บทที่ 333 ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 333 ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์

บทที่ 333 ตกเป็นเป้าการวิพากษ์วิจารณ์

กู้ซินเถาโกรธและสะบัดตัวออก แต่ซุนซื่อพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจะขวางนางไว้ นางมุ่ยปากไปที่ผู้คนโดยรอบและกล่าวกว่า “ซินเถา ถ้าเจ้าลงมือไปตอนนี้ชื่อเสียงของเจ้าก็จะพังยับเยิน เราอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ไปเร็ว พวกเราไปกันเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าเสียงของคนรอบข้างเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ซุนซื่อก็วิตกกังวลราวกับมดบนกระทะร้อน นางทั้งโกรธและหวาดกลัว กู้ซินเถาเป็นคนหุนหันพลันแล่น และถูกกู้เสี่ยวหวานยุั่วยุให้หงุดหงิดด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ถ้าซินเถาตบหน้ากู้เสี่ยวหวานตอนนี้จริง ๆ ล่ะก็…

ซุนซื่อไม่กล้าแม้แต่จะคิด

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงเหล่านั้นยังคงมองไปที่กู้ซินเถา ซุนซื่อจึงรีบไปใช้ตัวบังกู้ซินเถาเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนเหล่านี้มองเห็นใบหน้าของนาง

กู้ซินเถามองไปที่นั่นอีกครั้ง และพวกผู้หญิงก็มองมาทางนางด้วยตาเบิกกว้าง

กู้ซินเถารู้สึกกระสับกระส่ายและหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพวกเขารู้จักนางหรือไม่

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงเหล่านี้ยังคงชี้มาที่นาง และไม่รู้ว่าจะกระซิบกระซาบอะไรกัน กู้ซินเถาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ซุนซื่อโอบไหล่ของกู้ซินเถาและกระซิบว่า “ซินเถา พวกเราไปกันเถอะ เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”

กู้ซินเถาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เพราะนางเองก็เริ่มหวาดกลัว

ถ้าผู้หญิงเหล่านี้กระจายข่าวนี้ออกไป ชื่อเสียงของนางจะถูกทำลายอย่างแน่นอน

ใช่แล้ว รีบออกไปตอนนี้เลยจะดีกว่า กู้ซินเถาไม่คิดเรื่องนี้อีก นางหันหลังกลับและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนออกไปก็ไม่ลืมหันมองกู้เสี่ยวหวานอย่างดุร้าย แต่กู้เสี่ยวหวานกลับแสดงรอยยิ้มกว้างราวกับว่านางไม่เห็นคำเตือนของกู้ซินเถาอยู่ในสายตาเลย

กู้ซินเถาและซุนซื่อออกจากร้านขายผ้าจี๋เสียงด้วยความอับอาย

เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเห็นว่าแม่และลูกสาวออกไปแล้ว พวกเขาพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาด้วยความสนใจมากขึ้น

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด แต่นางรู้ว่ามันไม่ใช่คำพูดที่ดีอย่างแน่นอน ในยุคนี้ผู้หญิงนอกจากช่วยสามีและสั่งสอนลูก ๆ ก็ทำได้แค่นินทาผู้อื่นไปวัน ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงในครอบครัวมีฐานะดี เมื่อไม่มีอะไรทำก็ทำได้เพียงจับกลุ่มซุบซิบนินทากับคนในระดับเดียวกัน

ในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงที่หน้าตาดีมากล่าวอย่างไม่ละอายเช่นนี้ ในใจจึงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ผู้หญิงคนหนึ่งค่อนข้างคุ้นเคยกับพี่ฝู ดังนั้นนางจึงเข้ามาถามทันทีว่า “เด็กผู้หญิงเมื่อสักครู่นี้เป็นใครกัน? อายุนางยังไม่มากแต่กลับเป็นเช่นนั้น!”

“ใช่แล้ว อายุยังน้อยแต่กลับหลงไปกับคำเยินยอ ใครก็ตามที่ได้เป็นภรรยาก็คงจะโชคร้ายจริง ๆ” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ติดตามมากล่าว

“พี่ฝู คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?”

เมื่อมองไปที่ดวงตาที่สดใสของผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ตัว พี่ฝูก็เหลือบมองที่กู้เสี่ยวหวานที่กำลังยิ้ม พี่ฝูจึงเข้าใจและกล่าวว่า “โอ้ ก็เป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ถ้าพูดอะไรผิดไป พวกท่านก็อย่าไปใส่ใจเลย”

“นั่นยังเรียกว่าไม่รู้จักกาลเทศะหรือ? เห็นได้ชัดว่านนางต้องการพึ่งหน้าตาเพื่อแต่งงานกับครอบครัวที่ดี!”

“ใช่แล้ว สาวน้อยผู้นี้มาแค่ครั้งเดียวก็ใช้เงินไปถึงสามสิบตำลึงเงิน ซึ่งมากกว่าพวกเรามากนัก ถ้าผู้ใดแต่งงานด้วย ถึงครอบครัวนั้นจะมีกิจการใหญ่โตเพียงใดก็คงจะต้องล้มละลายเป็นแน่”

“พี่ฝูบอกพวกเราเถอะ พวกเราล้วนมีลูกชาย ในอนาคตก็ต้องแต่งงานจึงอยากจะดูให้ชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามแต่งงานกับเด็กสาวผู้นี้เด็ดขาด ใครแต่งงานไปก็คงจะโชคร้ายแน่นอน!”

“ใช่แล้ว หน้าไม่อายเสียจริง”

พี่ฝูแสร้งทำเป็นลำบากใจ แต่เมื่อเห็นผู้หญิงเหล่านี้มองมาที่นางด้วยความสนใจ นางจึงแสร้งทำเป็นลำบากใจเล็กน้อยและมองออกไปข้างนอกราวกับจะยืนยันว่ากู้ซินเถาไปไกลแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่ประตู พี่ฝูจึงถอนหายใจและกล่าวว่า “พวกท่านอาจไม่รู้จักเด็กสาวผู้นี้ แต่ก็คงเคยได้ยินชื่อแม่ของนางมาบ้าง”

“ผู้ใดกัน?”

“เมื่อเดือนที่แล้วที่เมืองรุ่ยเสียนตัดสินคดีเรื่องการแย่งที่ดินของหลานสาว คนที่แย่งไปก็คือแม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้น”

“ว่าอย่างไรนะ? เป็นนางหรอกหรือ?” หนึ่งในนั้นกล่าวออกมา ดูเหมือนว่านางจะเต็มไปด้วยโทสะ และถึงกับพับแขนเสื้อขึ้น ซึ่งหมายความว่านางพร้อมจะสู้ “หากข้ารู้ว่าเป็นนาง ข้าจะตบนางสักสองที! ทำไมถึงเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายถึงเพียงนี้ และยังกล้าออกไปหลอกลวงผู้อื่นอีก นี่มันน่าเกลียดจริง ๆ”

“ไม่แปลกใจเลยที่สาวน้อยผู้นั้นจะไร้ยางอาย ปรากฏว่านางมีนิสัยเหมือนกับแม่ของนาง ไร้ยางอายเสียจริง เจ้าเห็นหน้าของสาวน้อยผู้นั้นหรือไม่ หน้านางดูยั่วยวนเหมือนแม่ไม่มีผิด อายุมากขนาดนั้นแล้วแต่ยังมีพฤติกรรมคล้ายสุนัข ช่างหน้าไม่อายจริง ๆ”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางรังเกียจของพวกเขา มุมปากของนางกระตุกพลางมองไปที่กลุ่มผู้หญิงเหล่านั้น

คนเหล่านี้ดูเหมือนจะแต่งเติมไปอีกด้วย!

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ชอบสิ่งที่คนเหล่านี้พูด แต่คงจะดีถ้านางระบายความโกรธออกมา!

“ฮูหยินซ่ง ผู้หญิงที่ทาชาดที่มีคุณภาพต่ำผู้นั้น เจ้าได้กลิ่นนางหรือไม่ ตอนที่พวกเขาเดินผ่านเรา เจ้าได้กลิ่นที่เหม็นจนแสบจมูกนั้นหรือไม่?”

“ได้กลิ่น ข้าได้กลิ่น กลิ่นเหม็นจริง ๆ!” ไม่เพียงแต่ฮูหยินซ่ง แต่คนรอบข้างก็ได้กลิ่นด้วยเช่นกัน

ในหมู่พวกเขามีการพูดเกินจริงมากขึ้น ผู้คนต่างจากไปโดยไร้เงาราวกับว่าจะกลิ่นแป้งชาดด้อยคุณภาพในร้านขายผ้าจะทำให้จมูกแปดเปื้อน

ฝูงชนดูถูกเหยียดหยามพวกนางสองแม่ลูกอีกครั้ง เดิมทีใช้ของที่ด้อยคุณภาพและจะมาหายใจร่วมกับพวกเขาได้อย่างไร

“ถ้าครั้งหน้าข้าเจอนางอีก ข้าจะทำให้พวกนางดูไม่ได้อีก” เมื่อสักครู่หญิงผู้นั้นกล่าวราวกับเกลียดอย่างมาก “อยากได้ของของผู้อื่น พี่ฝู คนผู้นั้นแซ่อะไร หลังจากนี้พวกเราจะให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องพวกเขา ครอบครัวอื่นจะได้ไม่ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของครอบครัวนี้หลอกเอา หน้าตาก็ออกจะสะสวย แต่ทำไมถึงใจดำถึงเพียงนี้?”

“ใช่แล้ว ทำไมถึงขาดความเมตตาเช่นนี้!”

“แม่เป็นเช่นไร ลูกสาวก็คงเป็นเช่นนั้น ในอนาคตเราจะปล่อยให้ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้เข้าประตูไม่ได้”

พวกเขาทั้งหมดออกความเห็น และดูเหมือนว่าพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองราวกับว่ากู้ซินเถาทำให้ครอบครัวของพวกนางล้มละลายไปแล้ว พวกเขาโกรธจนแทบทุบหน้าอกและกระทืบเท้า

“ข้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย พวกเขาเป็นลูกค้าของร้านข้า คงจะไม่ดีถ้าชื่อของลูกค้าถูกเปิดเผยออกไป อย่างไรก็ตาม หัวหน้าครอบครัวของพวกเขา สามีของพวกเจ้าคงจะต้องเคยเจอ” พี่ฝูกล่าว

เมื่อทุกคนได้ยินจึงเอ่ยถามว่า “ใครกัน? สามีของพวกข้ารู้จักอย่างนั้นหรือ?”

“พ่อของเด็กผู้หญิงผู้นั้นคือคนทำบัญชีของร้านซุ่นซิน”

เมื่อทุกคนได้ยิน พวกนางก็นึกออกทันใด และยิ่งมีสีหน้าดูถูกมากยิ่งขึ้น ในตอนแรกคิดว่าจะเป็นคนที่มีฐานะมากกว่านี้ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงแค่คนทำบัญชี