ตอนที่ 380 ชาวเงือกผู้เกรียงไกร

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 380 ชาวเงือกผู้เกรียงไกร

ตอนที่ 380 ชาวเงือกผู้เกรียงไกร

“ภรรยาที่รัก เจ้าจะไปไหน?” จักรพรรดิเงือกมองดูภรรยาที่ถืออัญมณีขนาดใหญ่ไว้ในมือ ก่อนจะเอ่ยถาม

“น้องก็จะไปแลกเปลี่ยนอาหารกับมนุษย์นั่น” จักรพรรดินีเงือกตอบออกไปอย่างตรงไปตรงมา “แค่มองดูอาหารของเสด็จพี่ น้องก็อยากจะอาเจียนแล้ว เพราะงั้นน้องจะไปใช้สิ่งของให้เป็นประโยชน์ ยังไงเสียคลังสมบัติเราก็มีอัญมณีอีกเยอะแยะ”

จักรพรรดิเงือกยังคงต้องการรักษาภาพลักษณ์ด้วยการไม่ไปที่นั่นอีก แต่หลังจากที่เขาลองชิมเพียงสองคำ เขาก็พูดยกยอภรรยาว่า “ที่รัก พาพี่กลับไปกินอีกสักถ้วยสองถ้วยได้ไหม? หรือหากน้องอยากจะกินสักถ้วยสองถ้วย แล้วจะเอาส่วนที่เหลือให้พี่ก็ได้ แบบนี้ดีไหม?”

จักรพรรดินีเงือกเค้นเสียงออกมาอย่างเย็นชา “ท่านต้องรักษาภาพลักษณ์ไม่ใช่เหรอ? หากเป็นเช่นนั้นนักก็อย่ากินสิเพคะ”

“ท่านอย่าลืมล่ะ ว่าพวกเราต้องถามเกี่ยวกับน้ำพริกไข่ปูนั่นด้วย”

ถูกต้อง!

เหตุผลนี้ทรงพลังมาก รวมถึงเป็นอนาคตของชาวเงือก เขาจะต้องวางเรื่องศักดิ์ศรีลงก่อน!

ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิเงือกและจักรพรรดินีเงือกที่จากไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ปรากฏกายต่อหน้าสวี่หลิงอวิ๋นอีกครั้ง

สวี่หลิงอวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นทั้งสอง “โย่ ท่านทั้งสองมาทำอะไรที่นี่อีก? จะมาไล่เราออกไปเหรอ?”

จักรพรรดินีเงือกยิ้มและพูดว่า “ไล่อะไรกันล่ะ? ท่านเป็นแขกคนสำคัญของเราเชียวนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็สั่งให้องครักษ์นำอัญมณีสีฟ้าแวววาวออกมา “อัญมณีเม็ดนี้จะแลกเปลี่ยนปลาตากแห้งได้กี่ถ้วยงั้นเหรอ?”

สวี่หลิงอวิ๋นแทบจะตาบอดเมื่อเห็นอัญมณีเม็ดดังกล่าว คุณภาพของอัญมณีเม็ดนี้สุดยอดมาก!

จักรพรรดินีเงือกใจกว้างจริง ๆ เธอใจกว้างกว่าจักรพรรดิเงือกมาก!

“ท่านจะได้หนึ่งหม้อ” สวี่หลิงอวิ๋นโบกมือให้องครักษ์นำหม้อใบใหญ่ออกมา

จากนั้นเธอก็ตักอาหารใส่หม้อใบใหญ่และมอบให้จักรพรรดินีเงือก

จักรพรรดิเงือกจ้องมองไปยังปลาตากแห้งตัวเล็กตัวน้อยทั้งหลาย มันส่งกลิ่นหอมมากจนอยากจะคว้าสักสองตัวมากินตอนนี้

สวี่หลิงอวิ๋นใจดีเตรียมตะเกียบให้พวกเขาทั้งสอง

สวี่หลิงอวิ๋นยินดีต้อนรับแขกผู้ใจกว้างเสมอ เธอยิ้มและยื่นซาลาเปาสองก้อนใหญ่ให้กับพวกเขา “ถ้ารู้สึกเผ็ดก็กินสิ่งนี้ ซาลาเปาก้อนโตทั้งสองลูกจะช่วยให้พวกท่านหายเผ็ดได้ ไม่ต้องห่วง สิ่งนี้ไม่คิดเงิน ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกัน”

จักรพรรดินีเงือกยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเธอจึงกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน และค่อย ๆ กินต่อ

จักรพรรดิเงือกรอคอยอย่างใจจดใจจ่อมานานแล้ว ทันทีที่มือคว้าตะเกียบได้ เขาก็เริ่มกินอย่างเอาเป็นเอาตาย ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่คีบปลาตากแห้งห้าหกตัวยัดเข้าไปในปากโดยตรง!

องครักษ์มนุษย์มองดูการปรากฏตัวของจักรพรรดิกับจักรพรรดินีเงือกด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความจองหอง และมองดูชาวเงือกที่ต่อแถวเข้าคิวอยู่อีกฟากด้วยความภาคภูมิใจ

พวกท่านเกิดมาแข็งแกร่งแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ต้องมาต่อคิวกินอาหารมนุษย์อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?

ปลาตากแห้งมีจำนวนไม่พอให้ทุกคนได้ลิ้มลอง หลังจากจักรพรรดิและจักรพรรดินีเงือกกินเสร็จ จักรพรรดิก็รู้สึกไม่เต็มใจนักที่จะต้องลุกออกไป

โอ้ ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหิว ยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องการจะกินอีก!

พวกเขายังต้องการแลกเปลี่ยนอาหาร ทว่าน่าเสียดายที่ปลาตากแห้งตัวน้อยในหม้อได้หมดลงแล้ว และไม่มีอะไรเหลืออีก!

ชาวเงือกที่รอคิวอยู่รอบนอกยังคงรออยู่!

ครั้นเห็นหม้อที่ว่างเปล่า พวกเขาก็ร้องตะโกนให้สวี่หลิงอวิ๋นทำอาหารอีกครั้ง เพราะพวกเขายินดีจะมอบของที่ดีกว่านี้ให้เธอ!

ทว่าสวี่หลิงอวิ๋นไม่มีความตั้งใจที่จะทำอาหารอีกครั้ง เธอโบกมือให้ชาวเงือกสงบลง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยนะทุกคน ถึงฉันจะอยากทำอาหารให้พวกคุณ แต่ว่าตอนนี้เครื่องปรุงรสไม่เหลือแล้ว เพราะงั้นครั้งหน้าฉันจะมาทำให้ใหม่นะ!”

“อา ไม่นะ ฉันเพิ่งไปเอาสมบัติจากบรรพบุรุษของวงศ์ตระกูลมาเอง แต่เธอจะไม่ทำอาหารแล้ว…จริง ๆ สินะ ทำไมฉันโชคร้ายจัง…”

เงือกตัวหนึ่งที่เพิ่งมาต่อคิวเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น สมบัติในมือของเธอคือไข่มุกรัตติกาลที่มีขนาดมหึมาเท่ากับอ่างล้างหน้า

อย่าได้พูดว่ามันคือสมบัติเลยเถอะ! เพราะสิ่งของจากเงือกตัวอื่นก็สว่างไสวไม่แพ้กัน!

ในเมื่อบอกว่ายังไม่สว่างพอ เด็กคนดังกล่าวก็เผยให้เห็นไข่มุกรัตติกาลที่สว่างไสวส่องประกายไปทั่วพื้นที่!

จนเงือกทั้งหลายต่างพากันสาปแช่ง “รีบคลุมไข่มุกรัตติกาลนั่นไว้ซะ ตาของฉันจะบอดอยู่แล้ว!”

“ให้ตายเถอะ ดูเหมือนว่าครอบครัวของฉันจะยังไม่มีไข่มุกรัตติกาล! ฉันจะต้องหาไข่มุกรัตติกาลมาให้ได้ ถ้ามนุษย์นั้นเต็มใจจะเอาอาหารอย่างอื่นให้ฉัน ฉันก็จะเอาไข่มุกรัตติกาลให้เธอ!”

นอกจากนี้ ชาวเงือกคนอื่นยังตะโกนถามว่า “เจ้ามนุษย์จะมาอีกเมื่อไหร่ ฉันจะได้เตรียมของดี ๆ ไว้ให้!”

“ใช่ ๆ เธอต้องการอะไรอีก? พวกเรามีวัตถุดิบเยอะแยะเลย ฉันจะจัดเตรียมทุกอย่างที่เธออยากได้ไว้ให้ ขอเพียงเธอทำปลาตากแห้งให้ฉันอีกสักครั้ง”

“ไม่เอาปลาตากแห้ง! ฉันชอบกินปลาทอด เนื้อปลาสดและอร่อย ดีกว่าปลาตากแห้งตั้งเยอะ”

“ปลาทอดจะไปอร่อยตรงไหน กุ้งอร่อยกว่าแน่นอน ว่าแต่พวกเธอจะมาอีกเมื่อไหร่? ถึงตอนนั้นฉันจะเตรียมกุ้งกระบุงใหญ่ไว้ให้ แค่ทำให้ฉันกินก็พอ”

“ฉันอยากกินปลาต้มน้ำ ปลาต้มน้ำทั้งเผ็ดทั้งหอมสดชื่น เรียกว่าเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกเลยล่ะเจ้าพวกโง่!”

เยี่ยมไปเลย ชาวเงือกพวกนี้ชอบรสชาติฝีมือเธอจริง ๆ ด้วย!

หากสวี่หลิงอวิ๋นไม่เปิดร้านอาหารที่นี่ เธอจะไม่ต้องทนทำงานจนหน้ามืดตาบอดเลยหรือ?!

ชาวเงือกทั้งหลายล้วนมั่งคั่ง จะต้องจับลูกค้าพวกนี้เอาไว้ในมือให้ได้!

เธอหันมามองจักรพรรดิเงือกด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ฉันจะลองถามฝ่าบาทดูว่าฉันจะได้มาที่นี่อีกเมื่อไหร่?! หากท่านจักรพรรดิอนุญาต ฉันก็จะมาที่นี่อีก แต่หากฝ่าบาทไม่อนุญาต ฉันก็จะไม่ได้มาที่ดาวสมุทรอีก”

ดังนั้นชาวเงือกจึงมุ่งความสนใจไปที่จักรพรรดิเงือก ก่อนจะตะโกนก้องออกไป

“ท่านจักรพรรดิ หากท่านไม่ยอมให้มนุษย์คนนี้มาหาพวกเราที่ดาวสมุทรอีก สิ้นปีนี้เราจะส่งคะแนนเสียงแย่ ๆ ให้ท่าน และท่านจะกลายเป็นจักรพรรดิเงือกที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์!”

“ใช่ หากท่านไม่อนุญาตให้มนุษย์เข้ามา เราจะวาดรูปคนล้อมรอบพระราชวังของท่าน”

ภาพวาดคนเป็นภาพวาดชนิดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ ใครก็ตามที่ถูกวาดรูปคนใส่จะนับว่าเป็นเงือกที่มีแต่ความอัปยศ!

“ฉันวาดรูปคนเก่งนะ พวกคุณอยากเห็นรูปคนที่ฉันวาดกันไหม?”

สวี่หลิงอวิ๋นเพียงมาเปิดหูเปิดตา! แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นสถานะอันต้อยต่ำของจักรพรรดิเงือก

เขาถูกประชากรของตัวเองคุกคาม เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริง ๆ!

จักรพรรดิเงือกยิ้ม มองดูประชากรและพูดว่า “ฮ่า ๆ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? มนุษย์ผู้นี้เป็นแขกของดาวสมุทร เธอจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอต้องการ!”

เมื่อสวี่หลิงอวิ๋นได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเงือก เธอก็เริ่มฉวยโอกาสทันที “ขอบคุณท่านมาก ท่านจักรพรรดิ อีกอย่าง เราอยากจะเปิดร้านอาหารในเมืองของท่าน มันพอจะเป็นไปได้ไหมเพคะ?”

ได้สิ ได้อยู่แล้ว!!

ทว่าก่อนที่จักรพรรดิเงือกจะพูดอะไร จักพรรดินีเงือกกลับพูดขึ้นก่อน