บทที่ 368 คนทั้งหลายพุ่งเป้าไปยังยู่หลิวซู

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 368 คนทั้งหลายพุ่งเป้าไปยังยู่หลิวซู

“……แล้วได้ถูกฉินหลิงเจียวพบเข้า ดังนั้นก่อนที่ฉินหลิงเจียวยังไม่ได้หนีออกจากวัด นางก็ได้จับตัวฉินหลิงเจียวมาที่ห้องของตัวเอง ผ่านการทรมานที่เหี้ยมโหดมาได้สองสามวัน ก็นำฉินหลิงเจียวที่ตายไปแล้วไปจัดการ”

หลายเยาเยาพูดถึงตรงนี้ รู้สึกปากแห้งคอแห้ง ก็จิบชาไปอึกหนึ่งอีกครั้ง แล้วก็พูดต่อ

“ทั้งหมดนี้ หลานจิ่นเอ๋อได้มองดูอยู่อย่างลับๆ ดังนั้น นางได้เอาศพของฉินหลิงเจียวย้ายไปไว้ในรถม้าของเทพธิดา ดังนั้นจึงได้มีเรื่องราวด้านหลัง

แต่เรื่องราวของโลกมักจะมีเหตุสุดวิสัย หลังจากที่หลินเฟยหรันยอมรับผิด องค์ชายสี่ยังไม่ตาย ยังคงเป็นอันตรายที่แฝงตัว ดังนั้นนางจึงวางแผนกำจัดที่ละอย่าง

เดิมทีนางสามารถที่จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนตายไปอย่างไร้ร่องรอยไม่มีใครรู้ แต่ถูกข้าก่อกวนเข้า ใช้อุบายไปส่งๆ ก็ทำให้ร้อนใจแล้ว เปิดเผยพิรุธของตัวเองออกมา”

วันนี้ชายหญิงเหล่านั้นที่โดยองค์ชายสี่ข่มเหงรังแก เรื่องราวของผู้หญิงที่โดนบังคับแย่งชิง ทั้งหมดเป็นการกระทำของหลานจิ่นเอ๋อ

จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้นางไม่ไปช่วยองค์ชายสี่ และใช้อุบายยืดเวลาออกไป

เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ ภายใต้ความเร่งรีบของนาง คิดไม่ถึงว่าจะโดนนางวางยาพิษแล้ว……

แน่นอน!

เรื่องราวเหล่านี้นางไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง แต่นางรู้ว่านางเดาถูกแล้วแทบจะทั้งหมด ยังมีเรื่องบางอย่าง นอกจากคนในเหตุการณ์แล้ว เกรงว่าก็ไม่มีคนอื่นสามารถล่วงรู้ได้

พูดถึงตรงนี้

หลานเยาเยาก็ลุกขึ้น ปัดๆชุดคลุมสีเลือดที่ไม่ได้เป็นริ้วจีบ

“เล่านิทานจบแล้ว พวกเจ้าสองคนค่อยๆทำความเข้าใจ ข้าจะไปดูเสี่ยวฮัวแล้ว”

พูดไป หลานเยาเยาก็ยิ้มมุมปากขึ้น ออกเดินไปทางห้องรับแขก

พูดมาก็แปลก

หลังจากกลับมาจากหน่วยย่อยยิงจวน

โม่เหลียงเฉินก็ไม่ได้ส่งฮัวหยู่อันเข้าไปที่จวนอ๋องเย่ แล้วก็ไม่ได้พานางกลับไปที่บ้านของเขา แต่กลับพาตรงมาที่ตำหนักเทพธิดาของนาง

นางไม่ยินยอม

โม่เหลียงเฉินก็ตามตื๊อไม่หยุดหย่อน

ถึงขั้นทำเรื่องแบบนั่งลงที่พื้นกอดขาอ่อนนางไว้ออกมาได้

ความจริงแล้ว!

ในขณะนี้โม่เหลียงเฉินก็กำลังหลบอยู่ที่มุมเลียบาดแผลของตัวเองอยู่!

เขาอยากส่งฮัวหยู่อันไปที่จวนอ๋องเย่ ก็โดนหลอกล่อให้ออกมา เพราะฮัวหยู่อันเป็นผู้หญิง

เขาก็ไม่สามารถพากลับไปที่จวนของตัวเองได้ เกรงว่าฮัวหยู่อันฟื้นขึ้นมาจะโกรธจนกระอักเลือดตาย

ดังนั้นจึงทำได้เพียงพามาที่ตำหนักเทพธิดาแล้ว

เพราะว่ากอดขาอ่อนของหลานเยาเยา เขาโดนเย่แจ๋หยิ่งต่อยไปอย่างแรงยกหนึ่ง จึงตอนนี้ยังบวมไม่หาย

ฮือฮือฮือ……

วันที่สอง

เรื่องราวของหลานจิ่นเอ๋อได้แพร่กระจายไปเป็นที่ฮือฮา หลานเฉินมู๋ที่เป็นพ่อแท้ของหลานจิ่นเอ๋อ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย

เดิมทีจากที่หยุดงานอยู่ในบ้านเพื่อพิจารณาตัวเอง กลายเป็นถูกไล่ออกจากราชการ ยังโดนยึดจวนอีก

ในเวลาอันสั้น

อดีตแม่ทัพใหญ่ที่มีสง่าราศี ตอนนี้กลายเป็นพ่อที่เลวทรามที่ทุกคนทอดทิ้ง

เรื่องเหล่านี้แพร่กระจายยังไม่ถึงครึ่งวัน ในตำหนักองค์ชายสี่ก็มีข่าวร้ายแพร่ออกมา

องค์ชายสี่ในตำหนัก……แขวนคอตายแล้ว!

ทันใดนั้น บรรยากาศในเมืองหลวงก็วุ่นวาย มีบางคนตกใจ มีบางคนรู้สึกดีใจที่เห็นผู้อื่นประสบทุกข์ ยังมีบางส่วนที่มองดูเฉยๆอย่างเย็นชา

แต่ว่า!

ในส่วนการตายขององค์ชายสี่ นอกจากฮ่องเต้ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว เหล่าราษฎรกลับดีใจจนแทบจะจุดประทัดฉลอง

ข่าวคราวแพร่ไปถึงตำหนักเทพธิดา

ช่าจื่อเย็นหงแอบดีใจ

“นับว่าเขายังรู้หน่อยว่าตัวเองเป็นยังไง รู้แล้วว่าทำเรื่องร้ายๆมากมายขนาดนั้นก็จะได้รับการลงโทษจะสวรรค์ กฎหมายของประเทศก่วงส้ายังไม่ได้จัดการเขา เขาก็รู้สึกอับอายจนแขวนคอไปก่อนแล้ว”

“ก็ใช่ ยังดีที่องค์ชายสี่เป็นผู้แขวนคอตายเอง ไม่ใช่ป่วยตาย ไม่เช่นนั้น วิชาการรักษาที่ขึ้นชื่อของเทพธิดาของพวกเราคงจะขายไม่ออกแล้ว”

มองดูช่าจื่อเย็นหงพูดจาไร้สาระเรื่อยเปื่อยไม่หยุดหย่อน หลายเยาเยารู้สึกเพียงว่าท่าทางการโกรธแค้นอย่างเต็มอกของพวกนางค่อนข้างน่าขัน

แต่ว่า!

พวกนางตอนนี้ ยังไงก็ดีกว่าการถูกรังแกโดนทำเหมือนว่าเป็นสัตว์ขายอยู่ในตลาดดำเยอะ

เพียงแต่……

วันที่เงียบสงบเช่นนี้จะมีได้นานเท่าไหร่นะ?

ทั้งช่วงเช้าหลานเยาเยานอกจะกินอาหารเช้า ดื่มชา มองดูช่าจื่อเย็นหงโต้แย้งกัน ก็นับว่าอยู่อย่างสบายใจ

เมื่อถึงตอนเที่ยง หลานเยาเยาก็เปลี่ยนเป็นชุดของผู้ชายที่สะอาดเรียบร้อย แต่ก็เป็นสีแดงเลือดเช่นกัน

ผมก็ไว้ผมหน้าม้ายาว ใช้บังรอยดอกไม้บนหน้า จากนั้นก็ออกไปจากประตู

เดิมทีนางวางแผนว่าจะพาจื่อเฟิงและจื่อซีออกมา ช่วยไม่ได้ช่าจื่อเย็นหงจะตามมาด้วยให้ได้

นางคิดไปคิดมา

ยังไงซะก็เพียงออกไปเที่ยว ไม่ได้ไปต่อยตีกันซะหน่อย ก็พาพวกนางสองคนไปเที่ยวหน่อย

ตึกฟังงิ้ว

ที่ห้องโถงใหญ่คนเต็มจนแออัด เมื่อหลานเยาเยาเดินเข้าไป ก็เห็นยู่หลิวซูที่สวมชุดที่สวยงามกำลังบรรเลงอยู่บนเวที

แม้ว่า!

ลูกค้านั่งเต็ม แต่ระหว่างคิ้วของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นทุกข์ใจที่ลบเลือนไม่ได้

หลานเยาเยารู้

ที่วันนี้ลูกค้ามากมายขนาดนี้ ทั้งหมดก็พุ่งมาเพราะเขา

คดีของฉินหลิงเจียว เกี่ยวพันกับคนหลายคน จวนแม่ทัพ จวนไท่ฟู่ จวนสิงปู้ช่างชูรวมทั้งราชวงศ์ พวกเขาแต่ละคนก็ล้วนหายไปคนหนึ่ง

เหล่าราษฎรก็รู้เพียงแค่โดยประมาณ ในเรื่องรายละเอียดกลับมีไม่กี่คนที่รู้

ดังนั้นเหล่าราษฎรก็ล้วนสงสัย

เหล่าผู้หญิงที่อรชรอ้อนแอ้นน่ารักเป็นธรรมชาติ เหล่าองค์ชายที่สูงส่ง พวกเขากลับล้วนเกี่ยวข้องกลับชายนักแสดงละครในตึกฟังงิ้วไม่มากก็น้อย

มีบางคนมาดูว่าชายนักแสดงละครผู้นี้มีอะไรดีเลิศล้ำขนาดนั้นโดยเฉพาะ กระทั่งทำให้ฉินหลิงเจียวและหลินเฟยหรันลุ่มหลงจนเป็นบ้า

ดังนั้นวันนี้ตึกฟังงิ้วจึงอัดแน่นไปด้วยลูกค้า แววตาในดวงตาทั้งหมดที่ทุกคนมองดูเขา ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่มาดูเขาทำการแสดงเท่านั้น

วันนี้ยู่หลิวซูถูกเหมารอบแล้ว

ทุกคนที่มาดูละครก็ล้วนจ่ายเหรียญเงินเพิ่มเพื่อเลือกเขา

ดังนั้น!

เขาทำการบรรเลงหนึ่งเพลงแล้วก็อีกหนึ่งเพลง ถึงแม้ว่าจะบรรเลงจนนิ้วเริ่มเจ็บปวด ปลายนิ้วเลือดไหล เขาก็ยังต้องบรรเลงเพลงหนึ่งแล้วต่อด้วยอีกเพลงหนึ่ง

จนทั้งสิบนิ้วของเขาโดนบาดเป็นแผล สายพิณถูกดีดขาด เพลงพิณจึงจะหยุดในที่สุด

แต่เมื่อเสียงพิณหยุด เหล่าลูกค้าก็รีบแสดงความไม่พอใจทันที

“งามหยาดเยิ้มเหมือนกันผู้หญิงก็ไม่ปาน เวลาที่ล่อลวงคุณหนูในจวนของผู้อื่น กลับล่อผู้หนึ่งก็ได้อย่างแม่นยำ”

“ก็ใช่ จะดีดหรือไม่ดีดแล้ว? ดีดไม่ได้ก็คืนเหรียญเงิน”

“ดูสิ เขายังไม่พอใจอีก หากว่าไม่มีพวกเรามารับชมการแสดง เขายังจะสามารถเป็นเสาหลักบนเวทีได้เช่นไร?

ในคดีใหญ่ที่ทำให้ตื่นตระหนกไปทั่ว ผู้ที่เกี่ยวโยงก็เป็นการได้โชคแบบส้มหล่นของเขา คนอื่นตายก็ตายไป ติดคุกก็ติดไป ตอนนี้เขายังจะขายฝีมือการแสดงบนเวทีอย่างนิ่งสงบอีก

ไม่มีความละอายจริงๆ หากข้าเป็นเขา ก็ชนเสาบนเวทีไปนานแล้ว”

“แต่เขาก็ไม่ได้ทำผิดนะ ตัวบงการทั้งหมดก็คือหลานจิ่นเอ๋อ”

“……”

บรรดาผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากมายหลายอย่าง

ก็มีคนที่พูดแทนยู่หลิวซู แต่ก็มีเพียงสองสามคนเท่านั้น แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็วด้วยการประณามของบรรดาผู้คน

ยู่หลิวซูไม่ได้โต้แย้งสักประโยค

สายพิณขาดแล้ว……

นิ้วมือที่บวมแดงก็เป็นแผลหมดแล้ว……

ไม่สำคัญ!

เขายังมีคอ เขายังสามารถร้องเพลงได้

เลือดเป็นหยดหยดหยดหยดตกลงบนเวที ราวกับว่าดอกไม้เลือกกำลังเบ่งบานอยู่บนเวที และยิ่งเบ่งบานเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเบ่งบานก็ยิ่งเห็นได้ชัด

ทั้งๆที่นี่เห็นได้อย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีใครสักคนมองเห็น

ยู่หลิวซูหมุนตัวเดินอยู่บนเวทีไปพลาง ร้องเพลงด้วยเสียงอันไพเราะไปพลาง แววตานิ่งเฉยไม่ไหวติ่งอยู่ตลอด

จนกระทั่งมองเห็นเงาร่างสีแดงเข้า

สีหน้าของเขาถึงได้เปลี่ยนไป ร่างกายชะงัก เขาที่มีสภาพไม่ดีนัก ล้มลงบนเวทีทันที

คราวนี้!

บรรดาผู้คนก็เดือนพล่านขึ้นมาทันที

“คือเงิน เงินคืน เสแสร้งบอบบางอ่อนแอ แค่ร้องเพลง ยังแสร้งทำเป็นเป็นลม หมดสนุกจริงๆ