บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 332 พลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา เปิดแม่น้ำปรโลก

ล้อเล่นอะไรอยู่?

ลัทธิอันธการ?

เผ่าอสูรงั้นหรือ

หานเจวี๋ยโมโหแทบตายแล้ว

เผ่าอสูรดูเหมือนจะเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา แต่ความจริงคือกำลังอาศัยชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปก่อเรื่องชัดๆ

แบบนี้ไม่ได้การแล้ว!

หานเจวี๋ยไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากพวกเขาเลย!

หานเจวี๋ยสอบถาม “หัวหน้าเผ่าอสูรคือผู้ใด มีนามว่าอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยตอบ “เผ่าอสูรเพิ่งเปลี่ยนหัวหน้าได้ไม่นาน เขามีนามว่าเซวี่ยหมิงเหอ เพิ่งหนีออกมาจากแดนชำระบาปเก้าขุมเมื่อไม่นานมานี้”

เซวี่ยหมิงเหองั้นหรือ

หานเจวี๋ยเลิกคิ้วถามต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านรู้จักปรมาจารย์หมิงเหอหรือไม่”

“ไม่รู้”

คำตอบของจักรพรรดิสวรรค์ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง

โลกเทพเซียนแห่งนี้มีจุดที่คล้ายคลึงกับเทวตำนานของจีนและนิยายอิงประวัติศาสตร์ในอินเทอร์เน็ตยิ่งนัก แต่ในความเป็นจริงกลับมีจุดที่ต่างกันออกไปอยู่

กล่าวโดยสรุปคือ เส้นเวลาแตกต่างกัน

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงบรรลุมรรคผ่านมหาเคราะห์เก้าหน จักรพรรดิสวรรค์ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์ต่อจากเฮ่าเทียน และไม่ทราบด้วยว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์รุ่นที่เท่าไร

หานเจวี๋ยไม่คิดต่อให้มากความ ไม่ว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเทวตำนานจีนหรือไม่ นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

ส่วนโลกในชาติก่อน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันมากมายนัก ไม่ได้ยึดติดกับการเป็นผู้ข้ามภพ หากมีโอกาสกลับไปได้ จะลองกลับไปสักหน่อยก็ได้ แต่ก็ไม่ได้มีความคิดมุ่งมั่นว่าต้องกลับไป

เขาแค่อยากฝึกบำเพ็ญมีอายุขัยยืนยาว เป็นอมตะชั่วนิรันดร์!

ไม่นานนัก จักรพรรดิสวรรค์ก็ตัดการเชื่อมต่อทางกระแสจิต

หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสั่งสอนเซวี่ยหมิงเหอ

เขาไม่ได้สาปแช่งอีกฝ่ายมากมายนัก แช่งอยู่ห้าวันเท่านั้น เคี่ยวกรำสักยก

[ความประทับใจที่หานมิ่งมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 4.5 ดาว]

หานเจวี๋ยมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตรงหน้าอย่างเฉยเมย

ค่าความประทับใจที่เจ้าเด็กคนนี้มีต่อเขาเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง มีอาการป่วยชัดๆ

หานเจวี๋ยไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหานมิ่งเลยสักนิด

อีกอย่างตั้งแต่เล็กจนโตทั้งสองก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย

….

ยมโลก เมืองนรกใต้พิภพ

พญายมนั่งอยู่บนบัลลังก์ภูตผีด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาจับจ้องเงาดำร่างหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง

“ใต้เท้ามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกันแน่” พญายมเอ่ยถามเสียงขรึม

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฐานะของข้าไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญคือสามารถทำให้ท่านพญายมบรรลุสิ่งใดได้ต่างหาก”

“เราจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”

“กลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธในเมืองนรกจะถูกกวาดล้างภายในสิบปี ข้ามาแจ้งให้พญายมอย่างท่านทราบไว้ล่วงหน้า เพื่อแสดงถึงความจริงใจ”

“โอ้ เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด”

“แม่น้ำปรโลก!”

พญายมฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “เจ้าต้องการแดนชำระบาปเก้าขุมหรือ เห็นทีว่าฐานะของใต้เท้าคงจะพิเศษยิ่ง หรือจะเกี่ยวข้องกับเซวี่ยหมิงเหอ”

เงาดำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับแดนชำระบาปเก้าขุม ข้าเพียงอยากใช้ประโยชน์จากแดนชำระบาปเก้าขุม ภายหน้าข้าจะไม่มายุ่มย่ามบงการยมโลก เป้าหมายของข้าคือแดนเซียน”

พญายมตกอยู่ในห้วงความคิด

ช่วงนี้เขากำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากับกลุ่มอิทธิพลสำนักพุทธที่นำโดยพระกษิติครรภ์อยู่จริงๆ หากไม่เก็บกวาดยมโลกให้สะอาด เขาจะกล้าวางใจไปโจมตีวังสวรรค์ได้อย่างไร

สำนักพุทธทสมควรตาย!

ผูกใจอยู่กับวังสวรรค์อย่างเหนียวแน่น!

พญายมตอบรับ “เอาเถอะ ได้ เรารับปาก!”

เงาดำเลือนหายไปกับหมอกควัน ทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียว “ท่านพญายมเฝ้าคอยการรวมเป็นหนึ่งของยมโลกได้เลย!”

….

แดนเซียน ณ คุนหลุน

ระหว่างทิวเขา บนทะเลสาบกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง หลงเฮ่านั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ ไอเซียนอันไร้ที่สิ้นสุดลอยม้วนขึ้นมาจากผิวทะเลสาบ ถ่ายเทเข้าสู่ร่างหลงเฮ่า

นักพรตวัยกลางคนรายหนึ่งยืนอยู่ริมทะเลสาบ ลูบเคราขณะมองมาที่เขา

“ยอดเยี่ยมมาก ความหวังในการฟื้นฟูนิกายฉ่านสามารถฝากฝังไว้กับเด็กคนนี้ได้”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพิ่งกล่าวจบ นักพรตน้อยคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย ดูแล้วอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง

นักพรตน้อยเปิดปากเอ่ย “อาจารย์ วังสวรรค์ส่งคนมาเยี่ยมเยือน แจ้งว่าเป็นหลงจวินพี่ชายคนโตของหลงเฮ่าขอรับ”

นักพรตวัยกลางคนเอ่ยยิ้มๆ “ให้เขารอก่อนเถอะ บอกว่าหลงเฮ่ากำลังตระหนักรู้พลังวิเศษของนิกายฉ่านอยู่”

นักพรตน้อยตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อาจารย์ เขาเป็นคนของวังสวรรค์ ท่านไว้ใจเขาถึงเพียงนี้เลยหรือ”

หลงเฮ่าอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ ไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก

นักพรตวัยกลางคนหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวตอบ “วังสวรรค์เดิมทีก็เป็นกลุ่มอิทธิพลที่สำนักเต๋าคอยค้ำจุนอยู่แล้ว นิกายฉ่านและวังสวรรค์ให้ความร่วมกันเป็นอย่างดี วังสวรรค์ดูแลปวงสวรรค์หมื่นโลกา นิกายฉ่านทุ่มเทเผยแผ่คำสอน นี่มิใช่บทลงเอยที่ดีที่สุดหรอกหรือ”

นักพรตน้อยเงียบไป

นักพรตวัยกลางคนกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว ตรวจสอบสำนักต้นสังกัดของเฮ่าเอ๋อร์ด้วย เขามีอาจารย์ลึกลับอยู่ท่านหนึ่ง อาจารย์ทำนายหาไม่ได้ เกรงว่าจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่นัก”

นักพรตน้อยพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

ตูม! ครืน…

เมฆอัสนีรวมตัวกันเหนือเขาคุนหลุน อำนาจสวรรค์กดทับครอบคลุมทั่วเขาคุนหลุน

นักพรตวัยกลางคนเงยหน้ามองแวบหนึ่ง คิ้วพลันขมวดแน่น

“คุนหลุนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งมรรคาสวรรค์ จะดึงดูดเคราะห์สวรรค์มาได้อย่างไร เว้นแต่เขาจะแบกรับแรงกรรมหมาศาล แต่เหตุใดข้าจึงสัมผัสถึงแรงกรรมมหาศาลของเขาไม่ได้เล่า”

“ช้าก่อน”

“หรือจะซ่อนอยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ”

นักพรตวัยกลางคนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นใช้นิ้ววาดผ่านสองเนตร ม่านตาพลันแปรเปลี่นเป็นจันทร์เสี้ยวสีม่วงคู่หนึ่ง

….

สิบปีผ่านไป

เมื่อว่างจากการฝึกบำเพ็ญหานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู

หลายปีมานี้อู้เต้าเจี้ยนอยู่นอกถ้ำตลอด ศึกษาวิเคราะห์มรรคกระบี่เทียมฟ้ากับลี่เหยา ต่างก็มีพัฒนาการกันทั้งคู่

จินกังนู่ปรับตัวเข้ากับสำนักซ่อนเร้นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ผู้ที่มีสัมพันธไมตรีกับเขาที่สุดมิใช่ถูหลิงเอ๋อร์ แต่เป็นไก่คุกรัตติกาล

ตอนเพิ่งมาถึง ไม่มีใครสนใจเขาเลย มีเพียงไก่คุกรัตติกาลที่มักจะถากถางเหน็บแนมเขาอยู่เสมอ ช่วงแรกเขารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก แต่สิบปีผ่านไป เขากลับชื่นชอบสำเนียงการพูดของเจ้าไก่คุกรัตติกาลไปเสียแล้ว

สาเหตุเป็นเพราะไม่ว่าจะเป็นใครไก่คุกรัตติกาลก็กล้าด่าทั้งนั้น เมื่อถึงเวลาที่ควรยอมศิโรราบก็ว่องไวยิ่ง ทำให้เขาขบขันได้อยู่เสมอ

ยามที่หานเจวี๋ยสาปแช่งศัตรู ยังได้ยินเสียงด่าทอกันระหว่างไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นด้วย

เขาสาปแช่งพลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิปีศาจศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตา มรรคาสวรรค์ไม่ยอมรับ ดวงชะตาตกต่ำ]

[เต้าจื้อจุนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เสวียนเอ้าศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านสังหารมังกรเขียวสัตว์ร้ายศักดิ์สิทธิ์ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[เจียงอี้สหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]

[หานมิ่งสหายของท่านถูกยึดร่าง วิญญาณถูกกักขังในสมบัติวิเศษ ทนรับความทรมาน]

….

ตัวเอกคนใหม่ขึ้นแท่นแล้ว!

หลี่เต้าคง!

บ้าระห่ำโดยแท้ ทุกสิบปีล้วนมีฉากต่อสู้หนึ่งหน แถมยังสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ด้วย

ฟางเหลียงพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาด้วยเรื่องใดกัน

หานเจวี๋ยค่อนข้างกังวล กลัวเขาจะเกิดเรื่อง

สำหรับฟางเหลียง หานเจวี๋ยยังคงชมชอบนัก รองลงมาจากมู่หรงฉี่

เพียงแต่ชะตาชีวิตของเจ้าหนุ่มคนนี้พลิกผันสับสนยิ่ง ออกจะคล้ายโจวฝานอยู่บ้าง

เมื่อเอ่ยถึงโจวฝาน ไม่นานมานี้คนผู้นี้ก็มีบทบาทมากเช่นกัน บรรลุตบะระดับจักรพรรดิเซียนแท้ไท่อี่ แน่นอนว่าเมื่อจับมาวางในแดนเซียนก็ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงอีก

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเจียงอี้นักฟังของเขาได้รับบาดเจ็บอีกแล้ว ช่างน่าเวทนาจริงๆ

ยังมีหานมิ่งอีก เหตุใดจึงถูกยึดร่างเล่า

สัญชาตญาณของหานเจวี๋ยร้องเตือน ได้กลิ่นของแผนการชั่วร้ายลอยมา

ผู้ที่ยึดร่างของหานมิ่งไปจะมาหาเขา หลอกลวงให้เขาไว้ใจ แล้วหาจังหวะสังหารเขาหรือไม่

ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

ในเวลานี้เอง หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นอันปั่นป่วนของแม่น้ำปรโลกนอกเกาะได้

ต้วนหงเฉินมาหาหน้าถ้ำ ขอเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามา

“เจ้าสำนัก แย่ไปกันใหญ่แล้วขอรับ มีคนเปิดใช้งานเขตอาคมที่เชื่อมต่อสู่แดนชำระบาปเก้าขุม!” ต้วนหงเฉินเล่าด้วยน้ำเสียงร้อนรน

หานเจวี๋ยถาม “เปิดก็เปิดไปสิ เข้าไปแล้วจะรอดหรือ”

ต้วนหงเฉินอธิบาย “ข้าสงสัยว่าเขามิได้อยากเข้าไป แต่อยากปลดปล่อยผีร้ายในแดนชำระบาปเก้าขุมออกมา เมื่อถึงเวลานั้นแม่น้ำปรโลกทั้งสายจะเชื่อมต่อเป็นค่ายกลอาคม พวกเราต้องได้รับผลกระทบแน่ขอรับ!”

………………………………………………………………