บทที่ 286.2 ไทเฮาเสด็จ! (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 286 ไทเฮาเสด็จ! (2)

วิชาตัวเบาของกู้เฉิงเฟิงนับว่าไม่เลว แต่ยอดฝีมือในจวนเหล่านั้นก็ไม่ใช่ไก่กา โดยเฉพาะยามนี้ที่พวกเขาพกธนูมาด้วย

ทหารเหล็กของจวนเซวียนผิงโหวและมือธนูของจวนหยวนไซว่ล้วนเป็นที่เลื่องชื่อในหกแคว้น

ธนูแกร่งถูกง้างเป็นทิวแถว ลูกธนูหวีดหวิวร่ำร้องเต็มผืนฟ้า ถนนหนทางเต็มไปด้วยห่าธนู

ทั้งคู่จำต้องเร้นกายเข้าไปในตรอกข้างๆ

พิงกำแพงไว้ เสียงห่าธนูหวีดหวิวอยู่ข้างหู กู้เฉิงเฟิงใจเต้นราวกับรัวกลอง “น่ากลัวยิ่งนัก!”

มิน่าเล่าว่ากันว่ามีมือธนูตระกูลถังเฝ้าปกป้องเมือง แม้แต่กองทัพแคว้นเยี่ยนก็ยังโจมตีไม่ได้ กล้าหาญองอาจเกินไปแล้ว!

ฟิ้ววว!

พวกเขาหลบเข้ามาในตรอกแล้วแท้ๆ ทว่ายังคงมีลูกธนูดอกหนึ่งที่เหมือนมีตาพุ่งมาหาพวกเขาอยู่!

ทั้งคู่พากันถอยหลังไป

ลูกธนูปักอยู่บนพื้นหินอ่อนสามชุ่น ขนธนูแกว่งเป็นเงา!

แม้แต่กู้เจียวที่เคยเห็นอาวุธมายังอดยอมรับไม่ได้ว่ามือธนูตระกูลถังร้ายกาจ

ไอสังหารเข้มข้นกว่าคืนนั้นที่พวกเขาไล่ฆ่านางมากนัก คืนนั้นถังเย่ว์ซานคงคิดจะจับเป็น จึงไม่ได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด

ทว่าคืนนี้พวกนางได้ยินความลับที่เหลือจะทนที่สุดของจวนถังเข้าแล้ว ถังเย่ว์ซานไม่มีทางให้พวกนางมีชีวิตได้เห็นดวงตะวันในวันพรุ่งนี้แน่นอน

มีองครักษ์ควบม้าไล่ตามเข้าตรอกมา

กู้เจียวยิงเข็มเงินใส่อีกฝ่ายให้ตกลงมาจากหลังม้า จากนั้นนางก็พลิกตัวขึ้นหลังม้า กู้เฉิงเฟิงก็พลิกตัวขึ้นมาเช่นกัน เขานั่งอยู่ด้านหลังกู้เจียว

ยามนี้ถังเย่ว์ซานมาถึงพอดี เขาฟาดฝ่ามือมาอีกหน

กู้เจียวควบม้าออกไป ทว่าก็ยังช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี ควันหลงจากกำลังภายในฟาดใส่แผ่นหลังกู้เฉิงเฟิงเข้า

กู้เฉิงเฟิงพลันกระอักเลือดออกมาทันที

สีหน้าเขาเจ็บปวดจนเหยเก เหตุใดเขาต้องนั่งม้าตัวเดียวกับนางด้วย รอม้าตัวต่อไปก็ได้นี่นา

ม้าของหยวนไซว่ไม่เลวจริงๆ นอกจากม้าของกู้ฉังชิงแล้ว ม้าที่กู้เจียวเคยขี่ได้เร็วที่สุดก็คือม้าตัวนี้นี่แหละ

ม้าวิ่งอย่างรวดเร็ว หากแต่…ทิศทางที่ไปค่อนข้างแปลกๆ

กู้เฉิงเฟิงมองม้าที่เหมือนจะวิ่งคดไปเคี้ยวมา จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่น่ะ”

กู้เจียวตอบตามจริง “ไม่เป็น”

“ว่าอย่างไรนะ”

กู้เฉิงเฟิงว้าวุ่นขึ้นมาทันที!

กู้เฉิงเฟิงแทบจะตกใจตายอยู่รอมร่อ เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในย้ายตำแหน่งไปหมดแล้ว ฝ่ามือนั้นของถังเย่ว์ซานไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บภายในเท่าใดนัก แต่เด็กคนนี้ขี่ม้าแทบจะทำเขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

โคลงเคลงต่ออีกพักใหญ่ กู้เฉิงเฟิงรู้สึกว่าทิวทัศน์มันแปลกไป “นี่เจ้าจะไปไหนน่ะ”

“วังหลวง” กู้เจียวบอก

กู้เฉิงเฟิง “ไปวังหลวงทำไม เจ้าบ้าไปแล้วรึ! พอไปถึงวังหลวงแล้ว ต่อให้พวกเราติดปีกก็บินได้ยากแล้ว! นี่ นี่ นี่! เจ้าหยุดได้หรือไม่…เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! หยุด…อ้ากกก!”

เด็กหน้าเหม็นนี่!

กู้เจียวเคยไปวังหลวงมาหลายครั้ง ทุกครั้งล้วนจงใจเดินในเส้นทางที่ต่างออกไป นางรู้ว่าถนนเส้นไหนใกล้ที่สุด หากแต่สิ่งที่นางคาดคิดได้ ถังเย่ว์ซานก็คิดได้เช่นกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังเย่ว์ซานที่เป็นคนเมืองหลวงขนานแท้เลย หากว่ากันเรื่องภูมิประเทศของเมืองหลวงนั้น ไม่มีใครเชี่ยวชาญเท่าเขาอีกแล้ว

เมื่อห่างจากวังหลวงราวๆ ครึ่งลี้ กู้เจียวกับกู้เฉิงเฟิงก็ถูกพวกถังเย่ว์ซานตามมาทัน

ถังเย่ว์ซานโอบล้อมสองคนหนึ่งม้าอย่างรวดเร็ว มือธนูจวนถังตั้งกระบวนคอยท่า ง้างคันชักจนตึง บนสายธนูทุกคันมีลูกธนูอย่างน้อยๆ สามดอก

หากยิงไปยังทั้งคู่ คงได้ยิงจนทั้งคู่พรุนเป็นตะแกรงแน่

ม้าของกู้เจียวหยุดลง

ถังเย่ว์ซานนั่งอยู่บนพาหนะตัวสูงใหญ่องอาจ ค่อยๆ เดินไปหากู้เจียวกับกู้เฉิงเฟิงช้าๆ ก่อนหยุดอยู่ห่างราวๆ สิบฝีก้าว

เขาดึงบังเหียนแน่น แล้วมองทั้งคู่อย่างไม่แยแสและเดือดดาล “จะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ใครส่งพวกเจ้ามา เหตุใดจึงต้องทำร้ายหมิงเอ๋อร์ด้วย หากพวกเจ้าบอกอย่างกระจ่างแจ้ง ข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปสบาย!”

“แต่คงจะมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเจ้าทำร้ายคนที่ไม่ควรทำร้าย ซ้ำยังได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ข้าจะทรมานพวกเจ้าเพียงเล็กน้อยและให้พวกเจ้าจากไปอย่างสบาย นี่ก็ถือว่าเมตตาเจ้ามากที่สุดแล้ว”

กู้เฉิงเฟิงกัดฟัน “เหตุใดเจ้าไม่ไปตายเองล่ะ ขัดต่อสวรรค์นัก! ไร้จริยธรรมจรรยา! กับพี่สะใภ้ตัวเองก็ยังจะ…”

ฟุ่บบบ!

ถังเย่ว์ซานกางฝ่ามือออก แรงกำลังทะยานผ่านกู้เจียวไปพุ่งใส่กู้เฉิงเฟิงให้ตกร่วงลงพื้น!

วิชาตีวัวข้ามภูเขารึนี่

กู้เจียวประเมินแรงกำลังของถังเย่ว์ซานอยู่ในใจ สุดท้ายได้ข้อสรุปออกมา ยามนี้ตนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

กู้เจียวครุ่นคิด ก่อนจะล้วงสมุดเล่มเล็กออกมาจากอ้อมอก แล้วใช้ดินสอถ่านเขียนว่า ‘เอาละ ข้าท้า’

ถังเย่ว์ซาน นี่นางเป็นใบ้รึ!

กู้เจียวเขียนต่ออย่างรวดเร็วว่า ‘มีคนสั่งให้พวกข้ามาจริง คนผู้นั้นก็คือ…’

ตัวหนังสือของกู้เจียวเขเกบิดเบี้ยว ถังเย่ว์ซานเปลืองแรงอ่านนัก เขาขยับเข้ามาใกล้ไม่ได้หมายจะอ่านชื่อสุดท้ายนั่นว่าเป็นใคร

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น กู้เจียวก็ทะยานตัวขึ้น มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งตกลงในฝ่ามือ นางขึ้นขี่ม้าถังเย่ว์ซาน แล้วใช้มีดจ่อลำคอของถังเย่ว์ซานเอาไว้จากด้านหลัง!

โธ่เว้ย ติดกับเสียแล้ว!

เจ้าใบ้น้อยนี่มีฝีมือไม่เบา!

หากคิดว่าแค่นี้ก็ขวางเขาได้ นั่นก็ใสซื่อเกินไปแล้ว!

ถังเย่ว์ซานยกมือคว้าคมมีดของกู้เจียวไว้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่สนใจความอันตรายที่จะโดนตัดมือขาดเลยสักนิด เขาสะบัดกู้เจียวลงจากหลังม้า

ส่วนตัวเขาก็ล้มลงเช่นกัน “ยิง!”

กู้เจียว “เจ้าไม่กลัวจะโดนยิงเป็นเม่นรึ”

ถังเย่ว์ซานหัวเราะเสียงเย็น “ข้าสวมเกราะไหมทองแล้ว หอกดาบฟันแทงไม่เข้า!”

กู้เจียว จุกจนพูดไม่ออกเลย แพ้ให้กับเครื่องแต่งกายเสียแล้ว!

ธนูนับพันดอกพุ่งทะยานออกไป!

สีหน้ากู้เฉิงเฟิงพลันเผือดสี!

ในขณะนั้นเอง ประตูวังพลันเปิดออก เสียงก้องกังวานเรียบนิ่งดังลอยมาอย่างยิ่งใหญ่ ราวกับเปิดประตูราตรีอันมืดมิดออก

“ไทเฮาเสด็จ…”