ตอนที่335 ปล่อยข้าไปเสีย (1)

ตอนที่335 ปล่อยข้าไปเสีย (1)

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันจะส่งผลดีหรือเสียกันแน่?

ทันใดนั้นเอง หลัวซีก็หันมาช่วยพยุงร่างเซียถงขึ้นบนบ่า กอดร่างของนางไว้แน่นราวกับกลัวจะตกหล่น ชำเลืองหางตามองไปทางผู้อาวุโสอินทรีโลหิต เปล่งวาจาแสนแน่วแน่ขึ้นว่า

“ท่านปู่ หากเซียถงเป็นอะไรไป ข้าไม่ขออยู่ร่วมกับท่านอีกต่อไป”

ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตที่เพิ่งจะสงบใจลงได้ไม่นาน แต่จู่ๆ เพลิงพิโรธในใจก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง สองดวงตาเบิกกว้าง แววความโกรธเกรี้ยวที่ก่อตัวขึ้น แทบจะระเบิดคลั่งออกมา

“หลัวซี! เจ้ารู้หรือไม่ว่า นางเกือบฆ่าชุนหลานตายเพียเพื่อที่จะหนีออกมา!”

พยายามข่มกลั้นอารมรณ์โกรธเกรี้ยวลงสุดกำลัง ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตชี้นิ้วใส่หน้าเซียถง ชุนหลานเป็นเด็กกำพร้าที่เขาเคยรับเลี้ยงไว้ตอนนางยังอายุแค่สามขวบ และในสายตาของเขาเอง อีกฝ่ายก็ไม่ต่างอะไรกับบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง ดังนั้นแล้วความรู้สึกรักใคร่ผูกผันจึงค่อนข้างลึกซึ้ง

“กลับเป็นชุนหลานที่ประมาทเอง! ผู้อาวุโสโปรดลงโทษ!”

ทันใดนั้นเอง ชุนหลานก็ลากสังขารเดินออกมาพร้อมกับเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด ปรากฏตัวโผล่ขึ้นมาท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ โดยมีเซี่ยเห่อที่รีบวิ่งมาช่วยประคองร่างสนับสนุนเอาไว้ เมื่อเห็นทีท่าพิโรธสุดแสนของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต นางก็ใช้สองมือผลักไสเซี่ยเห่อให้ถอยออกไป และทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าอีกฝ่าย ภายใต้ห่าพิรุณกระหน่ำหนัก เสื้อผ้าแพรพรรณสีแดงเพลิงเปรอะเปื้อนคราบเลือดได้ไหซึมลงมาสู่พื้น กระจายออกเป็นวงโลหิตสีแดงจาง ใบหน้าซีดขาวดูน่าสยดสยอง ภาพฉากตรงหน้านี้ให้ได้เห็นต่างต้องรู้สึกสงสารจับใจ

“พี่ชุนหลาน! พี่ชุนหลาน!!”

เซี่ยเห่อกรีดร้องเสียงดังลั่น รีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างอีกฝ่ายขึ้นมาทันที

“รีบไปชุนหลานกลับเข้าเรือนไปเสีย! อย่าให้นางต้องเปียกฝนไปมากกว่านี้!”

เมื่อได้เห็นภาพฉากอันน่าสังเวชสุดแสนของชุนหลาน เสมือนสิ่งนี้ยิ่งไปเพิ่มฝืนไฟความเกรี้ยวโกรธในใจของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจนลุกโหม เขาหันมาตะคอกใส่หลัวซีอีกครั้ง น้ำเสียงดุดันไร้ปรารีใดๆ ว่า

“นังบัดซบของเจ้า มันลอบสังหารชุนหลานเพื่อหนีออกจากที่นี่! โชคยังดีที่มีดเล่มนั้นเฉียดขั้วหัวใจนางไปเล็กน้อย มิฉะนั้นชุนหลานได้ตายจริงๆ แล้ว! เห็นแบบนี้แล้ว เจ้ายังจะเก็บนังอสรพิษนี่ไว้ข้างกายอีกรึไง?!”

“ชุนหลาน!”

หลัวซีรีบหันศีรษะไปมองชุนหลานที่กำลังนั่งคุกเข่าตากสายฝน สังเกตเห็นรอยเลือดไหลรินออกมาจากบาดแผลบนหน้าอกของนาง เจ้าตัวถึงกับหน้าถอดสีซีดในทันใด ชั่วอึดใจต่อมา เขารีบวิ่งไปหาชุนหลานหวังเข้าดูอาการอย่างร้อนใจ ชุนหลานคนนี้คอยรับใช้ติดตามเขามาตั้งหลายสิบปีแล้ว อีกฝ่ายเปรียบเสมือนพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ยิ่งมาเห็นนางได้รับบาดเจ็บปางตายเช่นนี้ มีหรือจะไม่รู้สึกเป็นห่วง?

ทว่าหลัวซีเพิ่งจะเคลื่อนตัววิ่งออกไป เซียถงที่กำลังก่ายพิงอยู่ก็พลันเสียศูนย์ชั่วขณะ กำลังจะล้มคะมำลงกับพื้น เมื่อเห็นดังนั้น เขารีบกลับลำเอื้อมมือมาพยุงร่างของนางให้ยืนขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครานี้ สองมือของเขาสวมกอดเซียถงแน่นยิ่งขึ้น ปราศจากทีท่าปล่อยคลายใดๆ อีกเลย เพียงชำเลืองสายตาสบมองสาวรับใช้ทั้งสองที่นั่งคลุกตัวอยู่บนพื้นท่ามกลางสายฝนอยู่แบบนั้น หลัวซีหันมากล่าวกับผู้อาวุโสอินทรีโลหิตว่า

“ข้าไม่สนหรอกว่า เซียถงจะทำอะไรใครที่ไหน! แล้วนางเองก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าใครส่งเดชเช่นกัน!”

หลัวซีทราบดีว่า ชุนหลานเปรียบเสมือนหลานสาวแท้ๆ ในสายตาของท่านปู่ ย่อมเป็นที่แน่นอน พอเห็นอีกฝ่ายถูกเซียถงทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และต้องรู้สึกไม่พอใจตัวในเซียถงอยู่แล้ว แต่คำถามคือ ชุนหลานไปทำอะไรให้เซียถงรึเปล่า ถึงได้ลงมือขนาดนี้? เพราะหากเซียถงเป็นพวกชอบฆ่าคนส่งเดชจริงๆ ปานนี้เขาคงไม่รอดตั้งแต่วันงานชุมนุมลมปราณในตงหลี่ครานั้นแล้ว

สุดท้ายนี้ ชุนหลานก็ได้เซี่ยเห่อคอยช่วยพยุงร่างกลับเข้าไปยังเรือนด้านใน ชั่วแวบแรกที่นางได้เห็น หลัวซียอมทิ้งเซียถงเพื่อวิ่งมาดูตน เสมือนหัวใจดวงนี้ของนางพองโตขึ้นในทันใด แต่ต่อมา เมื่อได้เห็นฝีเท้าของหลัวซีหยุดชะงักลง และย้อนกลับไปสวมกอดกับเซียถงในอ้อมแขน หัวใจของชุนหลานราวกับแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที สีหน้าที่ว่าซีดเซียวแล้ว ในเวลานี้กลับยิ่งซีดเซียวยิ่งกว่า

สิ่งที่เรียกว่า คมมีดแห่งความจริง มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตอนที่นางใช้มีดสั้นแทงเข้ากลางอกตัวเองไม่รู้กี่ทวีเท่า ทั้งหมดเป็นแผนการที่ชุนหลานคิดขึ้นมาก่อนล่วงหน้าแล้ว นอกจากจะทำไปเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของเซียถงในสายตาของทุกคน มันก็ยังเป็นการทดสอบไปในตัวว่า แท้จริงแล้ว หลัวซีคิดอย่างไรกับนางกันแน่? ความรู้สึกที่เปี่ยมล้นอยูภายในใจนี้ นางไม่สามารถเผยแสดงออกมาได้ ดังนั้น ชุนหลานจึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตเข้าแลก เพื่อทดสอบความรู้สึกของหลัวซีที่มีต่อตน

แต่ใครจะไปคิดกัน ทั้งที่ข้ารู้จักหลัวซีมาตั้งหลายสิบปี กลับแพ้ให้กับเซียถงที่เพิ่งพบพานกันเพียงสองสามครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะทำอย่างไร ตัวนางก็ไม่สามารถตีตัวเทียบเท่าเซียถงได้เลยจริงๆ เสียงถอดถอนหายใจแผ่วอ่อนก่นดังจากในลำคอชุนหลาน เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป ส่งผลให้สภาพร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก ไม่นาน ดวงตาคู่นั้นของนางก็ค่อยๆ ปิดลง ทัศนวิสัยโดยรอบมัวมืดลงอย่างแช่มช้า ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนลับสายตาไปก็คือ ใบหน้าของหลัวซีที่มองมาทางนี้อย่างห่างๆ เท่านั้น เปลือกตาสองข้างบรรจบดับสนิท ร่างของชุนหลานตกสู่อ้อมแขนของเซี่ยเห่อโดยสมบูรณ์

“พี่ชุนหลาน! พี่ชุนหลาน!”

เซี่ยเห่อร้องเรียกอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชุนหลานที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของนางตอนนี้ สภาพไม่ต่างอะไรกับกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง

เซียถงชำเลืองสายตาคู่เย็นเยียบ จับจ้องไปทางชุนหลานที่ล้มพับหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยเห่อ เวลานี้ นางเข้าใจทั้งหมดทุกอย่างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุผลที่ชุนหลานต้องแทงตัวเองเช่นนี้ อนึ่ง ไม่เพียงต้องระบายความรู้สึกผิดต่อผู้อาวุโสอินทรีโลหิตในฐานะละเลยหน้าที่ แต่ยังทำไปเพื่อใส่ร้ายให้นางให้ดูเป็นคนจิตใจอำมหิตในสายตาของคนอื่น หากผู้อาวุโสอินทรีโลหิตโกรธจัดจนสติหลุด พลั้งเผลอลงมือสังหารนางทิ้งก็ดีไป ก็ถือเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามในใจทิ้งไป อย่างไรเสีย หากมิได้ลงมือสังหาร อย่างน้อย ทัศนคติของทุกคนที่มีต่อเซียถงคงต้องแปรเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย ซึ่งนี่อาจเพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนให้หลัวซีจากชอบเป็นเกลียดเซียถง

ทว่าใครหรือกลับรู้? ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่ใช่แบบนั้นเลย และไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด

ถึงแบบนั้นก็ต้องยอมรับตามตรงว่า ชุนหลานแสดงละครได้อย่างแนบเนียนมากจริงๆ ถึงขั้นลงทุนใช้มีดแทงตัวเองจนเกือบตาย

มุมปากเซียถงกระตุกยิ้มบางๆ เหล่สายตาชำเลืองมองชุนหลานที่นอนหมดสติอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยเห่อท่ามกลางสายฝน ระเบิดหัวเราะลั่นอย่างสนุกสนานสำราญใจ และตะโกนขึ้นว่า

“หุหุ ชุนหลาน เจ้าเล่นละครได้แนบเนียนดีจริงๆ! แต่น่าเสียดายนักที่เจ้าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อย ผลที่ออกมาจึงตรงกันข้ามกันหมดเช่นนี้ ถึงขนาดลงทุนใช้มีดแทงอกตัวเอง หวังว่าจะไม่ถึงตายจริงกระมัง?”

“คุณหนู นี่ท่านหมายความว่าเยี่ยงไรกัน? ลอบฆ่าพี่ชุนหลานยังไม่พอ ตอนนี้ยังจะมาหัวเราะเยาะเย้ยกันอีกงั้นรึ? นี่ท่านเห็นพวกเราเป็นตัวอะไรกันแน่?”

เซี่ยเห่อทอดสายตามองเซียถงทั้งรู้สึกผิดหวังและโกรธในเวลาเดียวกัน เพราะถึงแม้ชุนหลานจะดูเป็นคนเย็นชาขนาดไหน แต่เวลาอยู่ร่วมกัน กลับใจดีแตกต่างจากที่เห็นมาก

“ข้าถูกพิษเครื่องหอมเข้าไป ร่างกายไร้สิ้นพละกำลังเรี่ยวแรง เช่นนั้นจะไปเอาแรงที่ไหนไปลอบฆ่านางกัน?”

เซียถงพ่นสาจาแสนเย็นชาเป็นคำตอบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพลิงพิโรธในสายตาของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตก็ยิ่งโหมทวีรุนแรงขึ้นมา พร้อมตะคอกใส่เซียถงเสียงดังสนั่นว่า

“ถึงไร้ลมปราณแต่ยังพอมีกำลังกาย! กระทั่งเราชายชรา เจ้ายังสามารถต่อกรได้กระบวนหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับชุนหลาน?”

ชุนหลานนอนหลับตาพิงพักอยู่บนอ้อมแขนของเซี่ยเห่อ พยายามปริปากเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงขึ้นว่า

“บ่าวคนนี้ประมาทเอง ในตอนนั้น…คุณหนูเซียกำลังนอนอยู่บนเตียง บอกว่ารู้สึกไม่สบาย จึงอยากให้บ่าวเช็ดตัวให้ แต่อาศัยชั่วจังหวะที่บ่าวเผลอ จู่ๆ นางก็คว้ามีดสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อขึ้นแทงอกข้า…”

สุ้มเสียงของชุนหลานแผ่วอ่อนอย่างยิ่ง ท่ามกลางสายพิรุณห่าฝนกระหน่ำหนักหน่วงปานนี้ ทุกคนจำต้องตั้งสมาธิเอียงหูฟังให้จงดี

ปลายเสียงก่อนสิ้นประโยคค่อนข้างเบาเป็นพิเศษเจียนจะไม่ได้ยินแล้ว และทันใดนั้นศีรษะของชุนหลานก็ล้มพับลงไป มือข้างหนึ่งที่พยายามกุมจับชายเสื้อของเซี่ยเห่อร่วงตก ห้อยต่องแต่งอยู่แบบนั้น ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า นางแค่หมดสติหรือตายไปแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! หากคนรับใช้ด้วยกันหลงเชื่อคงไม่แปลกเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นถึงระดับผู้อาวุโสหลงเชื่อคำลวงเหล่านี้ เกรงว่าอนาคตของตระกูลท่าจะหนักแล้ว!”

เซียถงระเบิดเสียงหัวเราะเยาะลั่น ต่อหน้าละครบทหนึ่งที่ชุนหลานกำลังเสแสร้งแสดงออกมาต่อหน้าทุกคน สิ่งนี้กลับทำให้นางรู้สึกตลกขบขันเสียเหลือเกิน

ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตหน้าถอดสีเสมือนก้นหม้อไหม้เกรียม สะบัดแขนเสื้อยาว รีบวิ่งไปทางเซี่ยเห่อ พลางยกนิ้วขึ้นอังจมูกชุนหลาน เมื่อเสาะพบว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แต่ถึงแบบนั้น ไออุ่นจากลมหายใจกลับแผ่วอ่อนอย่างยิ่ง หากไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที เกรงว่าอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเช่นกัน!

ก่อนหน้า ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตทราบเพียงว่า ชุนหลานได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่ทราบเลยว่า อาการจะสาหัสปานนี้ เช่นนั้นเจ้าตัวจึงมิได้สนใจคำพูดคำจาใดๆ ของเซียถงอีกต่อไป รีบหันมาพูดกับเซี่ยเห่อแทนว่า

“รีบพานางเข้าไปในห้องข้าก่อน นางต้องได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้!”

เซี่ยเห่อกอดร่างของชุนหลานไว้แน่น เงาร่างแปรไสวกลายเป็นประกายแสงสีแดงเพลิง พุ่งฝ่าสายพิรุณโหมกระหน่ำเข้าไปในตัวเรือนโดยตรง

ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตชำเลืองหางตา ย้อนกลับมามองที่เซียถงเล็กน้อย ตะโกนเสียงดังขึงขังใส่ทางสาวงามในชุดแพรพรรณสีแดงอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังว่า

“ตงเหม่ย ฉู่จู พวกเจ้าสองค่อยเฝ้าระวังนางให้ดี! หากปล่อยให้นางหนีไปได้อีก เตรียมรับโทษสถานหนัก!”

สาวงามในชุดแพรพรรณสีแดงทั้งสองพยักหน้าตอบ พร้อมโค้งคำนับให้

“เจ้าค่ะ!”

ก่อนลาจาก ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตยังกล่าวทิ้งท้ายกับหลัวซีอีกว่า

“ซีเอ๋อร์ อย่าหลงตามนางให้มากนัก”