บทที่ 300 ตบหน้าพ่อกับลูกสาวมู่ซื่อ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 300 ตบหน้าพ่อกับลูกสาวมู่ซื่อ

ด้านนอกลาน เสียงของพ่อบ้านดังมา: “ซื่อจื่อ ซูกงกงมา บอกว่าฝ่าบาทเรียกพบซื่อจื่อกับฮูหยิน ให้พวกท่านเข้าวังทันที”

สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมทันที: “ดูท่ามู่เทียนบาจะไปร้องเรียนที่พระราชวังแล้ว”

“มีข้าอยู่ทั้งคน อย่ากังวลไปเลย” จวินหย่วนโยวกล่าวปลอบโยน

หยุนถิงติดตามจวินหย่วนโยวกลับไปที่ลานของตัวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าหนึ่งชุด จากนั้นก็หยิบยาสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บภายในและสารอาหารเหลวออกมาจากมิติ กินจนหมดแล้วถึงได้จากไป

พระราชวัง

ตอนที่จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเร่งเดินทางมาถึง มู่เทียนบาอยู่ที่ตำหนักด้านข้างจริงๆ

“ข้าถวายบังคมฝ่าบาท!”

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”

“ลุกขึ้นมาเถอะ ข้าได้ยินมาว่าร้านขายยาของหอเทพเซียนในเมืองหลวงของต้าเยียนจู่ๆก็ถูกคนทุบทำลายเมื่อเช้านี้ จวินหย่วนโยวเจ้าคิดว่าเป็นการกระทำของผู้ใด?” ฮ่องเต้ตรัสถามอย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม

ยังไม่ทันที่จวินหย่วนโยวจะเอ่ยปาก หยุนถิงก็ตะลึงงันอย่างยิ่ง: “ร้านขายยาของหอเทพเซียนถูกคนทุบทำลาย ใครมันช่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ นี่คือไม่เห็นท่านเจ้าหออยู่ในสายตาเลยนี่นา!”

มุมปากของจวินหย่วนโยวเกี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าเย็นชาเหมือนปกติ: “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบ”

“จวินซื่อจื่อ เจ้าไม่รู้จริงหรือ?” สายตาที่เฉียบคมของมู่เทียนบากวาดมองมา

ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน ใครจะกล้าลงมือกับหอเทพเซียน นอกจากจวินหย่วนโยวแล้ว เขาไม่สามารถนึกถึงคนที่สองได้เลย

ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชาของจวินหย่วนโยว ไร้ร่องรอยของความอบอุ่นใดๆเลย: “ท่านเจ้าหอนี่คือสงสัยข้าอยู่หรือ?”

“มิเช่นนั้นล่ะ?”

ดวงตาประสานกัน ควันระเบิดและความโกรธที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านอยู่รอบตัวทั้งสองคน รัศมีพลังแข็งแกร่งมาก ชั่วร้ายและอันตราย

“หากท่านเจ้าหอมีหลักฐานก็เอาออกมา มิเช่นนั้นอาศัยที่เจ้าใส่ความข้า ข้าก็สามารถทำให้เจ้ามาได้แต่กลับไม่ได้เลย!” จวินหย่วนโยวตอกกลับอย่างแสดงอำนาจ

น้ำเสียงที่เย็นชา ราวกับห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งเย็นยะเยือก แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว

“เจ้าถึงกับกล้าข่มขู่ข้า?” สีหน้าของมู่เทียนบามืดมนมากขึ้นเล็กน้อย

“เมื่อวานท่านเจ้าหอเพิ่งจะพาคนบุกไปที่จวนซื่อจื่อ วันนี้ก็มาใส่ความต่อหน้าฝ่าบาทเช่นนี้อีก เจ้าคิดว่าข้ายั่วยุได้ง่ายๆจริงหรือ!” นัยน์ตาสีดำราวกับเหยี่ยวของจวินหย่วนโยวจ้องมองมาด้วยความโกรธ รอบตัวแผ่ซ่านไปด้วยความดุร้ายและเย็นยะเยือกที่ทำลายล้างทุกสิ่ง

ฮ่องเต้มองดูทั้งสองคนที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา: “เมื่อวาน ท่านเจ้าหอไปที่จวนซื่อจื่อหรือ?”

ความจริง สายของฮ่องเต้รายงานเรื่องนี้นานแล้ว แม้แต่เรื่องที่องครักษ์เงามังกรทุบทำลายร้านขายยาเมื่อเช้านี้ ฮ่องเต้ก็รู้ชัดเจนเช่นกัน แต่เขากลับแสร้งทำเป็นไม่รู้

หลายปีมานี้หอเทพเซียนโอหังมากเกินไปแล้ว เริ่มตั้งแต่ที่ร่วมมือกับฮ่องเต้ จ่ายส่วยทุกปี ตอนนี้ไม่จ่ายส่วยและภาษีมานานแล้ว ยังมักจะฉวยโอกาสขึ้นราคายา รักษาคนจนตายไปหลายครั้ง ถึงขั้นแทรกแซงการซื้อขายยาสมุนไพรของพระราชวัง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

เป็นเพราะยาสมุนไพรส่วนใหญ่ของสี่แคว้นล้วนมาจากชาวไร่ที่ปลูกพืชสมุนไพรของหอเทพเซียน หากแตกหักกันจริงๆ เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับต้าเยียนแน่นอน ดังนั้นฮ่องเต้ถึงได้ยอมทน

ตอนนี้ จวินหย่วนโยวออกหน้าสั่งสอนมู่เทียนบาแทนตัวเอง ฮ่องเต้ย่อมยินดีอย่างมากอยู่แล้ว

มู่เซียวเซียวที่อยู่ด้านข้างรีบร้อนอธิบาย: “จวินซื่อจื่อโปรดอย่าเข้าใจผิด สาเหตุที่ท่านพ่อข้าไปที่จวนซื่อจื่อ ก็เพราะว่าสถานการณ์ของน้องสาวย่ำแย่ ที่ท่านพ่ออารมณ์ร้อนก็เพราะความรักที่มีต่อลูกสาว ขอจวินซื่อจื่อโปรดเข้าใจด้วย”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ จวินหย่วนโยวเจ้าก็อย่าถือสาเลย” ฮ่องเต้ตรัสอย่างแผ่วเบา

“ฝ่าบาททรงตรัสเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นกระหม่อมจะทำตามพระประสงค์” จวินหย่วนโยวกล่าว

“ได้ยินมาว่าทักษะการยิงธนูของคุณหนูใหญ่หยุนยอดเยี่ยมมาก ไม่ทราบว่าวันนี้จะโชคดีได้เห็นสักครั้งหรือไม่?” มู่เซียวเซียวถาม

นี่คือคำสั่งที่ท่านพ่อให้นางก่อนที่จะออกมา มู่เซียวเซียวก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ลอบโจมตีตัวเองเมื่อคืนนี้ ใช่หยุนถิงหรือไม่กันแน่

“ไม่มีอารมณ์” หยุนถิงปฏิเสธไปโดยตรง

“หรือว่าคุณหนูหยุนไม่มีทักษะการยิงธนูเลย?”

“วิธีการยั่วยุให้ฮึกเหิมใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก”

สีหน้าของมู่เซียวเซียวดำมืดเล็กน้อย หยุนถิงผู้สมควรตายนี่ถึงกับไม่หลงกล: “เช่นนั้นหากข้าจะประลองกับคุณหนูหยุนล่ะ ไม่ทราบว่าเจ้าจะกล้ารับคำท้าหรือไม่?”

“วันนี้ข้าไม่ค่อยสบาย” หยุนถิงจงใจอิงแอบเข้าไปในอ้อมแขนของจวินหย่วนโยว

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางไม่ระวังหรือเปล่า ไหล่ไปแตะกับแขนของจวินหย่วนโยวเข้าพอดี หยุนถิงเจ็บจนขมวดคิ้ว

ถึงแม้จะแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ก็ยังถูกมู่เทียนบากับมู่เซียวเซียวเห็นอยู่ในสายตา

มู่เทียนบายิ่งมั่นใจในการคาดเดาในใจมากขึ้น: “ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูหยุนชอบการเดิมพันที่สุด หากเจ้าประลองกับลูกสาวของข้า หอเทพเซียนยินดีจะใช้ยาสมุนไพรที่ล้ำค่าสามชนิดเป็นเดิมพัน”

“ยาสมุนไพรสามชนิดไหน?” หยุนถิงถาม

“ดอกเทียนหลิงพันปี หญ้ามังกรงูหมื่นปี บัวผลัดใบร้อยปี!”

“นี่ล้วนเป็นยาสมุนไพรที่หายากทั้งนั้น ดึงดูดคนมากจริงๆ แต่หากข้าพ่ายแพ้ ข้าไม่มียาสมุนไพรล้ำค่าจะชดเชยให้ท่านหรอกนะ” หยุนถิงเอ่ยปาก

“หากคุณหนูหยุนพ่ายแพ้ ร้านค้าภายใต้ชื่อของจวินซื่อจื่อยี่สิบร้านต้องมอบให้กับหอเทพเซียน เป็นเช่นไร?” มู่เทียนบาเสนอแนะ

ร้านค้าของหอเทพเซียนถูกทุบทำลาย เขาสามารถใช้ร้านค้าของจวินหย่วนโยวปรับปรุงใหม่ได้พอดี

หยุนถิงยิ้มเย้ยหยันในใจ ที่แท้นี่ถึงจะเป็นแผนการของมู่เทียนบา แต่ว่าบนใบหน้าของนางกลับแสร้งทำเป็นกังวล: “ซื่อจื่อ วันนี้ข้าไม่ค่อยสบายจริงๆ ถ้าอย่างไรเราไม่ประลองแล้ว ถ้าหากว่าแพ้ขึ้นมาล่ะ?”

จวินหย่วนโยวมองดูดวงตาคู่สวยของหยุนถิงมีแสงสุกสกาวแว๊บผ่านไปเล็กน้อย: “ฮูหยินอยากประลองก็ประลองเถอะ ก็แค่ร้านค้ายี่สิบร้าน ขอเพียงแค่เจ้ามีความสุขก็พอ”

“เช่นนั้นข้าลองดูหน่อยเป็นไร?”

“ได้”

สนามฝึกพระราชวัง

บรรดาทหารที่อยู่ในสนามฝึกได้ยินว่าคุณหนูหยุนกับคุณหนูเซียวจะประลองทักษะการยิงธนู รีบถอยไปอยู่ด้านข้าง และเตรียมคันธนูและลูกธนูเอาไว้ทันที

หยุนถิงหยิบคันธนูขึ้นมาโดยเฉพาะ ยิงออกไปด้วยความทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ

บรรดาทหารหายใจติดขัด รอแค่เพียงพากันโห่ร้องด้วยความยินดี

แต่แล้วก็เห็นเพียงธนูดอกนั้นไม่ได้แตะเป้าธนูเลยด้วยซ้ำ เบี่ยงเบนไปจากเป้าธนูและตกลงไปบนพื้น

หยุนถิงถึงกับ ยิงพลาดเป้า

ดวงตาคู่สวยของมู่เซียวเซียวมีความพึงพอใจเล็กน้อยแว๊บผ่านไป ในใจของมู่เทียนบาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น หยุนถิงก็แค่นี้เอง

หยุนถิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน: “ซื่อจื่อ ถ้าอย่างไรก็ช่างมันเถอะ?”

“ในเมื่อมาแล้ว ก็ลองดูเถอะ” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตามใจ

“ก็ได้”

ฮ่องเต้รู้สึกสงสัยในใจ หรือว่าหยุนถิงผู้นี้จะยิงธนูไม่เป็นจริงๆ อย่างไรเสียที่ต้องชดใช้ก็คือร้านค้าของจวินหย่วนโยว

“ฝ่าบาท แค่ยิงธนูจะมีความหมายอะไร ถ้าอย่างไรให้บรรดาทหารยกเป้าธนูวิ่งไปมาดีไหม ใครยิงโดนจุดศูนย์กลางเป้าภายในเวลาครึ่งก้านธูป หรือไม่ก็เข้าใกล้ตำแหน่งจุดศูนย์กลางเป้ามากกว่า ก็ถือว่าคนนั้นชนะ คุณหนูหยุนคิดว่าอย่างไร?” มู่เซียวเซียวถาม

“คุณหนูเซียวมีข้อเสนอแนะเช่นนี้ดีมากจริงๆ ข้าชอบให้มีระดับความยากที่สุด เริ่มกันเถอะ”

“เช่นนั้นข้ายิงก่อนแล้วกัน!” มู่เซียวเซียวไม่เกี่ยงงอนในเรื่องที่ควรกระทำ หยิบคันธนูและลูกธนูที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา

ทหารสามนายแบกเป้าธนูวิ่งทันที มู่เซียวเซียวมองสำรวจรอบๆ เล็งเป้า และยิงธนู

ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าไปยังจุดศูนย์กลางเป้า ดอกที่สามยิงไปที่ขอบของจุดศูนย์กลางเป้า

สำหรับผลลัพธ์นี้ มู่เซียวเซียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อครู่นี้เห็นหยุนถิงยิงไปถูกแม้แต่เป้านิ่ง ดังนั้นมู่เซียวเซียวก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรแล้ว

“คุณหนูหยุน ถึงคราวท่านแล้ว!”

“ดี” หยุนถิงเดินเข้าไป หยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นมาแสดงท่าทาง แต่แล้วนางก็เจ็บจนต้องขมวดคิ้ว

มู่เทียนบาเห็นทุกอย่างในสายตา ได้ใจอย่างยิ่ง หยุนถิงคนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ เขาแค่รอเก็บร้านค้ายี่สิบร้านนั่นก็พอแล้ว

“เริ่มกันเถอะ!” หยุนถิงตะโกนขึ้นมา องครักษ์สามนายนั่นก็แบกเป้าวิ่งขึ้นมา

มู่เซียวเซียวกับมู่เทียนบาที่เดิมทีกำลังได้ใจและดูหมิ่นเห็นหยุนถิงยิงธนู ก็ตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง

ท่าทางของนางชำนาญ แววตาเย็นชา ลูกธนูที่อยู่ในมือยิงออกมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

“ลูกธนูของคุณหนูหยุนเข้าจุดศูนย์กลางเป้าทั้งสามดอก!”