บทที่ 362 โต้เถียง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 362 โต้เถียง
บทที่ 362 โต้เถียง

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่?” ในขณะเดียวกับที่ทุกคนกำลังตกตะลึง จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น

“อาจารย์ใหญ่เจียง!”

อาจารย์และนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างต่างโค้งคำนับนางอย่างรวดเร็ว รวมทั้งไป๋ซู่ซู่และลู่เต๋อที่เห็นได้ชัดว่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นนาง

ยกเว้นคนเพียงคนเดียวคือซูอัน ที่มองไปยังต้นขาของนางก่อนเป็นอันดับแรก

ว้าว…! มันยังยาวและเรียวสวยเช่นเคย อ่า…ข้าไม่สามารถหาข้อบกพร่องแม้แต่ข้อเดียวของขาคู่นั้นได้ นางไม่ได้สวมถุงน่องตามปกติ แต่ผิวของนางเปล่งประกายระยิบระยับจนดูโดดเด่นกว่าที่เคย

ซูอันดีใจที่เขาไม่เหมือนเว่ยสั่ว ผู้ซึ่งพอใจเมื่อเห็นถุงน่องของเจียงลั่วฝูเท่านั้น แค่ขาคู่สวยและได้สัดส่วนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่น

“อาจารย์ใหญ่เจียง ไม่ใช่ว่าข้าต้องการสร้างปัญหา แต่เจ้าเด็กนั่นพยายามจะฆ่านายน้อยของข้าก่อน จากกฎที่ข้ารู้ การพยายามเอาชีวิตนักศึกษาร่วมสถาบันถือเป็นโทษประหารชีวิต!” ซือเล่อจื่อกล่าว

เจียงลั่วฝูพยักหน้าเป็นคำตอบ “ใช่ มันเป็นโทษประหารชีวิตจริง ๆ ซูอัน เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?”

นักศึกษาคนอื่น ๆ มองไปที่ซูอันอย่างลุ้นระทึก

“ข้าเห็นซูอันทำแบบนั้นจริง ๆ! เขากล้าดียังไงจะฆ่านายน้อยซือ?”

“นั่นสิ! เขาไม่รู้ตัวใช่มั้ยว่าต่อหน้านายน้อยซือเขาก็เป็นเพียงมดปลวก?”

“แล้วทำไมเขาไปหลบหลังคุณหนูฉู่ล่ะ? ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้ชายควรพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง!”

นักศึกษาชายหลายคนพยักหน้าเห็นด้วย ถ้าเจ้าได้รับพรจากขาที่สามยักษ์ให้พิชิตใจสาวงามได้มากมาย ทำไมเจ้าไม่ลองทำแบบนั้นกับอาจารย์ใหญ่เจียงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วด้วยล่ะ?

ซูอันพูดไม่ออกเพราะคะแนนความโกรธแค้นที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จริง ๆ แล้วพวกเจ้าควรอิจฉาซือคุนไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงมาเกลียดข้าแทนล่ะ?

แม้ว่าเขาจะบ่นในใจ แต่ชายหนุ่มก็ค่อนข้างพอใจกับมัน ยังไง ๆ สุดท้ายความไม่พอใจจากพวกเจ้าก็ล้วนเป็นคะแนนความโกรธแค้นอันล้ำค่าสำหรับข้า!

“อาจารย์ใหญ่เจียง ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับสิ่งที่ตาแก่นั่นพูดว่าการพยายามเอาชีวิตนักศึกษาร่วมสถาบันสมควรได้รับโทษประหารชีวิต!” ซูอันตอบกลับ

“ถ้างั้นเจ้ายอมรับในความผิดของเจ้าแล้วใช่ไหม?” เจียงลั่วฝูถามอย่างเย็นชา

จี้เสี่ยวซีและคนอื่น ๆ กังวลเมื่อได้ยินเสียงที่เยือกเย็นของเจียงลั่วฝู แต่ ซูอันรู้ดีว่าอาจารย์ใหญ่เจียงให้โอกาสเขาอธิบายแม้น้ำเสียงของนางจะเฉียบขาด ถ้านางต้องการจะจับเขาจริง ๆ นางสามารถเอาผิดเขาได้ทันที

“ข้าโจมตีเพราะข้าโกรธที่ซือคุนส่งลูกน้องของมันมาเอาชีวิตข้าในมิติลับหยกจรัส ซึ่งข้าเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด” ซูอันตอบอย่างใจเย็น

“น่าขยะแขยงที่สุด! ทุกคนรู้ว่าเฉพาะนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในมิติลับ และอาจารย์ใหญ่ เจียงเป็นผู้เลือกพวกเขาด้วยตัวเอง ตระกูลใดจะสามารถส่งผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปในมิติลับได้? เจ้ากำลังพยายามตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่เจียงอยู่งั้นเหรอ?”

ก่อนที่พวกจากตระกูลซือจะตอบโต้ อู๋ฉิงก็ได้พูดแทรกแล้ว นางคิดว่าซูอันน่ารังเกียจอย่างยิ่ง และโดยเฉพาะที่เขาเป็นสามีของฉู่ชูเหยียน รวมไปถึงเรื่องที่เขาเคยรังแกนางมาก่อนหน้านี้

แม้ว่าอู๋ฉิงจะไม่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่คำพูดของนางก็สมเหตุสมผลดีและถูกใจนักศึกษาหลายคน

ซูอันตอบกลับอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ไม่มีทางที่ข้าจะสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของอาจารย์ใหญ่เจียง อย่างไรก็ตาม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลซือติดสินบนนักศึกษาของเราล่วงหน้า? หลายคนที่โจมตีข้าก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนักศึกษาจากชั้นเรียนปฐพีซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะกำลังปฏิบัติตามคำสั่งจากบุคคลเดียวกันทั้งหมด”

“อย่างนั้นเหรอ?” เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว นางได้รับรายงานแล้วว่ามีการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเกิดขึ้นในมิติลับครั้งนี้อย่างไม่มีเหตุผลโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ๆ นี่ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง ซึ่งนางจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อทางการต่อไป

อู๋ฉิงก็เงียบเช่นกัน การที่เกิดมาจากตระกูลใหญ่ นางรู้ว่านอกเหนือจากตระกูลซือ แม้แต่ตระกูลอู๋ของนางเองก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาในสถาบันจันทร์กระจ่างด้วย มีนักศึกษาจำนวนมากที่ไม่มีทั้งอำนาจและภูมิหลัง ซึ่งทำให้ตระกูลใหญ่อย่างนางสามารถควบคุมและใช้งานพวกเขาได้อย่างง่ายดาย…

เมื่อถึงตอนนี้ ซือคุนก็หายจากอาการตกใจในที่สุด เขาเริ่มตอบโต้ “เรื่องโกหกทั้งนั้น! ตระกูลซือของเราไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น! เจ้าคงจะพบสมบัติล้ำค่าบางอย่างในมิติลับหยกจรัสพร้อมกับนักศึกษาพวกนั้น และของล้ำค่าได้กระตุ้นความโลภของเจ้า ทำให้เจ้าไม่อยากแบ่งสมบัติกับใคร ดังนั้นเจ้าจึงใช้โอกาสที่ทุกคนเผลอ ฆ่าพวกเขาทิ้งและโยนความผิดให้กับข้า!”

คนรู้จักที่ใกล้ชิดหลายคนของตระกูลซือได้พยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของซือคุน นอกจากเซี่ยซิว เพ่ยเหมียนหมาน และเจิ้งตานที่รู้ความจริงอยู่แล้ว นักศึกษาส่วนใหญ่คิดว่าคำกล่าวของซือคุนค่อนข้างน่าเชื่อถือ

ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของเหล่านักศึกษา ซือคุนก็เป็นสุภาพบุรุษที่หล่อเหลา และทรงคุณธรรม ในขณะที่ซูอันเป็นเหมือนคนปลิ้นปล้อน ขี้โกง จิตใต้สำนึกพวกเขาจึงค่อนข้างจะเชื่อถือคำพูดของซือคุนมากกว่า

ซูอันขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาไม่มีหลักฐานว่าเกิดอะไรขึ้นในมิติลับหยกจรัสเพราะคนส่วนใหญ่ที่อยู่ร่วมกันในเหตุการณ์ต่างก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว เป็นเพราะเหตุนี้ ซือคุนจึงได้ตัดสินใจที่จะหนีโดยทิ้งพวกเขาไว้ในมิติลับ เพราะรู้ว่าจะไม่มีหลักฐานเหลือทิ้งไว้เบื้องหลัง

เฉียวเสวี่ยอิงกำลังอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูอันได้หยุดนางไว้ เขารู้ว่าตระกูลซืออาจจะกุมความลับหรือจุดอ่อนบางอย่างของเฉียวเสวี่ยอิง เอาไว้เพื่อให้แน่ใจว่านางอยู่ภายใต้การควบคุม ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ต้องการให้นางอยู่ในจุดเสี่ยง

นอกจากนี้ แม้ว่าเฉียวเสวี่ยอิงจะให้การเข้าข้างเขามันก็ไม่สำคัญเพราะซือคุนก็สามารถปฏิเสธได้เช่นเดียวกัน…

ในทางกลับกัน แววตาของซือคุนก็วาววับเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฉียวเสวี่ยอิงยังมีชีวิตอยู่ แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะเผชิญหน้ากับนาง เขาเลือกที่จะมุ่งความสนใจไปที่ซูอันแทนโดยกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้ทำให้พวกเขาลดความระมัดระวังตัว ผู้บ่มเพาะระดับสามอย่างเจ้าจะทำให้ผู้บ่มเพาะระดับสี่จากชั้นเรียนปฐพีบาดเจ็บได้ยังไง?”

ซูอันรู้สึกขบขันที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น “เจ้าก็กล้าที่จะพูดออกมานะ ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับห้าใช่มั้ย? แต่ถ้าเมื่อกี้ตาแก่รับใช้ของเจ้าไม่เข้ามาช่วยเจ้าเอาไว้ เจ้าคงถูกข้าฆ่าเหมือนลูกหมาที่ทำอะไรไม่ถูกภายใต้คมดาบของข้าไปแล้ว!”

“เจ้า!” ซือคุนหน้าแดงอย่างอับอาย จนถึงตอนนี้ เขายังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมซูอันถึงสามารถฟันกระบี่ของเขาให้หักได้ ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่อัปยศอย่างมากที่ซูอันสามารถต้อนเขาจนมุมต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก

ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 888!

ในขณะเดียวกัน เปลือกตาของซือเล่อจื่อกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า ‘ตาแก่รับใช้’ เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นผู้รับใช้ของตระกูลซือจริง ๆ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เขาก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปด แม้แต่ตระกูลซือก็ยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ทว่า…ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้กลับพูดคำว่า ‘ตาแก่รับใช้’ อย่างเต็มเสียงราวกับว่าต้องการดูถูกเหยียดหยามเขา!

“ไอ้เด็กเวร! แกกำลังรนหาที่ตาย!” เขาคำรามด้วยความโกรธ แล้วพุ่งเข้าหาซูอัน

ท่านยั่วยุซือเล่อจื่อสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

เจียงลั่วฝูก้าวออกไปยืนขวางระหว่างพวกเขาสองคน นางไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ความตั้งใจของนางชัดเจน นางไม่มีทางยอมให้บุคคลภายนอกมาจัดการกับนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่างโดยไม่ได้รับอนุญาต

ซือเล่อจื่อโกรธจัด แม้ว่าเขาและนางจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดทั้งคู่ แต่เขารู้ดีว่าเจียงลั่วฝูอายุน้อยกว่า และนางพิเศษกว่าผู้บ่มเพาะระดับแปดทั่วไป ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ในความแข็งแกร่งของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะล่วงเกินผู้หญิงลึกลับคนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอยหลังออกมา

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซูอันถึงเป็นที่รู้จักในนาม เจ้าแห่งแมงดา ในสถาบันจันทร์กระจ่าง เขามีผู้หญิงที่คอยยืนหยัดเพื่อเขาเสมอ!

ในขณะเดียวกัน ฉู่ชูเหยียนก็ก้าวเข้ามาและพูดขึ้นเช่นกัน “ข้าสามารถเป็นพยานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติลับได้ ในตอนนั้นถึงแม้ข้าจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่านักศึกษาจากชั้นเรียนปฐพีไล่ล่าอาซูยังไง แต่สำหรับ ซือคุนแล้ว เขาพยายามจะฆ่าเราทั้งคู่อย่างแน่นอน!”

ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ส่ายหัวด้วยความผิดหวังกับความซื่อตรงจนเกินไปของภรรยา นางสามารถยืนยันว่านางเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้ และทุกคนก็จะเข้าข้างนางอย่างไม่ลังเล

เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ท่ามกลางฝูงชนทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเพลิดเพลินกับการชมเหตุการณ์ แต่เมื่อรู้ว่าฉู่ชูเหยียน เคยถูกตามฆ่า มันก็ทำให้พวกเขาโกรธ

เจ้ากล้าดียังไงคิดจะฆ่าเทพธิดาของเรา? เราจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดตัวไป ไม่ว่าเจ้าจะหล่อแค่ไหน!

เซี่ยซิวคลี่พัดของเขาและเดินออกมาด้านหน้าฝูงชนโดยกล่าวว่า “คุณหนูฉู่ จากสิ่งที่ข้ารู้ นายน้อยซือน่าจะอ่อนแอกว่าท่านเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมีลูกน้องคอยช่วยเหลือ แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำอะไรท่านได้มากนัก”

นี่เป็นข้อสงสัยเดียวกันกับที่อยู่ในใจหลาย ๆ คน พวกเขาจ้องมองฉู่ชูเหยียนอย่างสงสัยว่านางจะตอบกลับคำถามนี้อย่างไร