บทที่ 408 ตัดสินใจรื้อคดี แต่งตั้งหวงไท่ซุน

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 408 ตัดสินใจรื้อคดี แต่งตั้งหวงไท่ซุน

ในเมื่อจะจัดการเรื่องใหญ่ หากพวกเด็ก ๆ อยู่ที่นี่ด้วยก็คงไม่เหมาะเท่าใดนัก มีเพียงเผยจี้ฉือเท่านั้นที่ถูกเรียกให้อยู่ต่อ ส่วนองค์ชายสิบได้ถูกขันทีพาตัวออกไปพร้อมด้วยสีหน้าที่มึนงง ก่อนจะหันกลับไปมองเผยจี้ฉือโดยไม่รู้ตัว แล้วก็พบว่าดวงตาของเขาลุ่มลึกและเงียบขรึม ดูไม่เหมือนเด็กคนหนึ่งเลย

องค์ชายสิบกลืนคำพูดลงคอ เมื่อครู่นางกำนัลผู้นั้นบอกว่าเจียงเต๋อเป็นคนสั่งให้นางวางยา

หรือว่า…เสด็จพ่อต้องการวางยาเสด็จปู่อย่างนั้นหรือ!?

เซี่ยห่วงปิดปากตัวเอง ตอนที่เดินไปถึงธรณีประตู เพราะความหวาดกลัวจึงได้ล้มลงไปกองกับพื้น เขาทั้งตัวสูงและหนัก ขันทีน้อยรีบเข้าไปประคองทว่าก็ยังประคองไม่ขึ้น กลับเป็นอาอินที่ลากเขาขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าเดินระวัง ๆ หน่อย”

เซี่ยห่วงพยักหน้ารับพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเผือด ไม่มีท่าทางน่ารำคาญเฉกเช่นยามปกติอีกแล้ว

“เจ้าเป็นอะไรไป?” อาอินไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงมองเข้าไปภายในตำหนักแล้วเอ่ยขึ้นมา “ครอบครัวของพวกเจ้าเดิมก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้บัลลังก์มาครองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เจ้าก็ควรจะชินได้แล้วกระมัง”

เซี่ยห่วงริมฝีปากสั่นเทา “เหตุ…เหตุใดเจ้าถึงได้รู้มากเพียงนี้?”

จากนั้นเสียงของเขาก็ค่อย ๆ เบาลง กลัวว่าจะมีคนได้ยินเข้า

“ตอนที่ข้ายังเด็กก็รู้เรื่องพวกนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่จะมาอยู่กับครอบครัวของพวกเราได้อย่างไรกัน” อาอินเอ่ยจบก็ลากอาชิงไปรออยู่ที่ตำหนักด้านข้างพร้อมกับใบหน้าที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน

เซี่ยห่วงไม่รู้ว่าควรไปที่ใดดี เขาอยากจะกลับไปหาเสด็จแม่ แต่เขารู้ว่าตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงเดินตามไปเงียบ ๆ

เจียงเต๋อถูกพาตัวออกไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือแค่ฮ่องเต้เซี่ยเจินคนเดียวเท่านั้นที่นอนอยู่บนตั่ง ส่วนหมอหลวงก็กำลังคิดหาวิธีรักษาอยู่ ตอนที่จี้จือฮวนเปิดม่านเข้ามา หมอหลวงก็รีบคารวะทันที “ฮูหยิน”

“ฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม

หมอหลวงส่ายหน้า “ไม่ค่อยดีขอรับ”

ร่างกายของฮ่องเต้ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่สำหรับหัวหน้าสำนักหมอหลวงแล้วย่อมรู้ดีที่สุด เดิมภายในร่างกายของฮ่องเต้ก็มีพิษที่ได้รับจากการกินยาอายุวัฒนะอยู่แล้ว เมื่อถูกกระตุ้นเช่นนี้อีก เขาจึงไม่เคยเห็นอาการป่วยเช่นนี้มาก่อน จะกล้าสั่งยาส่ง ๆ ได้อย่างไรกัน?

จี้จือฮวนจ้องมองฮ่องเต้เซี่ยเจิน นางคิดไม่ถึงว่ากรรมจะทำงานเร็วเพียงนี้ นางยังไม่ได้ไปหาเขาเพื่อล้างแค้นเลย แต่เขากลับวางยาจนตัวเองมีสภาพเช่นนี้ไปเสียแล้ว

“ข้าเองก็พอมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองดูหน่อย”

หมอหลวงลังเล ไม่กล้าอนุญาต

“ให้นางดู” ไท่ซ่างหวงจึงเอ่ยขึ้นมา หมอหลวงจึงได้หลีกทาง

จี้จือฮวนตรวจดูอาการฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างละเอียด นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากที่นางนั่งลง ร่างกายของฮ่องเต้เซี่ยเจินก็มีการขยับอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าเขาต่อต้านการที่นางเข้าใกล้เช่นนี้

จี้จือฮวนตรวจชีพจรให้เขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็เปิดเปลือกตาของเขาขึ้น ให้เขามองเห็นได้ชัด ๆ

หมอหลวงเมื่อเห็นว่าการกระทำของนางไม่ได้เป็นการคุกคามอะไรฮ่องเต้เซี่ยเจิน จึงผ่อนคลายลง

ทว่ามีเพียงฮ่องเต้เซี่ยเจินเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มที่มีเลศนัยของจี้จือฮวนนั้น นางกำลังหัวเราะเยาะที่เขาหาเหาใส่หัว และกำลังหัวเราะเยาะที่รัชสมัยของเขาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว

ในฐานะฮ่องเต้ เซี่ยเจินจะทนถูกคนเย้ยหยันเช่นนี้ได้อย่างไร เพียงแค่เห็นท่าทางสะใจของจี้จือฮวน เขาก็แทบอยากจะลุกขึ้นมาและบีบคอนางให้ตายด้วยน้ำมือของเขาเองแล้ว

ถังกั๋วกงมาถึงอย่างรวดเร็ว ไท่ซ่างหวงจึงพาเขาเข้าไปคุยภายในตำหนัก

เมื่อรับรู้การกระทำของฮ่องเต้เซี่ยเจินในวันนี้ ถังกั๋วกงก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ไท่ซ่างหวงทรงหมายความว่า…”

“บ้านเมืองไม่อาจขาดกษัตริย์ได้ อีกทั้งไม่ควรมีกษัตริย์ที่ไร้ความสามารถและศีลธรรม เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ควรทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ครรลองคลองธรรม ความหมายของข้าก็คือ ควรแต่งตั้งหวงไท่ซุน”

ถังกั๋วกงเข้าใจความตั้งใจของไท่ซ่างหวงดี แต่เขาก็เลือกที่จะพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เสียอารมณ์ออกมา

“พระราชนัดดายังทรงพระเยาว์ อีกทั้งฮ่องเต้เองก็ยังมีองค์ชายองค์อื่นที่เจริญพระชันษากว่า ยังไม่ต้องพูดถึงนิสัยของเซี่ยเซวียน องค์ชายรองกับองค์ชายห้าเองก็มีกองกำลังอยู่ในมือไม่น้อย หากจะสนับสนุนพระราชนัดดา เกรงว่าคงจะมีศึกที่ต้องต่อสู้อีกนะพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งฮ่องเต้ยังถูกพิษที่ตำหนักไท่จี๋ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคนอาจจะกลับผิดเป็นถูก คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระองค์และพระราชนัดดาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา ฮ่องเต้มักจะกลัวคนอื่นสงสัยว่าตัวเองได้บัลลังก์มาอย่างไม่ถูกต้องเป็นที่สุด สุดท้ายหากคนนี้ก่อจลาจล ก็เป็นคนนั้นที่บอกว่าตัวเองต่างหากที่สมควรขึ้นเป็นฮ่องเต้อย่างถูกต้อง เขาอายุมากแล้วจะปกป้องเซี่ยฉือไปได้นานเพียงใดกัน?

ในเมื่อจะสนับสนุนเซี่ยฉือ เช่นนั้นก็ต้องคิดหาทางออกเอาไว้ให้เขาด้วย

“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือให้ฮ่องเต้ออกหนังสือสำนึกผิด คืนความบริสุทธิ์ให้อดีตองค์รัชทายาท จากนั้นค่อยสนับสนุนพระราชนัดดาเป็นหวงไท่ซุนอย่างชอบด้วยเหตุผล แล้วแต่งตั้งขุนนางมาช่วยดูแลบ้านเมือง หรือไม่พระองค์ก็ทรงสละแรงกายแรงใจอีกสักหน่อย ทนลำบากอีกห้าหกปีว่าราชการแทนพระราชนัดดา”

ไท่ซ่างหวงมองหน้าเขา ในเมื่อถังกั๋วกงพูดออกมาเช่นนี้ ในใจย่อมต้องมีคนที่เลือกเอาไว้แล้วเป็นแน่

ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ให้ความสำคัญกับถังกั๋วกง อีกทั้งหลายปีมานี้ก็คอยกีดกันลูกศิษย์ของเขา ลูกศิษย์ของเขาส่วนใหญ่จึงถูกส่งตัวไปที่อื่น ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง

แต่วันนี้ไท่ซ่างหวงเรียกเขามาปรึกษาได้ แน่นอนว่าต้องเก็บตำแหน่งสำคัญในบรรดาขุนนางเพื่อคอยช่วยเหลือหวงไท่ซุนไว้ให้เขาอย่างแน่นอน

“ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายรองก็ได้รับบาดเจ็บ ชื่อเสียงก็เสียหายจนเกือบจะป่นปี้หมดแล้ว จึงเหลือเพียงองค์ชายห้าที่ยังนับว่าได้เรื่องได้ราวอยู่ ดังนั้นกระหม่อมจึงอยากจะขอแนะนำว่าให้แต่งตั้งเผยยวนเป็นเนี่ยเจิ้งอ๋อง*จนกว่าพระราชนัดดาจะว่าราชการเองได้พ่ะย่ะค่ะ”

* เนี่ยเจิ้งอ๋อง (摄政王) หมายถึง ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการที่ช่วยบริหารบ้านเมืองแทนกษัตริย์ที่ยังทรงพระเยาว์

ราชสำนักอันยิ่งใหญ่ที่ตกอยู่ในมือของฮ่องเต้เซี่ยเจิน มีสภาพอย่างในตอนนี้ ไท่ซ่างหวงจึงจำต้องเลือกแล้ว

เพราะเขาเคยให้โอกาสเซี่ยเจินแล้ว ดังนั้นจึงเกิดความผิดพลาดมหันต์เช่นนี้ ไท่ซ่างหวงจึงเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา “เจ้าไปจัดการเถอะ หนังสือสำนึกผิดสมควรให้เขาเขียนจริง ๆ”

ถังกั๋วกงได้ยินไท่ซ่างหวงพูดเช่นนี้ ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงแล้วเอ่ยขึ้นมา “คดีของอดีตองค์รัชทายาทนั้น กระหม่อมบังอาจรวบรวมหลักฐานส่วนหนึ่งเอาไว้ หากต้องการรื้อคดี เวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ก่อนหน้านี้ตำหนักบูรพาไม่มีผู้รอดชีวิต ไท่ซ่างหวงโมโหจนล้มป่วย ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ไม่อนุญาตให้เขาแทรกแซง เขาจึงสิ้นหวังกับคดีของอดีตองค์รัชทายาทเซี่ยอวี้ นี่นับเป็นคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ โดยคนที่อยู่เบื้อหลังก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาจะทำอะไรได้กัน วันนั้นที่เก็บหลักฐานเหล่านั้นเอาไว้ เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เอามาใช้ในวันนี้

ฮ่องเต้เซี่ยเจิน เซี่ยหยาง เซี่ยเซวียน เซี่ยซั่ว และกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ใครบ้างไม่อยากพุ่งเข้าไปฉีกกระชากเนื้อหนังของเซี่ยอวี้และกลืนกินเขาลงท้อง จากนั้นก็สาดน้ำโคลนใส่เขา

เจียงเต๋อถูกลากไปทรมานแล้ว ทางด้านคนสนิทของฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ควรจะจัดการได้เสียที

สุดท้ายก็ได้รู้อะไรมากมายจากปากของพวกเขา

จี้จือฮวนผละมาจากฮ่องเต้เซี่ยเจิน และให้หมอหลวงไปดูแลต่อ

ด้วยฝีมือของหมอหลวง เขาไม่สามารถขับพิษให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ เขาทำได้เพียงช่วยประคองอาการให้เท่านั้น บอกตามตรง จี้จือฮวนยังกลัวว่าเขาจะตายก่อนเสียด้วยซ้ำ หากเขาตายไปง่าย ๆ เช่นนี้แล้ว จะได้เห็นคดีของเซี่ยอวี้ถูกรื้อขึ้นมา เห็นอาฉือครองราชย์ได้อย่างไรกัน?

เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปจึงจะดี

เมื่อนางเปิดม่านออกมาก็เห็นไท่ซ่างหวงเรียกเผยยวนและเผยจี้ฉือเข้าไปคุย นางคิดในใจ ดูท่าคงจะรื้อคดีเซี่ยอวี้ขึ้นมาแล้วกระมัง

แต่การรื้อคดีขึ้นมา ทางที่ดีไม่ควรให้ถังกั๋วกงเป็นคนยื่น หากจะยื่น…ก็ควรให้เซี่ยหยางผู้เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในคดีนี้สารภาพออกมาเอง

จี้จือฮวนเดินออกไปนอกตำหนักและผิวปากขึ้นไปบนท้องฟ้า หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อก็กระพือปีกและบินมาตรงหน้านาง จี้จือฮวนโอบมันเอาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ไปที่ตำหนักด้านข้างเพื่อหาพู่กันและกระดาษ เขียนตัวหนังสือลงไปหนึ่งแถวแล้วให้มันเอาไปส่ง

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม หลิวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ตำหนักขององค์ชายรอง

ในเมื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่มีประโยชน์แล้ว เก็บเขาเอาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ ไท่ซ่างหวงจึงให้คนรีบพาฮ่องเต้เซี่ยเจินส่งกลับวังไปอย่างเปิดเผย และเรียกหมอหลวงทั้งหมดมาตรวจดูอาการ ขณะเดียวกันก็มีข่าวซุบซิบแพร่งพรายออกไป บอกว่าฮ่องเต้กลัวว่าไท่ซ่างหวงจะก้าวก่ายเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่ไท่ซ่างหวงสนับสนุนเผยยวน จึงทำให้ฮ่องเต้เกิดความหวาดกลัวถึงกับวางยาพิษไท่ซ่างหวงด้วยพระองค์เอง สุดท้ายกลับเผลอดื่มยาพิษลงไปเสียเอง

ไท่ซ่างหวงทรงเป็นพระราชบิดาที่มีเมตตา ยังเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้ จึงคอยอยู่ในห้องบรรทมดูแลฮ่องเต้ด้วยพระองค์เอง และสั่งให้หมอหลวงรักษาอย่างเต็มที่