ตอนที่ 402 ติดเชื้อ

แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่หลิงอวี่จะบินกลับมาที่เถาหยางภายในชั่วพริบตา เพราะสถานที่ ๆ มันพบกระเป๋าเป้นั้นอยู่ใกล้กับฐานโส่วอันมาก อย่างเร็วที่สุดหลิงอวี่ก็จะบินมาถึงเถาหยางในตอนเช้ามืด

คืนนี้เธอคงนอนไม่หลับทั้งคืน

โชคดีที่เธอเพิ่งปลุกพลังวิเศษขึ้นมาได้ และสมรรถภาพทางกายของเธอก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ซูเถาที่นอนไม่หลับจึงลุกขึ้นกลางดึกเพื่อทำการก่อสร้าง

เธอลงมือสร้างวิลล่าขนาดเล็กที่สัญญาว่าจะสร้างให้เวินม่านและสามีให้เสร็จภายในคราวเดียว นอกจากนี้เธอยังมอบลานเล็ก ๆ ขนาด 100 ตารางเมตรเพื่อเชื่อมต่อกับที่ดินของเซียวเหวินอวี้เพื่อเป็นสวนหลังบ้านให้ทั้งสองครอบครัวใช้ร่วมกัน

บ้านของเวินม่าน มีสามชั้นเหนือพื้นดินและหนึ่งชั้นใต้พื้นดิน แผนผังทั่วไปคล้ายกับบ้านของเซียวเหวินอวี้ มีข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมีการสร้างห้องกระจกสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มเติมสำหรับลูกแมว และลูกสุนัขในอนาคตของเธอ

หลังจากสือจื่อจิ้นที่ลอยไปมาในอากาศเพื่อดูเธอทำการก่อสร้างอย่างกระฉับกระเฉงสักพัก เขาก็ไปออกไปทำงานกะกลางคืนอีกครั้ง

แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ต้องออกตามหาคนแล้ว แต่ก็ยังต้องแบกรับภาระงานยามราตรี และคอยตรวจสอบความเรียบร้อยในเถาหยางในระยะหนึ่งกิโลเมตร

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมีเวลาว่างซะที เพราะว่ายังมีละครที่เขายังดูไม่จบ

ในตอนเช้าก่อนที่หลิงอวี่จะกลับมา ซูเถาก็ได้ยินข่าวร้ายว่าผิวหนังบนร่างกายของเจียงถงเริ่มเน่าเปื่อยเป็นบริเวณกว้าง

ในตอนเช้าที่จวงหว่านไปหาเจียงถง ทันทีที่เธอเข้าประตูไปก็ได้กลิ่นคาวเลือดฉุนกึก มีคราบเลือดเกรอะกรังทั่วเตียง อีกทั้งยังมีคราบเลือดไหลลงมาถึงโต๊ะข้างเตียง

จวงหว่านจึงรีบวิ่งไปดูเจียงถง แต่เจียงถงก็เอาแต่นอนขมวดคิ้วไม่ได้สติ เธอเลยรีบโทรหาซูเถาทันที

“ทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” จวงหว่านตกใจมาก ตอนที่แบกเธอกลับมาที่นี่เหมือนว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วแผลของเธอจะเน่าจนมีเลือดนองแบบนี้ได้ยังไง

หัวใจของซูเถากระตุกวูบ เธอลังเลว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี

เธอไม่คิดว่าอาการบาดเจ็บของเจียงถงจะแย่ลงถึงขนาดนี้

“ให้ฉันเรียกจงเกาอี้มาดูไหม? ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่” จวงหว่านกล่าว

“สามีของพี่สามารถรักษามนุษย์ได้ก็จริง แต่เขาสามารถรักษาซอมบี้ได้ด้วยเหรอคะ?” ซูเถาปวดหัวหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ…”

“ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ฉันขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อยได้ไหม” จากนั้นซูเถาก็โทรหาจงเกาอี้

จงเก้าอี้ก็ผงะเช่นกันเมื่อเขาเห็นเจียงถงที่แผลเน่าเหวอะหวะเปื้อนเลือด ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง และมองไปที่ซูเถาทันที

“เถ้าแก่ซู….คุณ…ช่างมันเถอะ ผมรักษาเธอไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าระดับนี้มันไม่ใช่การบาดเจ็บ คุณควรเชิญคุณเสิ่นผู้เชี่ยวชาญด้านซอมบี้มามากกว่า”

นี่เป็นการเตือนซูเถาว่าควรส่งตัวเจียงถงให้กับเสิ่นเวิ่นเฉิง

“แบบนี้เธอจะทนได้นานแค่ไหนคะ?” ซูเถาถาม

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีเธออาจจะไม่ตาย แต่หากปล่อยให้ผิวหนังของเธอเน่าเปื่อยไปแบบนี้เรื่อย ๆ มันคงจะเจ็บปวดมาก ดูใบหน้าของเธอสิ” จงเกาอี้ส่ายหัว

เจียงถงขมวดคิ้วแน่น และเส้นเลือดบนหน้าผากของเธอก็กระตุกเป็นระยะ และบางครั้งร่างกายของเธอก็กระตุกเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น ผื่นแดงแปลก ๆ ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ค่อย ๆ ลามไปทั่วใบหน้า มีแนวโน้มว่าภายใน 1 วัน ใบหน้าของเธอจะเริ่มเปื่อยเน่าเช่นเดียวกับร่างกาย

จวงหว่านปิดปากตัวเอง ดวงตาของเธอเริ่มแดงและมีน้ำตาคลอ

เด็กคนนี้ช่างน่าสงสาร เธอโตกว่าเฉินซีไม่มากนักแต่กลับต้องมีชีวิตที่น่าสังเวช ตอนที่เธอยังเป็นมนุษย์ก็ต้องทนทุกข์ยากสารพัด หลังจากที่เธอเสียชีวิตเธอก็ยังต้องทนรับบาปกรรมอันเหลือทนนี้อีก

พระเจ้าช่างโหดร้ายเหลือเกิน

จิตใจของซูเถาว่างเปล่า แล้วก็เริ่มคิดทบทวนกับตัวเอง มันผิดหรือถูกที่เธอซ่อนเจียงถงเอาไว้แบบนี้?

การที่ต้องเน่าเปื่อยกลายเป็นซากสัตว์ หรือการที่ต้องถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ ที่ห้องทดลองนั่น แบบไหนเจ็บปวดกว่า?

ซูเถาเกาศีรษะ และริมฝีปากของเธอก็ค่อย ๆ อ่อนซีดลง

จงเกาอี้คิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันกลับมาพูดกับซูเถาว่า “ผมจะไปหาคุณเสิ่น”

ซูเถามองตามหลังเขาไป และได้แต่ยืนอ้าปากค้างไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น และไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้

จวงหว่านกอดหญิงสาวเอาไว้ พยายามพูดปลอบใจซูเถา “คุณพยายามอย่างเต็มที่แล้ว”

ซูเถาย่อตัวลงและปิดหน้าเอาไว้ เธอไม่ลุกขึ้นจนกระทั่งเสิ่นเวิ่นเฉิงเดินทางมาถึงพร้อมกับกระเป๋าถือด้วยความตื่นตระหนก

“สวรรค์ คุณจับมันได้จริง ๆ!”

เสิ่นเวิ่นเฉิงวางกระเป๋าถือลง และเปิดออกอย่างรวดเร็ว เขาสแกนร่างกายของเจียงถงด้วยเครื่องมือบางอย่าง เพื่อจะได้ตรวจสอบรูปลักษณ์อย่างชัดเจน จากนั้นก็หยิบเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ออกมา และดันของเหลวที่อยู่ภายในเข้าไปในร่างกายของเจียงถง

จงเกาอี้คิดกับตัวเองว่าเสิ่นเวิ่นเฉิงต้องเป็นมืออาชีพเมื่อเผชิญหน้ากับซอมบี้ในสภาวะวิกฤต แต่หลังจากฉีดยา เสิ่นเวิ่นเฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า

“มันจะไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว คุณช่วยเรียกคนมาสักสองคนเพื่อช่วยย้ายเธอไปที่ห้องทดลองของผมได้ไหม เถ้าแก่ซูเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เถ้าแก่ซู…”

ซูเถายืนขึ้นช้า ๆ พร้อมกับโบกมือให้เขา เธอชี้ไปที่เจียงถงที่นอนอยู่บนเตียงแล้วถามว่า

“เธอกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

เสิ่นเวิ่นเฉิงมองไปที่ข้อมูลที่สแกนในคอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า

“ดูเหมือนว่าจะติดเชื้อจากซอมบี้กลายพันธุ์ตัวอื่น ยิ่งเป็นแบบนี้แล้วผมยิ่งต้องพาเธอกลับไปที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการวิเคราะห์”

ซูเถานึกถึงฮว่าผีทันที

ผิวหนังอักเสบเป็นหนองมีความคล้ายคลึงกับลักษณะของผิวหนังที่เป็นมะเร็งผิวหนังมาก ฮว่าผีจงใจทำให้เธอติดเชื้อตอนที่ทั้งสองประชันหน้ากัน

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรผมจะพาตัวเธอไปทันที การทดลองของเราหยุดชะงักมานานแล้ว วันนี้ผมต้องให้ทางทีมวิจัยอดนอนแล้วล่ะ”

เสิ่นเวิ่นเฉิงอยู่ในอาการที่ตื่นเต้นอยู่เสมอ เขามองแต่เนื้อเน่า ๆ ที่นอนอยู่บนเตียง แต่เขาไม่ได้สังเกตใบหน้าของผู้คนที่อยู่ตรงนั้นเลย

“ตกลงค่ะ” ซูเถาพูดคำนี้ออกมาอย่างยากลำบาก ในขณะเดียวกันเจียงถงที่อยู่บนเตียงก็ส่งเสียงเล็กน้อย เหมือนคนจมน้ำที่พยายามส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

“พี่…พี่ชาย”

จวงหว่านได้ยินคำว่า ‘พี่ชาย’ อย่างชัดเจน เธอจึงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และรีบหันหลังกลับออกไปทันที

จงเกาอี้ออกไปปลอบใจภรรยาของเขา

มีเพียงเจียงถงที่เอาแต่เรียก ‘พี่ชาย’ กับซูเถาที่ร่างกายแข็งทื่อ และเสิ่นเวิ่นเฉิงที่สับสนอยู่ในห้อง หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นเวิ่นเฉิงก็จำได้ว่าตัวอย่างตัวที่สองนี้ คือน้องสาวที่เจียงอวี่พาตัวกลับมา

เขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าและไม่สนใจผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ในเถาหยางมากนัก ทว่าในเวลานี้เขาคิดได้เพราะเขาติดต่อกับเจียงอวี่มากขึ้น

เขามองไปที่ใบหน้าของซูเถาอย่างระมัดระวัง และเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในใจ “เจียงอวี่ไม่เห็นด้วยเหรอ?”

เพราะยังไงเธอเป็นน้องสาวของเขา เป็นที่เข้าใจได้หากเจียงอวี่จะไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเป็นเขา เขาจะยอมทนรับความเจ็บปวดนี้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะคนรักหรือครอบครัว ก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการทดลองและผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติ

เพื่อพัฒนายาและหยุดวันสิ้นโลกนี้ให้เร็วที่สุด เขาจะยอมเสียสละทุกสิ่ง รวมถึงชีวิตของตัวเองและครอบครัวด้วย

ในขณะนี้ซูเถาต้องการอุดหูเพื่อที่เธอจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเจียงถงและการสอบถามของเสิ่นเวิ่นเฉิง เธออยากหนีออกไปเหมือนจวงหว่าน…แต่เธอทำไม่ได้

“ไม่ใช่ค่ะ เขาเต็มใจ แต่ขอเวลาเราหน่อยได้ไหม” เธอพยายามประคองสติ

เสิ่นเวิ่นเฉิงทำใจอยู่พักหนึ่งแล้วพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา

“เถ้าแก่ซู ความคืบหน้าการทดลองของเราเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้ายาออกมาเร็วกว่านี้สักวินาที ก็จะมีคนตายน้อยลง คุณช่วยพูดกับเจียงอวี่ให้เข้าใจที ให้เขาอุทิศตนและเสียสละเพื่อมนุษยชาติ เมื่อทุกอย่างจบแล้ว ทุกคนจะจดจำสิ่งที่พี่ชายและน้องสาวคู่นี้ทำ”