ตอนที่ 371 จับกุมสมณะกลุ่มนี้ไว้ก่อน

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 371 จับกุมสมณะกลุ่มนี้ไว้ก่อน

ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว เซ่าซานเสิ่งเดินตามเซ่าผิงปอเข้าไปในห้องหนังสือ

กระทั่งเซ่าผิงปอนั่งลงไปแล้ว เซ่าซานเสิ่งจึงยกน้ำชามาให้พลางรายงานว่า “ได้รับข่าวจากทางคุณหนูซูแล้วขอรับ ช่วงนี้องค์หญิงใหญ่พระธิดาฮ่องเต้แคว้นฉีวิวาห์กับบุตรชายของแม่ทัพบัญชาการแคว้นฉี งานมงคลครึกครื้นยิ่งนัก ซีย่วนต้าอ๋องอาจจะเรียกตัวนางไปเข้าร่วมได้ตลอดเวลา จึงไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ขอรับ”

เซ่าผิงปอฟังแล้วเงียบไป แม้ว่าเหตุผลนี้จะสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ แต่เขาเป็นคนที่มีสัญชาตญาณเฉียบไวในเรื่องราวต่างๆ เขารู้สึกว่าท่าทีของซูจ้าวเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

แต่ก่อนทันทีที่ซูจ้าวได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเขา อีกฝ่ายจะต้องพยายามคิดหาวิธีมาหาให้ได้ ครั้งก่อนตอนที่สังหารพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก ซูจ้าวก็นำเอาวิหคยักษ์ของหอจันทร์กระจ่างเร่งเดินทางมาช่วยเหลือเขาเป็นการส่วนตัวอย่างไม่นึกเสียดายเลย

ครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือไม่

แต่ปากกลับเอ่ยเนิบๆ ไปว่า “หลังงานวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้ว เฮ่าอวิ๋นถูคงวางใจไร้กังวลกับสถานการณ์ในแคว้นฉีไปสักระยะเลยทีเดียว เฮ่าอวิ๋นถู ฮ่องเต้ผู้ฟื้นฟูแคว้นฉี!”

สำหรับเรื่องวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเฮ่าอวิ๋นถูและฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ทางนี้ได้รับข่าวมานานแล้ว สำนักเขามหายานไม่ถึงขั้นที่ปิดกั้นข่าวสารเช่นนี้จากเขา

เรื่องนี้ถูกปล่อยผ่านไปไม่ได้เอ่ยถึงอีก เขามองไปยังแผนที่อีกครั้ง “ช่วงนี้ความเร็วของขบวนเรือช้าลงไปมาก”

เซ่าซานเสิ่งตอบว่า “ระยะนี้เผชิญมรสุมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสูญเสียเรือไปหลายลำด้วยขอรับ เพราะเหตุนี้ความเร็วถึงล่าช้าลง ตอนนี้สูญเสียเรือไปทั้งสิ้นสิบสองลำ เสียม้าศึกไปนับพันตัวแล้วขอรับ เฮ้อ!”

ม้าศึกสามหมื่นตัว ขนส่งทางบกก็ยังเลี่ยงความเสียหายไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขนส่งทางทะเลเลย แต่สิ่งที่เซ่าผิงปอกังวลมิใช่เรื่องนี้ เขาลุกขึ้นมา เดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่ ยกมือไพล่หลังพลางเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ก็ยังราบรื่นดี ไฉนพอใกล้เข้ามาแล้วถึงติดขัดอย่างต่อเนื่องเล่า จะเกิดปัญหาใดขึ้นหรือไม่?”

เซ่าซานเสิ่งทราบดีว่าความผิดปกติใดๆ ล้วนแต่ทำให้คุณชายท่านนี้เกิดความสงสัยได้ทั้งสิ้น “สภาพอากาศในทะเลแปรปรวน ยากจะเลี่ยงความติดขัดล่าช้าได้ นับว่าปกติมากขอรับ”

“แต่ติดขัดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้…หรือว่าจะเข้าเขตมรสุมแล้ว?” เซ่าผิงปอหันไปถาม

เซ่าซานเสิ่งพูดไม่ออก กระทั่งเรื่องราวที่อยู่บนบกยังไม่อาจทราบได้กระจ่างชัด เรื่องราวทางทะเลยิ่งคอยจับตาดูได้น้อยกว่า อีกทั้งเขาก็มิใช่ผู้ทรงปัญญาถึงเพียงนั้น จึงยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยไปว่า “บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ”

เซ่าผิงปอสั่งว่า “เจ้าลองไปหาดูมีว่าคนที่เดินเรือผ่านเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำหรือไม่ ไปลองสอบถามดูสักหน่อย”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งรับคำสั่งไป

….

ณ จังหวัดชิงซาน ม้าหลายสิบตัวควบผ่านเข้าเมืองมา

นอกจวนผู้ว่าการจังหวัด พวกซางเฉาจงที่ได้รับข่าวออกมารอต้อนรับด้วยตัวเอง เผิงโย่วไจ้เจ้าสำนักหยกสวรรค์พาเหล่าสมาชิกระดับสูงของสำนักมาด้วยตัวเอง

เฟิงเอินไท่ที่กลับมาจากแคว้นฉีตั้งนานแล้วก็มาด้วย ทั้งคณะเข้าสู่จวนผู้ว่าการจังหวัด

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งคณะออกมาอีกครั้ง หนนี้มีพวกซางเฉาจงติดตามออกจากเมืองไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังหุบเขาที่นอกตัวเมือง

เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาที่ได้รับข่าวรีบออกมารอต้อนรับที่ปากทางเข้าหุบเขา ต้อนรับพวกเผิงโย่วไจ้ที่ลงจากม้า แล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน

พวกเฟ่ยฉางหลิงเชิญพวกเขาไปพักดื่มชาที่สำนัก แต่เผิงโย่วไจ้ยกมือปราม “จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนั้น คุยกันที่นี่เถอะ” เขาชี้ไปยังพื้นที่ผลิตสุราด้านหน้าแล้วเดินนำลิ่วไปด้วยตัวเอง

ในที่แห่งนี้เขาใหญ่ที่สุด ทุกคนได้แต่ต้องทำตามที่เขาสั่ง

นอกถ้ำที่ใช้ผลิตสุรา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปตามอำเภอใจ ทุกคนจึงยืนอยู่นอกถ้ำ

เมื่อได้กลิ่นสุรา เผิงโย่วไจ้จ้องมองบริเวณปากถ้ำอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันมาถาม “ผ่านไปสองสามเดือนแล้ว ไม่มีข่าวคราวใดๆ จากหนิวโหย่วเต้าเลย ท่านอ๋องก็ไม่ได้รับรายงานลับใดๆ เช่นกัน เจ้าสำนักทั้งสาม สรุปแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่”

เจ้าสำนักทั้งสามสบตากันเล็กน้อย เฟ่ยฉางหลิวส่ายหน้า “เอ่ยไปว่าพวกเราก็ไม่ทราบเช่นกัน หากมีข่าวมา พวกเราย่อมแจ้งให้ท่านอ๋องทราบแต่แรกแล้ว”

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “เจ้าล้อเล่นอยู่หรือไร? ศิษย์ในสามสำนักของพวกเจ้าน่าจะติดตามอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้ากันหมดมิใช่หรือ? ศิษย์ในสำนักมีมากมายถึงเพียงนั้น แต่ไม่ได้ติดต่อกับพวกเจ้ามาหลายเดือนแล้ว จะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ”

เซี่ยฮวาเอ่ยว่า “เจ้าสำนักเผิง เรื่องนี้พวกเราร้อนใจยิ่งกว่าท่านเสียอีก ศิษย์หัวกะทิหลายร้อยคนจากสำนักของพวกเราขาดการติดต่อไป พวกเราก็อยากรู้เช่นกันว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ติดต่อไม่ได้จริงๆ”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ซางซูชิงที่อยู่ด้านข้างก็ร้อนใจอย่างมากเช่นกัน ทุกคนล้วนกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายอันใดขึ้นหรือ ไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดถึงไม่มีข่าวคราวสักนิดเลยเล่า?

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “พวกเจ้าสามสำนักและหนิวโหย่วเต้าให้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ของข้ากลับมา รับผิดชอบเรื่องม้าศึกไว้เอง ตอนนี้กลับให้คำอธิบายไม่ได้ ทำให้งานใหญ่ล่าช้า พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?”

เจ้าสำนักทั้งสามลอบกัดฟันกรอด เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการตัดสินใจของหนิวโหย่วเต้า แต่คนผู้นี้กลับจะไล่เบี้ยเอากับทั้งสามสำนักให้ได้ ต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่

เจิ้งจิ่วเซียวประสานมือคำนับไปทางเฟิงเอินไท่ “พี่เฟิง ท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหนิวโหย่วเต้า สรุปแล้วเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ท่านน่าจะรู้ดีกว่าพวกเรากระมัง?”

เผิงโย่วไจ้ได้ยินก็เหลือบมองศิษย์น้องของตน เฟิงเอินไท่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเราถูกพวกเจ้าไล่กลับมาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? สมควรเป็นข้าที่ต้องถามพวกเจ้าถึงจะถูก”

เผิงโย่วไจ้เอ่ยว่า “เจ้าสำนักทั้งสาม มีข่าวมาจากทางเมืองหลวงแคว้นฉี แจ้งว่าหนิวโหย่วเต้าและลิ่งหูชิวถูกราชสำนักแคว้นฉีจับกุมไปพร้อมกัน เป็นความจริงหรือไม่?”

เฟ่ยฉางหลิวประสานมือเอ่ยกับซางเฉาจงในทันใด “ท่านอ๋อง นั่นเป็นข่าวลือแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หลังเกิดข่าวลือขึ้น หนิวโหย่วเต้าได้ส่งข่าวมาหาครั้งหนึ่ง บอกให้พวกเราอดทนรอคอย เรื่องนี้พระองค์ก็ทราบมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? หากถูกจับกุมไป จะสามารถส่งข่าวมาหาพวกเราได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ต่อให้ทางนี้ทราบว่าเกิดเหตุขึ้นกับหนิวโหย่วเต้าก็ไม่มีทางยอมรับอยู่ดี ทันทีที่ยอมรับ เกรงว่าสำนักหยกสวรรค์ต้องนำมาเล่นงานแน่นอน

ซางเฉาจงมีสีหน้าเคร่งเครียด สำนักหยกสวรรค์มาครานี้มิได้มีเจตนาดีเลย เห็นได้ชัดว่าคิดจะฉวยโอกาสก่อเรื่อง

เผิงโย่วไจ้เอ่ยว่า “ได้ยินว่าคนของหงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉีมาถึงที่นี่แล้ว ส่งคนไปเรียกมาสอบถามเถอะ”

เส้นทางบกถึงเร็วกว่าเส้นทางทะเล คนของสวนไม้เลื้อยที่แยกกันเดินทาง นอกจากบางส่วนที่ยังติดภารกิจอยู่ คนที่เหลือต่างทอยเดินทางมาถึงที่นี่อย่างลับๆ แล้ว

ขณะที่เผิงโย่วไจ้กำลังเอ่ยปากอีกครั้ง จางเหล่าซานแห่งสวนไม้เลื้อยก็มาถึง

เขาเป็นชายฉกรรจ์ที่ดูทื่อๆ เหมือนตอไม้ หลังมาถึงก็ประสานมือคำนับทุกคน

หลังจากรับทราบปัญหาแล้ว จางเหล่าซานเอ่ยเสียงเรียบว่า “ทุกคนแทบจะถามคำถามนี้กับข้าทุกวัน ข้ายังคงยืนยันตามที่เคยกล่าวไป ข้าก็ติดต่อพวกนายหญิงไม่ได้เช่นกัน ขอตัวก่อน!” กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป

เฉินถิงซิ่วผู้อาวุโสของสำนักหยกสวรรค์ร้องถามทันที “ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

จางเหล่าซานไม่สนใจเขา ยังคงเดินต่อไป

“เจ้า…” เฉินถิงซิ่วกำลังจะโวยวาย แต่เผิงโย่วไจ้กลับยื่นมือไปขวางไว้

“หยวนฟางเล่า? เขาเป็นคนสนิทของหนิวโหย่วเต้า เขาน่าจะรู้กระมัง? ไปตามตัวมา” เผิงโย่วไจ้เอ่ยสั่งอีกครั้ง

ผ่านไปสักพัก หยวนฟางที่ถูกคนตามตัวมา พอได้ยินเรื่องนี้ก็ถอนหายใจทันที จากนั้นเอ่ยไปว่า “นี่พวกเจ้าแสร้งถามทั้งทีรู้ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ? พวกเจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ หลายวันมานี้มีวันไหนบ้างที่ข้าไม่ร้อนใจ ข้าก็ติดต่อพวกเต้าเหยี่ยไม่ได้เช่นกัน!” เรื่องนี้ทำให้เขาร้อนใจมากจริงๆ

เผิงโย่วไจ้จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าไม่อาจพูดเหลวไหลได้ หากพูดจาเหลวไหลจะต้องรับผิดชอบการกระทำ”

หยวนฟางถลึงตาใส่ “เจ้าสำนักเผิง ข้าไม่ได้กินยาผิดสำแดงมา ข้าไหนเลยจะนำเรื่องเช่นนี้มาเอ่ยเหลวไหลได้?”

เผิงโย่วไจ้ผงกหัวให้ “ดี! เจ้ากล้ารับผิดชอบคำพูดของเจ้าหรือไม่เล่า?”

หยวนฟางตบอกผางๆ เอ่ยไปว่า “ข้าย่อมกล้ารับผิดชอบ ข้าไม่จำเป็นต้องพูดเหลวไหล!”

เผิงโย่วไจ้โบกมือสั่งการ “จับกุมสมณะกลุ่มนี้ไว้ก่อน”

มีคนพุ่งออกมาจากรอบข้างทันที หยวนฟางตั้งตัวไม่ทัน จึงถูกคุมตัวไว้

หยวนฟางที่ถูกคุมตัวตะโกนขึ้นมาทันที “เจ้าสำนักเผิง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “เอาไว้พิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่ได้โป้ปด ข้าย่อมปล่อยตัวเจ้าไป!”

พอเห็นว่าเหล่าศิษย์สำนักหยกสวรรค์แยกย้ายกันไปจับกุมตัวเหล่าสมณะวัดหนานซานของตน หยวนฟางก็ร้องตะโกนไปทางซางเฉาจงทันที “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”

ขณะที่ซางซูชิงกำลังจะก้าวออกไปช่วยพูดให้ หลานรั่วถิงที่อยู่ด้านข้างก็ยื่นมือออกไปขวางเล็กน้อย ส่ายหน้าให้ซางซูชิงนิดๆ สื่อว่าไม่ให้นางบุ่มบ่าม

ซางเฉาจงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงจริงจัง “เจ้าสำนักเผิง เช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง?”

เผิงโย่วไจ้หันไปเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง เรื่องม้าศึกล่าช้ามานานมากแล้ว จะต้องล่าช้าไปอีกนานแค่ไหน? หนิวโหย่วเต้าใช้เวลาไปนานขนาดนี้ จู่ๆ ก็เงียบหายไร้ข่าวคราว ซ้ำยังไล่ศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์กลับมา หากว่าเขาหนีหายไปเช่นนี้ ศิษย์สำนักหยกสวรรค์มิต้องถ่อไปตั้งต้นที่แคว้นฉีใหม่อีกครั้งหรือ? โจวโส่วเสียนผู้ว่าการมณฑลหนานโจวเริ่มดำเนินการอย่างเงียบๆ แล้ว หากเกิดเหตุขึ้นมา จะมีผู้ใดรับผิดชอบได้? หากหนิวโหย่วเต้าหนีหายไป หรือจะให้ปล่อยลูกน้องเขาหนีไปด้วยเล่า?”

ซางเฉาจงขบกรามแน่น เขาอยากถามเหลือเกินว่าเรื่องม้าศึกเป็นผู้ใดเล่าที่โยนความรับผิดชอบทั้งหมดใส่หัวหนิวโหย่วเต้า สำนักหยกสวรรค์ได้รับกำไรไปมากมายแล้วทำประโยชน์อันใดได้บ้าง?

ทว่าในยามนี้ ถ้อยคำบางอย่างยังไม่อาจกล่าวออกไปได้ เนื่องจากยังไม่ปีกกล้าขาแข็งพอ!

เหล่าสมณะวัดหนานซานไหนเลยจะสู้ผู้บำเพ็ญเพียรสำนักหยกสวรรค์ได้ ไม่นานก็ถูกจับตัวไว้ทั้งหมด หยวนฟางที่ร้องโวยวายเองก็ถูกอุดปากเอาไว้

สีหน้าของเจ้าสำนักทั้งสามตึงเครียด ทว่าไม่อาจปะทะกับสำนักหยกสวรรค์ได้

ตอนนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนมองออกแล้วว่าข้ออ้างสารพัดที่ยกมากล่าวอ้างเป็นเรื่องเสแสร้งทั้งเพ สำนักหยกสวรรค์พุ่งเป้าไปที่เหล่าสมณะวัดหนานซาน เพราะพวกหยวนฟางรู้สูตรลับในการผลิตสุรา

เฟ่ยฉางหลิวกล่าวว่า “เจ้าสำนักเผิง ตอนนี้ทางหนิวโหย่วเต้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใดก็ยังไม่รู้ ท่านมาจับตัวคนของเขาไปในยามนี้ไม่เหมาะสมเลย มิสู้เอาเช่นนี้เถิด สมณะเหล่านี้ยกให้พวกเราสามสำนักดูแล พวกเราสามสำนักรับประกันว่าเขาไม่มีทางหลบหนีแน่นอน หากว่าหนีไป พวกเราสามสำนักจะรับผิดชอบเอง!”

“ใช่แล้ว!” เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาตอบรับพร้อมเพรียง

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “ไม่จำเป็น พวกเจ้าอยู่ฝ่ายเดียวกัน หากพวกเจ้าหนีไปด้วยกันข้าจะไปหาผู้ใดได้เล่า?”

เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยว่า “ท่านทำเช่นนี้ หากหนิวโหย่วเต้ากลับมาพวกเราจะอธิบายได้อย่างไร? เจ้าสำนักเผิงอย่าได้ลืมเสียเล่าว่าสูตรลับในการผลิตสุราเป็นของหนิวโหย่วเต้า หากยั่วโทสะเขาเข้า ทำให้เขาเผยแพร่สูตรลับผลิตสุราออกไป ช่องทางรายได้นี้คงไม่มีกำไรอีก!”

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “พวกเจ้าคิดมากไปแล้ว! สำนักหยกสวรรค์ของเรามิใช่คนไร้เหตุผล สิบวัน! ให้เวลาพวกเจ้าติดต่อกับเขาภายในสิบวัน ภายในสิบวันนี้สามารถส่งข่าวออกไปถามไถ่ได้ทั่วทุกมุมในใต้หล้า ขอเพียงพวกเจ้าสามารถติดต่อหนิวโหย่วเต้าได้ แล้วก็ให้เขามอบคำอธิบายมา ข้าจะปล่อยตัวคนทันที! หากว่ายังไม่สามารถติดต่อได้ หรือจะให้ทุกคนมานั่งจับเจ่าเฝ้ารอเขาอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ยังมีเรื่องราวอีกมากน้อยเท่าไรที่รอให้จัดการอยู่? ให้เวลาสิบวัน หากไม่มีคำตอบให้ข้าภายในสิบวัน สำนักหยกสวรรค์ของข้าจะส่งศิษย์ออกไปจัดการเรื่องม้าศึกที่เมืองหลวงแค้วนฉีอีกครั้ง! ทุกท่านรักษาตัวด้วย ขอตัวก่อน! ท่านอ๋อง กลับไปพร้อมกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” เขาผายมือเชิญซางเฉาจง

ทั้งคณะมาเร็วไปเร็วนัก พวกหยวนฟางก็ถูกคุมตัวไปด้วย

สีหน้าของเจ้าสำนักทั้งสามดูแย่เป็นอย่างมาก ซางซูชิงกัดริมปากเงียบงัน

เซี่ยฮวาเอ่ยด้วยความโมโห “พวกเขามาเพื่อสูตรลับ คิดจะบีบบังคับเอาสูตรลับไปครอบครอง หลังจากนี้ต่อให้หนิวโหย่วเต้ากลับมา หรือต่อให้หนิวโหย่วเต้าจัดการเรื่องม้าศึกได้สำเร็จ เรื่องส่วนแบ่งผลกำไรเกรงว่าคงไม่สามารถแบ่งตามสัดส่วนเดิมได้อีก”

ทุกคนเข้าใจความคิดของนางดี เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้หนิวโหย่วเต้ายกเรื่องเปิดเผยสูตรลับมาข่มขู่ อีกฝ่ายก็สามารถเหตุผลใช้อำนาจมาคุกคามทางฝั่งพวกเขาได้เช่นกัน บีบบังคับให้พวกเขาต้องยอมเจรจาเรื่องส่วนแบ่งใหม่ ยินยอมที่จะได้รับผลประโยชน์น้อยลงแล้วจบเรื่องไป หรือว่าต้องการดึงดันจนเสียหายกันไปทั้งสองฝ่ายเล่า?

แต่หากว่าเกิดเหตุขึ้นจนหนิวโหย่วเต้ากลับมาไม่ได้แล้วจริงๆ สำนักหยกสวรรค์ที่ได้สูตรลับไปครอบครองก็ไม่มีความเสียหายอะไรเช่นกัน สามารถถีบหัวส่งทางนี้แล้วไปผลิตสุราเอาเองได้ ยังได้ประโยชน์เหมือนเดิม

เฟ่ยฉางหลิวกันฟันเอ่ยไปว่า “ตอนนี้ปล่อยให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสไปเสียแล้ว สรรหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลมาแล้ว เราจะทำอะไรได้เล่า?”

…………………………………………….