ตอนที่ 661 ลงสู่ก้นหน้าผา (2) ตอนที่ 662 ลงสู่ก้นหน้าผา (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 661 ลงสู่ก้นหน้าผา (2) / ตอนที่ 662 ลงสู่ก้นหน้าผา (3)
ตอนที่ 661 ลงสู่ก้นหน้าผา (2)

“พวกเราอยู่ข้างล่างนี่ขอรับคุณหนูใหญ่” เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาพูดพร้อมกัน

“สถานการณ์ข้างล่างเป็นอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียถาม ด้วยความช่วยเหลือของพลังวิญญาณของนาง จวินอู๋เสียจึงสามารถส่งเสียงข้ามไปได้โดยไม่ต้องพูดเสียงดัง

“ทัศนวิสัยต่ำมากขอรับ อุณหภูมิก็ยิ่งต่ำลงไปอีก ข้าขอแนะนำว่าคุณหนูใหญ่กับสหายของคุณหนูใหญ่อย่าพักนานเกินไปนะขอรับ หมอกที่นี่ดูจะแปลกๆ มันเร่งให้เสียพลังวิญญาณในร่างไปเร็วขึ้น ถ้าเราอยู่ในหมอกนี้นานๆ พลังวิญญาณก็จะยิ่งถูกดูดออกไปมากยิ่งขึ้นขอรับ” เสียงของเยี่ยซาดังผ่านหมอกหนาขึ้นมาถึงพวกเขา

เขาอยู่ต่ำลงไปจากจวินอู๋เสียกับสหายของนางแค่สิบเมตรเท่านั้น หมอกที่ห้อมล้อมรอบตัวพวกเขารู้สึกแตกต่างจากที่พวกเขาเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง หมอกตรงนี้ราวกับมีบางอย่างภายในที่สูบเอาพลังวิญญาณของพวกเขาไป

คำพูดของเยี่ยซาทำเอาใจของกลุ่มผู้เยาว์ด้านบนดิ่งวูบ ถึงแม้พวกเขาจะเตรียมใจมาก่อนและรู้อยู่แล้วว่าผาสุดขอบฟ้านั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ากระทั่งหมอกก็ยังอันตรายมาก

“จู่ๆ ข้าก็ชื่นชมมู่เชียนฟานกับพี่น้องของเขาสุดใจเลย พวกเขาทำได้อย่างไรกันเนี่ย” เฉียวฉู่ครวญ สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกหนทุกแห่งเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นคนจากสามโลกเบื้องล่าง มันเป็นปาฏิหาริย์เลยทีเดียวที่มู่เชียนฟานกับกลุ่มของเขาลงไปจนถึงด้านล่างได้

แถมมู่เชียนฟานยังรอดชีวิตกลับไปได้ด้วย น่าเหลือเชื่อสุดๆ!

“มู่เชียนฟานกับคนของเขาเป็นทหารรับจ้างมือฉมัง ก็ต้องมีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานที่เช่นนี้มากกว่าพวกเราทุกคนอยู่แล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาก็คงมีวิธีของตัวเองนั่นแหละ” ฮวาเหยาพูดแทรกขึ้นมา

“หมอกที่อยู่รอบตัวเราตอนนี้ยังไม่มีท่าทีจะดูดเอาพลังวิญญาณของเราไปเลย แต่พอเราลงไปข้างล่าง ข้าเชื่อว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างที่เยี่ยซาพูดเมื่อสักครู่” หรงรั่วเรียกผีเสื้อกลืนศพของนางออกมาตรวจสอบอากาศรอบตัวพวกเขา

“พยายามฟื้นร่างกายกับพลังวิญญาณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนี้เราจะไม่มีเวลาพักกันแล้ว” จวินอู๋เสียกัดเนื้อแห้งของนาง เนื้อที่ทั้งเย็นและแข็งราวกับก้อนกรวดผ่านลำคอของนางลงไป

ทุกคนหยุดคุยกันและพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามคำแนะนำของจวินอู๋เสีย พร้อมกับสงวนพลังวิญญาณเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

หลังจากพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็เคลื่อนที่ลงไปด้านล่างอีกครั้ง

หลังจากลงไปไม่นาน พวกเขาก็รู้สึกถึงปรากฏการณ์ที่เยี่ยซาเอ่ยถึงเมื่อสักครู่

พลังวิญญาณที่พวกเขาใช้คลุมร่างกายอยู่ดูเหมือนจะสลายตัวไปในอากาศ ไม่สามารถรวมตัวกันเป็นชั้นเกราะป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ พวกมันค่อยๆ สลายไปทีละนิด และทุกคนก็จำต้องใช้พลังวิญญาณให้มากขึ้นเพื่อปิดพื้นที่ที่สลายตัวไป

อุณหภูมิรอบตัวพวกเขาหนาวเย็นจนเสียดกระดูก ถึงแม้พวกเขาจะสวมใส่ชุดหนาเป็นพิเศษ จวินอู๋เสียก็ยังรู้สึกเย็นจนแทบจะแข็งไปทั้งหน้า ความชื้นในอากาศทำให้ความหนาวเย็นซึมเข้าไปจนถึงกระดูกด้านใน

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าไม่มีพลังวิญญาณคอยปกป้องละก็ พวกเขาคงต้องแข็งตายเป็นแน่

หลายนาทีผ่านไป จวินอู๋เสียนับเวลาอยู่ในใจต่อไปตามความเคยชิน ทัศนวิสัยรอบตัวนางต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งนางไม่สามารถมองเห็นเงาของหรงรั่วกับเฉียวฉู่ได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป ไม่นานนักกระทั่งเงาก็หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความมืดสนิท นางมองไม่เห็นกระทั่งมือของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า!

ความเงียบห่อหุ้มตัวนาง มีเพียงเสียงถุงมือของนางเสียดสีกับเชือกและเสียงเท้าของนางกระแทกก้อนกรวดยามที่เหยียบลงไปบนพื้นผิวของหน้าผาเท่านั้น

ในความมืดมิด เสียงที่เงียบหายไปจะยิ่งทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและหวาดกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่รู้จักมากขึ้น จำนวนตัวเลขอันมากมายที่ผาสุดขอบฟ้าได้พรากชีวิตไป เตือนพวกเขาได้เป็นอย่างดีถึงระดับความอันตรายของมัน!

แซ่ก แซ่ก…

ตึก ตึก…

นอกจากเสียงพวกนี้แล้วก็ไม่มีเสียงอื่นใดให้ได้ยินอีก

พื้นผิวของหน้าผาทั้งเปียกและลื่น ถ้าพวกเขาไม่ระวังตอนที่เหยียบลงไป พวกเขาก็อาจจะเจ็บตัวได้ทุกเวลา

ทุกๆ ก้าวที่พวกเขาเหยียบ ทุกๆ นิ้วที่พวกเขาไต่ลงไป ยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นทุกขณะ

ตอนที่ 662 ลงสู่ก้นหน้าผา (3)

ความมืดและความกลัวยิ่งทำให้เวลาคืบคลานไปอย่างเชื่องช้า ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกะคะเนระยะทางที่พวกเขาไต่ลงมา

หมอกเย็นชื้นวนเวียนอยู่รอบตัวพวกเขา และรวมตัวอยู่ที่เชือกทำให้เชือกเปียก และไม่นานก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ

ความหนาวเย็นจากน้ำค้างแข็งทำให้เชือกที่เปียกชื้นแข็งตัวได้อย่างง่ายดาย หลังจากเชือกแข็งตัว พวกมันก็จะไม่แข็งแรง ถ้าเป็นเช่นนั้น เชือกก็จะไม่สามารถรับน้ำหนักของพวกเขาได้อีก!

เพื่อที่จะสลายน้ำแข็ง จวินอู๋เสียกับสหายของนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระตุ้นพลังวิญญาณลงไปในเชือก ถึงแม้ปริมาณพลังวิญญาณที่ใช้ไปจะไม่มากนัก แต่ความยาวของเชือกนั้นไม่ธรรมดา พวกเขายังต้องคงสภาพนั้นไว้เพื่อยืดเวลาออกไปอีก เพราะถ้าเชือกแข็งตัวขึ้นมามันจะขาดออกจากกัน และหากตกลงไปก็คงถึงตายได้

“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์จะมาได้เลย คนจากดินแดนเทพมารมาเจอเข้ากับสถานที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร!” เสียงของเฉียวฉู่ดังออกมาจากความมืด เสียงที่ดังเอะอะหนวกหูเป็นประจำของเขา บัดนี้ฟังดูเหนื่อยและอ่อนแรง

เขาเหนื่อยเกินกว่าจะถามจวินอู๋เสียแล้วว่าพวกเขาปีนมานานเท่าไหร่แล้ว เขารู้แต่เพียงตอนนี้มือของเขาชาและหมดแรง ขณะที่ข้อต่อที่ขาก็เจ็บเล็กน้อย

แค่ไต่ลงไปด้านล่างผาสุดขอบฟ้าก็ทรมานขนาดนี้แล้ว เฉียวฉู่ไม่กล้าคิดเลยว่าด้านล่างผาจริงๆ จะน่ากลัวมากแค่ไหน

“สำหรับบุคคลเช่นเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิผู้รวมสามโลกชั้นกลางทั้งหมดเข้าด้วยกัน สถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ของพระองค์ย่อมต้องถูกเลือกอย่างพิถีพิถันไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่สถานที่ที่มีการป้องกันซับซ้อนหลายชั้น พวกสิบสองตำหนักคงค้นพบสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไปเป็นชาติแล้ว และก็คงกวาดสมบัติไปจนเกลี้ยง การที่คนจากดินแดนเทพมารสร้างสถานที่แห่งนี้ให้เต็มไปด้วยอันตรายมากขนาดนี้ ก็เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของพวกเขาด้วย หลังการเสียชีวิตของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาลงทุนลงแรงไปมากมายเพื่อฝังสมบัติวิเศษของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิทั้งหมดไปพร้อมกับเขา เห็นได้ชัดเลยว่าในหัวใจของคนดินแดนเทพมารนั้น พวกเขาเคารพนับถือและศรัทธาเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมากเพียงใด” เสียงของฮวาเหยาดังขึ้นในความมืด น้ำเสียงของเขาไม่ช้าไม่เร็ว เนื่องจากเขากำลังพยายามทำให้พลังวิญญาณถูกสูบออกไปน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

“บุคคลที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเช่นนั้น เขาเสียชีวิตได้อย่างไรกันนะ” เฟยเยียนถามขึ้นอย่างสงสัย

การรวมสามโลกชั้นกลางทั้งหมดเข้าด้วยกัน เอาชนะทั้งสี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนักได้อย่างหมดจดราบคาบ ความแข็งแกร่งขนาดนั้น สำหรับชายหนุ่มที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปี มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด

ด้วยพลังของหนึ่งคน หนึ่งกองทัพ ปกครองสามโลกชั้นกลางทั้งหมด เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จนเป็นไปไม่ได้จริงๆ!

แล้วเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่แข็งแกร่งขนาดนั้น จู่ๆ เขาตายได้อย่างไร

ยิ่งมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งมีอายุขัยยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น พลังวิญญาณขั้นสีครามก็ทำให้คนมีอายุเกินหนึ่งร้อยปีไปแล้ว เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ไม่เคยพบกับเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาแข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของจ้าวตำหนักทั้งสิบสองแห่งสิบสองตำหนักที่ถูกเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิพิชิตได้

ในสายตาของพวกเขา อำนาจของจ้าวตำหนักทั้งสิบสองแห่งสิบสองตำหนักยิ่งใหญ่มาก การที่เหล่าจ้าวตำหนักต้องยอมจำนนต่อเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ บอกให้พวกเขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าอำนาจของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินั้นสามารถแทนที่อำนาจของเหล่าจ้าวตำหนักทั้งหมดรวมกันได้

การเสียชีวิตของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจึงเป็นเรื่องที่ใครหลายคนไม่อาจยอมรับได้

“ไม่มีใครรู้หรอก” มันอาจจะเป็นเพราะความมืดมิดและความวิตกกังวลที่ทำให้กลุ่มผู้เยาว์รู้สึกตึงเครียด จนเริ่มส่งเสียงพูดคุยเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังในความมืดที่น่าอึดอัดนี้

อย่างไรก็ตาม เสียงของจวินอู๋เสียก็ดังแทรกขึ้นทันที

“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตกลงไป สิ่งที่พวกเจ้าทุกคนควรทำก็คือเกาะเชือกเอาไว้ให้แน่น และไม่ต้องไปสงสัยเรื่องของคนตายให้มากความ”

ทันทีที่เสียงของจวินอู๋เสียจางหายไปในความมืด เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ที่เพิ่งไต่ลงไปอีกไม่กี่เมตรก็พลันรู้สึกถึงสายลมแรงที่พัดผ่านพวกเขาจากภายในหมอกหนานั้น!