาเป็นอาหารให้เธอทุก ๆ สองหรือสามวัน?

หรือปล่อยให้เธอออกไปข้างนอกเพื่อทรมานและฆ่ามนุษย์ด้วยตัวเองเพราะความหิวโหย? ซูเถาไม่รู้จะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี โลกนี้ไม่ได้มีทางที่สวยงามให้เลือกถึงสองทาง

ไว้ค่อย ๆ คิดเรื่องนี้แล้วกัน แต่วิธีเหล่านั้นก็คงดีกว่าปัจจุบันนี้ที่เธอจะต้องถูกหั่นชำแหละร่างกายออกเป็นชิ้น ๆ ถึงอยากตายก็ตายไม่ได้

วิธีการตายแบบนี้เหมาะกับฮว่าผีมากกว่า

เจียงอวี่ดื่มน้ำในอึกเดียว น้ำอุ่น ๆ ไหลลงคอของเขา จากนั้นเขาก็วางถ้วยลงและยืนขึ้นทันทีพร้อมโค้งคำนับให้ซูเถา

“ขอโทษ!”

“คุณกำลังทำอะไร?” ซูเถาตกใจ

เจียงอวี่ตัวแข็งอยู่อย่างนั้น

“ถ้าผมไม่ยืนกรานที่จะตามหาเธอกลับมา เรื่องต่าง ๆ ของวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น และผมก็คงไม่ทำให้เถ้าแก่ต้องมาลำบากใจขนาดนี้ด้วย ผม…”

“ใครจะไปคิดว่ามันจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกัน คุณไม่ผิดหรอกค่ะ” ซูเถาส่ายหัว

ในทางตรงกันข้าม ซูเถารู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่งที่เจียงอวี่ยังยึดมั่นในความรู้สึกอยู่เสมอ ในขณะที่เขาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ไม่เคยละทิ้งการตามหาญาติเพียงคนเดียวของเขา

นี่คือความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างแท้จริง

มีคนที่รักอย่างสุดซึ้ง มีศรัทธา รู้สึกขอบคุณและมีความหวัง พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยความพยายามและความเข้มแข็งท่ามกลางความสิ้นหวังครั้งใหญ่ในวันสิ้นโลกนี้

หลังจากที่เจียงอวี่จากไป ซูเถาก็เริ่มรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอสูงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะของเธอเริ่มรู้สึกวิงเวียนและแขนขาก็เริ่มเจ็บและบวมราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะทำลายผิวหนังของเธอ

หลังจากนอนไปประมาณสองชั่วโมง อาการต่าง ๆ ก็ทุเลาลงเล็กน้อย แต่ก็ยังเวียนหัวอยู่บ้างหลังจากตื่นนอน เธอลุกมาหาอะไรกิน และเตรียมตัวนอนต่อ แต่แล้วเวินม่านและสามีของเธอก็เดินทางมาพบ

เวินม่านเดินทางมาที่นี่เพื่อคุยรายละเอียดของบ้านหลังใหม่กับซูเถาในวันนี้ แต่เมื่อไปที่สำนักงานกลับพบว่าซูเถาป่วยและขอลางาน

เธอจึงลากลั่วเหยียนไปเยี่ยมซูเถาทันที

เมื่อมาถึงก็ไม่ลืมที่จะนำไหมพรมหลากสีสามม้วน และขนมสัตว์เลี้ยงทำเองสำหรับเสียวหั่วเยี่ยนมาด้วย ตอนนี้เสียวหั่วเยี่ยนคุ้นเคยกับเธอมาก เมื่อเห็นเธอมา หางยาวใหญ่ของมันก็ยกขึ้นสูง ใช้อุ้งเท้าเล็ก ๆ ทั้งสองของมันตะกุยกระจกเอาไว้

ล่าเจียวได้ยินการเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังคอนโดแมว เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นว่านั่นเป็นเวินม่านที่กำลังยิ้มเผล่ ทว่ามันก็ทำได้แค่ส่งเสียงขู่ แต่ไม่ได้กระโดดลงไปโจมตี

เวินม่านสัมผัสที่ตัวของหั่วเยี่ยนสองครั้งด้วยความรวดเร็ว และเมื่อล่าเจียวเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปปกป้องลูกของมันอย่างกระวนกระวาย จากนั้นเธอก็ยัดขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงเข้าไปในปากของล่าเจียวอย่างว่องไว

ความเร็วและความแม่นยำของการเคลื่อนไหวทำให้ลั่วเหยียนประหลาดใจ

…เธอดูชำนาญเป็นอย่างมาก

เวินม่านใช้โอกาสนี้สัมผัสหั่วเยี่ยนอีกครั้ง

หั่วเยี่ยนนอนหงายท้องเพื่อให้เธอสัมผัส

หัวใจของเวินม่านจึงอ่อนลงและรู้สึกหลงรักมันยิ่งขึ้น “ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ ยิ่งโตก็ยิ่งดูดีและน่ารักมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย”

เดือนสองเดือนมานี้ หั่วเยี่ยนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ขนของมันเริ่มหนาฟูและสวยงามจนน่าทึ่ง สีขนของหั่วเยี่ยนไล่ระดับอย่างมีชั้นเชิง อีกทั้งขนยังนุ่มและหนาจนใครก็ตามที่เห็นมันก็ต้องหยุดชะงัก

ซูเถาแปะแผ่นเจลลดไข้ให้ตัวเอง จากนั้นก็เดินไปพูดว่า “จริงอยู่ว่ายิ่งนานวันมันยิ่งสวย บุคลิกดี เข้ากับคนได้ง่าย แต่ใครที่อยากมาเล่นกับมันอาจจะต้องผ่านด่านแม่มันไปให้ได้ก่อน”

เมื่อเห็นว่าเธอยังตัวร้อนอยู่ เวินม่านจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “โอ้ คุณรีบกลับไปนอนเถอะ เราแค่มาเยี่ยมคุณเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะทำให้อาการของคุณแย่ลงหรอกนะ”

หลังจากพูดจบก็จูงมือซูเถาเดินไปที่ห้องนอนโดยไม่สนใจหั่วเยี่ยนที่กำลังส่งเสียงอ้อนให้เธอกลับมากอด

ลั่วเหยียนมองไปที่ท่าทางของซูเถา และจมลงอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง

ไข้ขึ้นสูง ปวดเมื่อยทั้งตัว และได้ยินจากจวงหว่านว่าเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว…

ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การมีไข้ธรรมดา ตรงกันข้าม มันเหมือนกับอาการของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในตอนที่ปลุกความสามารถของพวกเขาได้ เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็เดินตามภรรยาไปที่ห้องนอนของซูเถา

เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาด้วย เวินม่านก็ตำหนิด้วยความไม่พอใจ

“คุณเป็นผู้ชายนะเข้ามาทำอะไร ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามาเสียมารยาท”

แต่ลั่วเหยียนต้องการรู้คำตอบจริง ๆ จึงขัดใจภรรยาของเขาพร้อมกับจ้องมองไปที่ซูเถาและพูดอย่างกล้าหาญ

“เถ้าแก่ซู ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณตามลำพัง ได้ไหม? ผมขอเวลาคุณไม่เกินห้านาที”

“เถาจื่อยังป่วยอยู่ มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยวันอื่นไม่ได้เหรอ?” เวินม่านกล่าว

ซูเถามองไปที่ลั่วเหยียน สีหน้าที่จริงจังของเขาดูเหมือนว่าเขาอาจมีบางสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ดังนั้นจึงลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหาค่ะ เชิญที่ห้องทำงานก็ได้ค่ะ”

“คุณมีเรื่องอะไรเร่งด่วนก็รีบพูดออกมา อย่าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ” เวินม่านหยิกเขาอย่างรุนแรง

หลังจากปิดประตูห้องทำงาน และก่อนที่ซูเถาจะได้นั่งลง ลั่วเหยียนก็สูดลมหายใจเข้าและถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา

“คุณก็เป็นโฮสต์ที่ถูกระบบเลือกเหมือนกันใช่ไหม?”