ตอนที่ 350

My Disciples Are All Villains

ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง ตัวเขาในตอนนี้ยังคงนิ่งเงียบ เมื่อหลายปีก่อน จีเทียนเด๋าได้เคยพบกับองค์จักรพรรดิองก่อนมาในตอนที่เขายังมีชีวิต ทั้งสองคนได้พบกันในช่วงยุคทองของตน ในตอนนี้สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลาแล้ว ตัวเขาไม่ได้คาดหวังว่าอัครมเหสีจะจดจำตัวเองได้แบบนี้

ลู่โจวโบกมือของตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “ใครไม่มีธุระที่นี่ออกไปซะ”

ทุกๆ คนที่มารวมตัวกันต่างก็มาเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น ทุกๆ คนได้แต่ออกจากห้องโถงใหญ่ไปอย่างช่วยไม่ได้

หลี่หยุนเฉา, หมอหลวงทั้งสอง และเจียงเหลียงไม่ได้จากไปไหน เจียงอาเฉียนและจ้าวยู่ยังคงอยู่ในห้องโถงใหญ่เช่นเดิม

ลู่โจวมองไปที่อัครมเหสี บางทีอาจจะเป็นเพราะพลังวิเศษที่ตัวเขามี ตัวเขารู้สึกว่าสภาพจิตใจรวมไปถึงพลังสายตาที่มีดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแล้ว ในตอนนี้ในสายตาของลู่โจวมองเห็นควันสีม่วงจางๆ มันเป็นควันที่ออกมาจากร่างของอัครมเหสีนั่นเอง แท้จริงแล้วควันที่ว่าก็คือเวทมนตร์คาถา มันไม่ใช่พลังที่จะทำให้อันตรายถึงชีวิต มันเป็นพลังที่จะทำให้เป้าหมายเกิดคิดกังวล ไม่เป็นอันจะทำอะไรและจะทำให้นอนหลับยาก ดูเหมือนว่าไป่มาและม่อหลี่จะไม่กล้ามากพอที่จะคลายเวทมนตร์คาถานี้ออก พลังที่อยู่ในอัครมเหสีไม่ใช่อะไรอื่น มันเป็นเหมือนกับแค่กลลวงเท่านั้น

เมื่ออยู่กันตามลำพัง หลี่หยุนเฉาที่เห็นลู่โจวเงียบไปก็เป็นฝ่ายที่เริ่มพูดออกมาก่อน “สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? รีบบอกท่านผู้อาวุโสไปซะสิ!”

หมอหลวงที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายสั่นไปทั้งตัว ชายคนนี้ได้อยู่ที่พระราชวังมากว่าหลายปีแล้ว แต่ถึงแบบนั้นหมอหลวงคนนี้ก็ไม่เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงมหาวายร้าย การที่จะหักห้ามใจไม่ให้กลัวคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงแบบนั้นยังไงหมอหลวงก็ต้องตอบออกมา ตัวเขาได้ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “ทะ…ท่านผู้อาวุโส…หลังจากที่พระอัครมเหสีทรงเสด็จกลับมาจากหมู่บ้านฤดูร้อน พระองค์ก็มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับมาโดยตลอด”

ลู่โจวยกมือขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรหรอก ข้ารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัครมเหสี”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหมอหลวงทั้งสองคนต่างก็สบตากัน พวกเขาทั้งคู่ถือว่าเป็นหัวกะทิจากเหล่าหมอหลวงมากฝีมือที่อยู่ภายในพระราชวัง แม้ว่าพลังวรยุทธของพวกเขาจะถือว่าไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่พวกเขาทั้งสองต่างก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการแพทย์ พวกเขาทั้งคู่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้มากว่าหลายปีแล้ว แต่ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับไม่ต้องการคำอธิบายจากพวกเขาทั้งคู่แม้แต่คำเดียว นี่ถือเป็นการดูหมิ่นหมอหลวงทั้งสองคนอย่างซึ่งๆ หน้า

หลี่หยุนเฉาได้โค้งคำนับก่อนที่จะเริ่มถามออกมา “แล้วท่านผู้อาวุโสพอจะมีวิธีแก้ไขอาการของพระองค์บ้างไหม?”

ลู่โจวยกขึ้นยืน ตัวเขาเอามือไขว้หลังก่อนที่จะตอบกลับมา “แน่นอน ข้ามีวิธีจัดการกับอาการของอัครมเหสีแล้ว”

หลี่หยุนเฉาที่ได้ฟังแบบนั้นรีบโค้งคำนับให้ในทันที “ได้โปรดช่วยพระองค์ด้วย ข้ายอมทำทุกอย่าง ท่านผู้อาวุโส!”

จ้าวยู่เองก็โค้งคำนับ “ท่านอาจารย์…”

เจียงอาเฉียนเองก็พูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส”

“ข้ามีอะไรบางอย่างที่จะบอกกับอัครมเหสี” เมื่ออัครมเหสีได้ยินเช่นนั้น นางก็ถึงกับผงะไปเล็กน้อย นางมองกลับไปที่ลู่โจวก่อนที่จะตอบกลับมา “งั้นก็พูดมาเถอะท่านผู้อาวุโส”

ลู่โจวได้พูดต่อ “ข้าสามารถปลดปล่อยท่านให้พ้นออกจากอาการเจ็บไข้ได้ แต่ถึงแบบนั้น…อายุขัยของท่านก็ใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดเต็มที ทางที่ดีท่านควรจะเตรียาใจไว้ให้พร้อมจะดีกว่า”

ที่ห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบสงบ ถ้าหากอยู่ในพระราชวัง สิ่งที่ลู่โจวได้พูดออกมาจะนับว่ามีความผิดร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากเขาเป็นคนธรรมดาลู่โจวก็คงจะถูกลากไปตัดหัวแล้ว แต่ถึงแบบนั้นหมอหลวงทั้งสองก็ยังตระหนักเรื่องนี้ได้เช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ก้มหน้าลงอย่างพร้อมเพรียง

สีหน้าของจ้าวยู่และเจียงอาเฉียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาทั้งคู่มองไปที่อัครมเหสี ทั้งสองคนไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลย

กลับกัน อัครมเหสีกลับหัวเราะออกมา นางได้โบกมือก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “นั่นสินะ? การตายก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรชีวิต เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะต้องตาย ไม่มีอะไรน่าห่วง”

ลู่โจวหันไปมองอัครมเหสี ดูเหมือนว่าเขาอยากที่จะพูดอะไรออกมา ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็เปลี่ยนใจ ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ลืมมันไปซะเถอะ ข้าจะเคารพการตัดสินใจของท่านเสมอ” หลังจากพูดจบลู่โจวก็ได้โบกแขน

หมอหลวงทั้งสองได้ถอยไปด้านหลังอย่างเร่งรีบ

ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ยกฝ่ามือก่อนที่จะยื่นออกไปด้านหน้า

คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็จ้องฝ่ามือของลู่โจวอย่างไม่ละสายตา

พลังสีฟ้าจางๆ จากฝ่ามือของเขาได้ปรากฏให้กับทุกคนได้เห็น

ในขณะเดียวกัน ณ ที่อันลึกลับและเงียบสงบ

ไป่มาได้ลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ “เวทมนตร์คาถาถูกคลายแล้วอย่างงั้นหรอ?” ที่ใบหน้าของไป่มาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เป็นความจริงที่เหล่าราชวงศ์เป็นอะไรที่ไม่อาจมองข้ามไปได้…ม่อหลี่ เจ้าน่ะใช้เวลาในพระราชวังหลายปีไปอย่างเปล่าประโยชน์ เจ้าไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าเหล่าราชวงศ์จะมีความสามารถมากแค่ไหนกันแน่” ไป่มาส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจ “แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็วางใจข้าได้เลย…ข้าจะส่งเจ้าพวกนั้นทุกคนไปอยู่กับเจ้าเอง

ทุกๆ คนที่เห็นพลังของลู่โจวต่างก็ตื่นตกใจ ลู่โจวสามารถคลายเวทมนตร์คาถาได้จากในระยะไกล

อัครมเหสีได้ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ

พลังสีม่วงที่ลู่โจวเห็นถูกขจัดออกไปจนหมดแล้ว

ลู่โจวไม่ได้แปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย พลังวิเศษที่เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มีเป็นพิษกับพลังจากเวทมนตร์คาถาอยู่แล้ว ตัวเขาได้รับการยืนยันเรื่องนี้มาเนิ่นนานแล้วนั่นเอง

หลี่หยุนเฉารีบเข้าไปพยุงอัครมเหสีก่อนที่จะถามออกมา “อัครมเหสี ท่านรู้สึกยังไงบ้าง?”

“ข้า…ข้าไม่เป็นไร” อัครมเหสีหลับตาลง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ น้ำเสียงที่นางได้พูดออกมาช่างดูว่างเปล่า

หมอหลวงทั้งสองรีบเดินไปหาอัครมเหสีอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทั้งคู่รีบโค้งคำนับก่อนที่จะรีบตรวจชีพจรของนางดู

หลังจากที่ตรวจชีพจรเสร็จหมอหลวงคนหนึ่งก็ได้คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดออกมา “ขอแสดงความยินดีด้วยอัครมเหสี เวทมนตร์คาถาถูกคลายออกแล้ว!”

ลู่โจวลูบเคราของตัวเองอย่างไม่แยแส “ถ้าหากฉันไม่สามารถทำลายเวทมนตร์คาถานี่ได้ ฉันก็คงจะต้องพิจารณาตัวเองใหม่ซะแล้วล่ะ” ตัวเขาได้เรียกชื่อของหลี่หยุนเฉาออกมาในขณะที่ไม่ได้หันไปมองซะด้วยซ้ำ “หลี่หยุนเฉา”

ความเคารพที่หลี่หยุนเฉามีต่อลู่โจวได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ตัวเขาได้ขานรับในทันที “ครับ ท่านผู้อาวุโส?”

“อัครมเหสีเพิ่งจะหายป่วย ให้นางพักผ่อนที่ศาลาทางใต้ก่อนที่จะเดินกลับในวันพรุ่งนี้ซะ”

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส” หลี่หยุนเฉาได้คุกเข่าก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับลู่โจวอย่างสุดซึ้ง

เจียงเหลียงและหมอหลวงทั้งสองต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นหลี่หยุนเฉาเชื่อฟังลู่โจวได้มากถึงขนาดนี้

แม้ว่าหลี่หยุนเฉาจะเป็นเพียงขันทีผู้ดูแล แต่ถึงแบบนั้นเขาก็มีสถานะที่สูงส่ง ตัวเขาไม่เคยแสดงความสุภาพออกมามากถึงขนาดนี้แม้แต่กับองค์รัชทายาท

ลู่โจวเพียงแค่จ้องมองดูหลี่หุยนเฉาก่อนที่จะโบกมือไล่ไป

หลี่หยุนเฉาและหมอหลวงทั้งสองได้พยุงอัครมเหสีก่อนที่จะพานางออกจากห้องโถงใหญ่ จ้าวยู่ได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว พวกเขาทั้งหมดจะต้องพักอยู่ที่ศาลาทางใต้

เวลาพลบค่ำ ณ ศาลาทางใต้

หลี่หยุนเฉาได้ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความเคารพ ตัวจ้องมองไปที่อัครมเหสีที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น “อัครมเหสี ท่านดูดีกว่าเมื่อเช้าจริงๆ”

อัครมเหสีเอนกายพิงหัวเตียงอยู่ นางได้พูดออกมา “เรื่องทั้งหมดนี้เห็นทีจะต้องขอบคุณจ้าวยู่…

“องค์หญิงจ้าวยู่ได้กลับไปที่พระราชวังได้แล้ว อัครมเหสี ท่านไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเองอีกแล้ว” หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมา

“ขันทีหลี่” อัครมเหสีได้หยุดพูดไปกลางคันก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เอาของมาให้กับข้า”

หลี่หยุนเฉาตกตะลึงเล็กน้อย ตัวเขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่จะหยิบกล่องผ้าออกมาจากสัมภาระที่นำมาด้วย ตัวเขาได้ส่งมันให้กับอัครมเหสีก่อนที่จะพูดออกมา “อัครมเหสี นี่คือยาอายุวัฒนะของท่าน…ท่านจะทำเช่นนี้จริงๆ อย่างงั้นหรอ?”

อัครมเหสีได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “มีหลายคนในโลกอยากที่จะมีชีวิตอันยืนยาว ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิองค์ไหนก็ตามที…แต่สำหรับข้า ข้าคิดว่าข้ามีความสุขแล้วที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับคนทั่วไป”

“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่หยุนเฉาโค้งคำนับ

“เมื่อถึงเวลานั้นของข้า เจ้าก็จงฝังข้าไว้เคียงคู่กับองค์จักรพรรดิองค์ก่อนซะล่ะ…จัดงานศพให้กับข้า ถ้าหากเป็นแบบนั้นข้าก็พอใจมากแล้ว” อัครมเหสีพูดต่อ

หลี่หยุนเฉาพยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

อัครมเหสีได้ส่งกล่องผ้าให้กับหลี่หยุนเฉาก่อนที่จะพูดออกมา “มอบของสิ่งนี้ให้กับท่านผู้อาวุโสซะ มันจะเป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณของพวกเรา”

“ครับ”

“หลังจากที่เจ้าไปแล้ว ช่วยเรียกจ้าวยู่ให้ข้าที ข้าอยากที่จะคุยกับนาง”

“ครับ” หลี่หยุนเฉาได้ตอบรับก่อนที่จะออกจากห้องไป

ที่ด้านในศาลาทางตะวันออก หลี่หยุนเฉาได้เข้าไปยังศาลาแห่งนั้นโดยที่มีหมิงซี่หยินคอยคุ้มกันอยู่

“ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของอัครมเหสี ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอบคุณผู้อาวุโส อัครมเหสีได้สั่งให้ข้าเอาของสิ่งนี้มามอบให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้า กรุณารับของสิ่งนี้เอาไว้ด้วยท่านผู้อาวุโส” หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมา ตัวเขาได้โค้งคำนับให้ก่อนที่จะยื่นกล่องผ้าออกไปด้วยมือทั้งสองข้าง

หมิงซี่หยินที่รับกล่องไปได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ของที่ว่าคือยาอายุวัฒน่ะครับ”