บทที่ 377 ให้หน้าแล้วยังไม่ยอมรับ

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่377 ให้หน้าแล้วยังไม่ยอมรับ

“คุณหนูหยาง ชายใหญ่บ้านผมจัดทำในครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ได้เตรียมการมาตั้งนานแล้ว สั่งให้พวกผมขับรถที่ดีที่สุดออกมา ข้างนอกยังมีรถสปอร์ตจอดอยู่อีกตั้งหลายคันน่ะ” ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง

ยังมีรถสปอร์ตอีกหลายคันยังไม่ได้ขับเข้ามาอีก?

ได้ยินที่พูดมานั้น กลุ่มคนที่เฝ้ามุงดูอยู่ ต่างส่งเสียงฮือฮา

แต่พอหวนคิดดูอีกที คนสวยระดับนางงามอย่างหยางเหม่ยหลิน แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีรุ่นลูกเศรษฐีตามจีบไม่น้อย ทั้งดูจากการแต่งตัวของเธอแล้วก็คงมีฐานะทางบ้านไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าจะเป็นพวกลูกตระกูลมีอันดับอะไรสักอย่าง

ส่วนในสายตาของหยางเหม่ยหลินแล้วก็ยิ่งดูปลื้ม ตาทั้งคู่ของเธอมองไปที่มู่เซิ่ง ออกประมาณเชิดข่มด้วยบารมี

เห็นรึยัง?นี่คือความแตกต่างระหว่างฉันกับแก!

“เหม่ยหลิน ไอ้หมอนี่ใครกันอ่ะ?” เห็นสายตาหยางเหม่ยหลินจ้องติดอยู่ที่มู่เซิ่ง แววตาของกัวปู๋เจิ้นหนาวเยือก มองไปที่มู่เซิ่งแล้วถาม

“เพื่อนฉันคนหนึ่งแค่นั้นเอง ฉันคิดจะมาขอให้เขาช่วย ปรากฏว่าเขาไม่รู้กาลเทศะ ปฏิเสธความหวังดีของฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก” หยางเหม่ยหลินทำเป็นพูดแบบไม่ได้ใส่ใจมาก

แต่ลูกเศรษฐีคนนั้นมีหรือจะฟังไม่ออกในความหมายของหยางเหม่ยหลิน โดยเฉพาะ เขากำลังจีบหยางเหม่ยหลินอยู่ แน่นอนว่าก็ต้องพยายามโชว์ออฟตัวเองให้ดูดี จึงพูดขึ้นว่า “เฮ้ย คุณหนูหยางสู้อุตส่าห์ให้เกียรติมาหาแกให้ช่วย ก็เห็นแกอยากได้เงินมากขึ้นไม่ใช่หรือ?ว่ามาสิ จะเอาเท่าไหร่ เดี๋ยวอั๊วจ่ายแทนคุณหนูหยางเอง”

“เท่าไหร่ก็ไม่ขาย” มู่เซิ่งพูดเนือย ๆ

หยางเหม่ยหลินก็รู้แน่อยู่แล้วว่าผลต้องออกมาแบบนี้ เพียงแต่ว่าเห็นมู่เซิ่งปฏิเสธเธอมาตลอด ในใจก็ไม่สบอารมณ์มากอยู่ จึงได้หาเรื่องให้คนที่ตามจีบเธออยู่นั้นจัดการลงมือให้มู่เซิ่งรู้สึกเสียบ้าง

ถ้าทำให้เขาโดนสังคมข้างนอกรุมกระทืบ แล้วยอมขายของสิ่งนั้นให้เธอเองได้ นั่นจะดีไม่น้อย

“เฮอะ ๆ อั๊วรู้นะว่าลื้อจะโก่งราคา แต่ที่กูถามมึงนี่ มึงไม่จำเป็นต้องแสแสร้งต่อไปหรอกมั้ง?ไม่งั้น ก็จะเป็นการโลภมากไม่รู้จักจบแล้ว” กัวปู๋เจิ้นพูดหน้าขึ้ง

“ผมบอกแล้วว่าไม่ขาย คุณหูหนวกหรือไง?” มู่เซิ่งพูดเสียงเยือก ย้อนตอบอย่างเหยียด ๆ

“ไปหาโคตรพ่อโคตรแม่พวกแกเลย ลูกพี่อั๊วบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่ขายไม่ขาย พวกแกก็เอาแต่ถามแบบนี้ ไม่รำคาญมั่งหรือไงวะ?ในเมื่อพวกแกมีเงินมากมาย ก็ไปหาซื้อที่อื่นสิวะ พวกอั๊วไม่ได้ขาดเงิน!” เหยาเผิงที่ยืนข้าง ๆ ตะโกนพูดออกมา

ด้วยมู่เซิ่งยังอารมณ์ดี เขาไม่รำคาญแต่เหยาเผิงฟังที่ถามจนรำคาญขึ้นมาแล้ว

“เฮอะ ๆ ไอ้หนู นี่ให้หน้ากันแล้วไม่รับ ในเมืองหนานเจิ้น ยังไม่มีของที่กูอยากได้แล้วเอามาไม่ได้!” คนรุ่นลูกเศรษฐีนั่นดูท่าจะบันดาลโทสะขึ้นมาแล้ว ทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ทำเอาของปิ้งย่างกับน้ำเหล้าล้มตกแตกกระจายเละเทะ ชี้นิ้วใส่มู่เซิ่งพูดไปว่า “ไม่ก็เอาของออกมาซะ!หรือจะรอให้กูลงมือ บังคับให้มึงเอาของออกมา!”

กลุ่มลูกเศรษฐีล้อมมู่เซิ่งกับเหยาเผิงสองคนเข้ามาพร้อม ๆ กัน ต่างคนต่างมีของติดมือ ซึ่งได้ไปหยิบออกมาจากในรถสปอร์ตของตน

ในแวดวงวิถีชีวิตจะมีพวกชอบมุงดูกันมาก ยิ่งกับเหตุการณ์ที่แต่ละคนไม่รวยก็ตระกูลสูง ใครจะกล้าไปตอแยด้วย ได้แต่ยืนเงียบมองดูพวกเขาแต่ละคนกะเหี้ยนกะหือจ้องเดินเข้าหามู่เซิ่ง

ในขณะนั้นเอง ในฝูงคนก็มีเด็กสาวในชุดนักศึกษาฮึดฮัดทำใจสู้ขึ้นมา ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นพูดว่า “หยุดนะ พวกคุณรีบแยกย้ายกันออกไป ไม่งั้นฉันจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจนะ!”

“โห ยังมีคนกล้ามายุ่งเรื่องกูหรือนี่?” กัวปู๋เจิ้นแค่นหัวเราะเสียงเยือกหันมองไป พอเห็นเป็นเด็กสาวในชุดนักศึกษา อดไม่ได้หัวเราะเสียงหื่น “นักศึกษาสาวสวยซะด้วยนะ น้องสาว พี่ขอร้องอย่ามายุ่งเรื่องของพี่นะ เดี๋ยวผลที่เกิดขึ้นเธอจะรับไม่ไหว”

“ฮ่า ๆ ๆ หญิงคนนี้ใจกล้าไม่เบาเลยนะ นึกสนุกมานั่งดื่มกับพี่สักดริ๊งดีไหมจ๊ะ” พวกกลุ่มลูกเศรษฐีต่างคนต่างเฮฮาพูดกันขึ้นมา

เห็นสายตาลามกมองเข้ามามากมาย สาวน้อยที่ทำฮึดฮัดคนนั้นตื่นกลัวขึ้นมา รีบกดหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกับขู่ว่า “พวกคุณถ้ายังทำแบบนี้ ฉันจะกดโทรศัพท์แจ้งเหตุแล้วนะ!”

มู่เซิ่งรู้สึกอัศจรรย์ใจกับพฤติกรรมของเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างมาก อดไม่ได้หัวเราะออกมา ในใจรู้สึกอบอุ่นบอกไม่ถูก

“ไปเลยอีหนู เอาโทรศัพท์พัง ๆ แบบนี้จะไปข่มขู่ใครเขาได้วะ?”

เจ้ารุ่นลูกเศรษฐีคนนั้นถึงจะไม่กลัวตำรวจ แต่ถ้าเกิดมีการแจ้งความขึ้นมายังไงก็มีเรื่องต้องยุ่งยาก จึงรีบประชิดตัวเข้าไป ตบคว้าเอาโทรศัพท์ในมือเด็กสาวนั้นมา

“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะ!” เด็กสาวรีบเข้าไปแย่ง

แต่แรงและความไวของเธอจะไปสู้ลูกเศรษฐีคนนั้นได้ที่ไหน ไม่มีทางจะแย่งคืนกลับมาได้ แถมยังถูกหลอกล่อวิ่งวนจนว้าวุ่น

“ฮ่า ๆ ๆ คืนนี้นั่งดริ๊งเป็นเพื่อนพี่นะ แล้วพี่ก็จะคืนโทรศัพท์ให้เธอ เป็นไง?” ลูกเศรษฐีคนนั้นฉีกปากแสยะยิ้ม แล้วยังเอื้อมมือล้วงลูบไปที่หลังของเด็กสาว

“แก ไปให้พ้น—–” เด็กสาวตกใจจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว

“ให้เวลาแกสามวินาที เอาโทรศัพท์คืนเธอไป”

ขณะนั้นเอง มู่เซิ่งที่ยืนเฉยอยู่บริเวณข้าง ๆ นั้นเอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว น้ำเสียงน่าสะพรึงกลัว ฉับพลันที่เขาออกเสียงไป อุณหภูมิรอบบริเวณ ลดฮวบลงไปหลายขีดในทันที

เหยาเผิงก้าวถอยออกมาครึ่งก้าวโดยจิตสำนึก เขารู้จักมู่เซิ่งดี พวกคนกลุ่มนี้มากวนใจเขาสองครั้งสามหน มู่เซิ่งได้มีโมโหขึ้นแล้ว

“เฮอะ ๆ ข่มขู่ใครกันวะ?แกมันตัวอะไรกันนั่น?” ลูกเศรษฐีคนนั้นมองมู่เซิ่งอย่างเหยียดหมิ่น พูดไปว่า “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูกูจัดการกับน้องหนูคนนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยให้มึงได้เห็นดีมั่ง”

“ที่นี่มีให้สิทธิ์แกพูดอะไรได้ด้วยเรอะ?” กัวปู๋เจิ้นพูดเสียงเหยียด ๆ “สงเอ้อ จัดต่อไปเลย!”

“ครับ คุณชายกัว!”

ลูกเศรษฐีคนนั้นหัวเราะหุ ๆ ยื่นมือล้วงคลำเด็กสารตนนั้นต่อ ถึงขนาดจะทำอนาจารกับเด็กสาวคนนั้น

พฤติกรรมของเขานั้นเลวร้ายอย่างไม่มียำเกรง คิดแต่ว่ายังไงมู่เซิ่งก็ไม่กล้าขวางเขาได้

แต่แล้ว วินาทีต่อมานั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผิดไปจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ลูกเศรษฐีคนนั้นจับซิปของเด็กสาวคนนั้นได้ มู่เซิ่งก็ได้ขยับตัว

“แคร๊ก!”

เสียงดังฟังชัดของกระดูกที่ถูกหักขาด ดังมาจากบริเวณแขนของลูกเศรษฐีคนนั้น

ที่เห็นคือท่อนแขนของเขา ถึงกับถูกมู่เซิ่งกระชากหลุดจากข้อหัวไหล่!

“โอ๊ย!”

ลูกเศรษฐีคนนั้นร้องอย่างสุดแสนเจ็บปวดขึ้นมาทันที มือกุมแขนทรุดตัวคุกเข่าล้มลงกับพื้น

คนที่อยู่ทั้งหมดนั้นชะงักอึ้ง พวกเขาเห็นสภาพความเจ็บปวดทรมานของลูกเศรษฐีคนนั้นแล้ว ถอนหายใจออกเป็นลมหนาวเยือก เจ้ามู่เซิ่งคนนี้ลงมือโหดเหี้ยมได้อะไรแบบนี้ ถึงขนาดทำเอาแขนเขาเสียไปทั้งข้างเลยทีเดียว

ที่สำคัญ นี่เป็นลูกเศรษฐีที่ขับพอร์ชนั่นนะ

เขาไม่กลัวจะมีผลอะไรตามมาหรือไง?

จัดการเตะเขี่ยลูกเศรษฐีที่ทรุดอยู่กับพื้นออกไปข้าง ๆ แล้ว การเคลื่อนไหวของมู่เซิ่งไม่มีการหยุด พุ่งหมัดเข้าใส่กัวปู๋เจิ้นที่ยืนเซ่ออยู่ที่เดิมนั่น

“วืด!”

เสียงกำปั้นแหวกลมออกไป

กัวปู๋เจิ้นคืนสติกลับมา แต่ช้าไปเสียแล้ว หมัดของมู่เซิ่งซัดเข้าตรงกลางแสกหน้าของเขา ทำเอาตัวเขาทั้งตัวหงายล้มลงกับพื้น เลือดที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อไหลทิ้งออกมา

กัวปู๋เจิ้นเอามือปิดจมูก ร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวด “โอว ๆ ๆ!มึงกล้าชกกู?แล้วพวกเอ็งยังมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม?ลุยใส่ไปเลยสิวะ เอามันให้ตาย!”

“แม่งนี่ กล้าดียังไงมาชกคุณชายกัวของกู?”

เหล่าบรรดาลูกเศรษฐีพวกนั้นตั้งสติกลับมาได้ ควงหมัดกันขึ้นมา พุ่งเข้าใส่มู่เซิ่งอย่างดุเดือด

ในขณะที่เด็กสาวในชุดนักศึกษาชั้นมัธยมตกใจขวัญเสียจนทำอะไรไม่ถูก เห็นมู่เซิ่งยืนขวางอยู่ข้างหน้าเธอ เธอยังมองไม่เห็นกลุ่มลูกเศรษฐีถือไม้กระบองอุปกรณ์ต่าง ๆ รุมกันเข้ามาอย่างกะเหี้ยนกะหือ หูได้ยินแต่เสียงหมัดแต่ละหมัดกระแทกใส่เนื้อตัวคน

“ปึง ปึง ปึง ปึง !”

……………….