บทที่ 468 เกราะป้องกัน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 468 เกราะป้องกัน

บทที่ 468 เกราะป้องกัน

หลังจากปล่อยพักไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องไปประจำที่เวทีของตัวเอง เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อม ในที่สุดการประลองก็ได้เริ่มขึ้น! เวทีประลองของฉู่เหินเป็นเวทีหมายเลข 4! ยอดยุทธพวกนั้นเห็นชัดเจนว่าพลังวรยุทธ์ของฉู่เหินควรจะเป็นอันดับ 4 ! เพราะฉู่เหินเพิ่งจะเลื่อนขั้นจักรพรรดิดาราระดับต้นได้สำเร็จ ส่วนเวที 3 อันดับแรกนั้นตกเป็นของผู้ที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิดาราระดับกลาง

สำหรับฉู่เหินแล้ว เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าตัวเองจะอยู่อันดับอะไร! อีกอย่างก็เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจอยู่กับพลังงานบางอย่างอยู่ด้วย มันเป็นพลังที่อัคคีสังสารวัฏให้เขามา ฉู่เหินรู้ว่าอัคคีสังสารวัฏตัวนี้ไม่อยากจะให้ใครมารบกวนมัน ดังนั้นมันก็เลยใช้พลังเปลวเพลิงคุ้มกันเขาไปเลยเพื่อตัดปัญหา

หลังจากที่รับรู้ถึงพลังดังกล่าว ฉู่เหินก็รู้สึกสนใจเจ้าพลังนี้มาก! ชายหนุ่มได้แอบวางแผนไว้แล้วว่าจะใช้มันยังไงดี ต้องเข้าใจว่าเขาใช้พลังธาตุถึงสามอย่าง ถ้าสามารถสร้างเกาะป้องกันสามธาตุได้ล่ะก็ นั่นก็หมายความว่าตัวเองจะได้สวมชุดเกราะถึงสามชั้นด้วยกัน!

ที่จริงสิ่งที่ฉู่เหินอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือนำเอาพลังของอัคคีสังสารวัฏมาโจมตี! แต่อัคคีตัวนั้นมีความรู้สึกเป็นของตัวเอง ถ้าเขาอยากจะใช้พลังของมัน เขาก็ต้องได้รับอนุญาตจากอีกฝ่ายก่อน! ฉู่เหินคิดว่าถ้าตัวเองทำแบบนี้ล่ะก็ เขาจะถูกคิดว่ายืมพลังของมันใช้ครั้งหนึ่งหรือเปล่า!

ถ้าเพราะเรื่องนี้ทำให้ต้องเสียสิทธิไปหนึ่งครั้งคงไม่คุ้ม ดังนั้นเมื่อขึ้นมาบนเวที เขาก็เริ่มทำการศึกษาทันทีว่าจะใช้พลังธาตุเป็นเกราะป้องกันได้ยังไง

การทดลองสร้างเกราะจากพลังธาตุนั้นค่อนข้างยาก ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหมือนกันว่าทำได้! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าในร่างมีอัคคีตัวนั้นเป็นตัวอย่างล่ะก็ เกรงว่าเหนื่อยให้ตายเขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง!

ฉู่เหินนั่งขัดสมาดบนเวทีและเริ่มทำการโคจรพลังธาตุทั้งสามในทันที! ในตอนนี้เองที่จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งกระโดดมายืนตรงหน้าของเขา! ฉู่เหินสัมผัสได้ว่าชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเขานั้นมีพลังวรยุทธ์เพียงขั้นราชันดาราระดับกลางเท่านั้น พลังวรยุทธ์แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย

ต่อมาก็เห็นเพียงฉู่เหินดึงพลังสายฟ้าออกมาจากร่างกายของตัวเอง เขากำลังเตรียมที่จะใช้พลังธาตุสายฟ้ามาสร้างเกราะป้องกันระหว่างตนและชายหนุ่มตรงหน้าไว้ เรียกได้ว่าความคิดของเขาดีมาก แต่พอเอามาใช้กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ต่อมาก็เห็นว่าอยู่ ๆ พลังธาตุสายหนึ่งได้หลอมรวมเข้ากับอากาศโดยรอบ

ตามการคำนวณของฉู่เหิน เขาคิดว่าเมื่อทำการปลดปล่อยออกไปแล้ว พลังธาตุพวกนี้ก็ควรที่จะเข้าไปห่อหุ้มร่างกายของตัวเขาไว้ หรือไม่ก็ตัดขาดเขากับชายหนุ่มตรงหน้า! แต่ทว่าพลังของสายฟ้านั้นกลับเข้าไปห่อร่ายกายของชายหนุ่มที่เพิ่งโดดขึ้นเวทีเมื่อครู่นี้แทน

ชายหนุ่มคนนั้นเห็นว่ามีพลังห่อร่างกายตน เขาก็พยายามต่อสู้ขัดขืน ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย หลังจากขัดขืนอยู่นาน เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลก็เลยถอดใจ ตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นกำลังตกอยู่ในอาการหดหู เพราะแม้ว่าเขาจะอยากยอมแพ้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้แม้แต่จะขยับออกจากตำแหน่งดังกล่าวยังทำไม่ได้เลย! ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าควรทำยังไงดี เขาเลยนั่งลงตรงนั้นและร้องไห้ออกมา

รังแกกันเกินไปแล้ว ตัวเองขึ้นมาประลองยังไม่ทันเข้าถึงตัวอีกฝ่ายเลย ตอนนี้แม้แต่จะยอมแพ้ก็ไม่ให้ทำ แกล้งกันเกินไปรึเปล่า ! ที่จริงฉู่เหินก็ร้อนใจเหมือนกัน เพราะเขาพบว่าตนเองนั้นไม่สามารถเรียกเกราะป้องกันที่ว่ากลับไปได้! เจ้าเกราะพลังธาตุดังกล่าวไม่ยอมฟังคำของตนสักนิด มันเอาแต่นิ่งเฉยไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว!

ฉู่เหินไม่ได้อยากจะกักขังชายหนุ่มแต่อย่างใด ฉู่เหินเพียงอยากจะให้พลังนั้นขวางระหว่างพวกเขาเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าผิดพลาดนิดเดียวจะไปห่อหุ้มร่างของอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้ ผลลัพธ์กลับทำให้เขาเสียใจเมื่อพบว่าเกราะนี้มันเอาออกไม่ได้ และก็เคลื่อนที่ไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่พยายามทำความเข้าใจมันอีกครั้ง!

หลังศึกษาสักครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเกราะป้องกันนั้นต้องใช้พลังธาตุของตัวเองควบคุม ถ้าตัวเองจะเอาพลังธาตุกลับมา เกราะป้องกันนี้จะเป็นยังไงกันนะ ว่าแล้วเขาก็ลองทำดู ผลลัพธ์คือเกราะป้องกันนั้นได้สลายหายไปในทันที

พออีกฝ่ายเห็นว่าสิ่งที่ห่อร่างกายของเขาหายไปแล้วในที่สุด เขาก็พลันร้องโวยวายออกมาด้วยความโมโห พร้อมทั้งวิ่งหนีลงเวทีไป! ผู้ชมด้านหลังเห็นแบบนี้เข้าไปก็พากันขำ พวกเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย พวกเขาคิดว่าฉู่เหินกำลังหยอกอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น!

ต้องเข้าใจว่าคุณไม่ได้ทำการต่อสู้แต่กลับเอาอีกฝ่ายไปขังไว้ไม่ให้ออกมา! แต่พออีกสี่คนเห็นฉากนี้เข้าไปก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว! ตอนนี้พวกเขาพบว่ามีความเป็นไปได้ว่าฉู่เหินจะสามารถสร้างไอ้ที่กักขังที่ว่านั่นได้อีก หรือมันจะเป็นการโจมตีแบบใหม่กัน?

แล้วทำไมฉู่เหินต้องทำแบบนี้ มีบางคนเดาว่าบางทีชายหนุ่มอาจจะไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว! ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงด้านคุณธรรมของฉู่เหินเลยดังไปทั่วสี่มหาสมุทร! ซึ่งมันก็ส่งผลให้หลังจากนั้นไม่มีผู้ฝึกยุทธขั้นราชันดาราคนไหนขึ้นมาอีกเลย

ฉู่เหินไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาด้วยเลย ชายหนุ่มเอาแต่ศึกษาเกราะพลังธาตุอยู่อย่างนั้น ฉู่เหินทั้งศึกษาและทดลอง จนในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมเกราะป้องกันนี้ได้แล้ว แต่ฉู่เหินก็ยังไม่พอใจกับพลังเกราะป้องกันนี้เท่าไร เขาอยากจะลองดูว่าถ้าพลังธาตุทั้งสามมารวมกันแล้วจะเป็นยังไง

ต่อมาเขาก็ดึงพลังธาตุไฟออกมา ก่อนที่จะเอาไปหลอมรวมกับธาตุสายฟ้า ตอนแรกทั้งสองเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ ทว่าต่อมาพวกมันก็ค่อยเคลื่อนไหวมาหลอมรวมกันเอง!

เมื่อฉู่เหินศึกษามาถึงขั้นนี้ก็ปรากฏชายหนุ่มหัวล้านขั้นจักรพรรดิดาราคนหนึ่งขึ้นมาบนเวที คนผู้นี้รอจนแล้วจนรอด หากแต่เขากลับไม่ได้สิทธิมีเวทีประลองของตัวเอง แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาโกรธได้ยังไงไหว!

“คุณชายตระกูลใหญ่ แกคงคิดว่าตัวเองเก่งมากสินะ วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง!” หลังสิ้นประโยคนี้เขาก็พุ่งตัวขึ้นไปบนเวทีทันที

ฉู่เหินที่เพิ่งจะหลอมรวมพลังธาตุทั้งสองได้เสร็จ จนสามารถครอบคลุมได้ในระยะ 2 เมตร ภายในพริบตามันก็ครอบคลุมเวทีทั้งหมดเอาไว้

พลังเกราะป้องกันเพิ่งจะครอบคลุมเวทีได้หมด นั้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหัวล้านพุ่งมายังเวที! ต่อมาผู้ชมด้านล่างก็ได้ยินเสียงกระทบกับอะไรบางอย่าง และก็เห็นว่าเป็นชายหัวล้านที่ปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว!

ผู้ชมด้านล่างต่างพากันสงสัยว่าชายหัวล้านนี้จะขึ้นไปประลองงั้นเหรอ ทำไมไม่ขึ้นบันไดกัน กลับลอยขึ้นไปซะแล้ว ขณะที่ทุกคนคิดในใจอย่างสงสัย ก็ได้ยินเสียงวัตถุตกลงพื้นดังตุบ! ก่อนที่ชายคนนั้นจะลุกขึ้นพร้อมหัวที่ปูดโปน!

ชายหัวล้านยืนวนเวียนอยู่อย่างงั้นก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วตะโกนโวยวายว่าไม่ยุติกรรม! พอผู้คนโดยรอบได้ฟังที่เขาพูดก็พลันสงสัย ทางด้านชายหัวล้าน เขาก็ได้โวยวายออกมาว่าฉู่เหินนั้นได้สร้างค่ายกลป้องกันบนเวที! เพราะแบบนี้เขาถึงได้ลอยออกมา!

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ใช้จิตวิญญาณสำรวจเวทีอย่างละเอียด แต่ทว่าพวกเขากลับไม่พบร่องรอยของค่ายกลอะไรเลยสักนิด ทว่าพวกเขากลับสัมผัสได้ถึงเกราะป้องกันขนาดใหญ่คล้ายกับโดมเป็นของที่ฉู่เหินทำขึ้นมา และตอนนี้มันก็กำลังขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ!

ผู้อาวุโสผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น ชายชราคนนั้นพูดว่า “นี้นายอย่าเอาแต่โวยวายได้ไหม นายใช้จิตวิญญาณดูเองไม่เป็นหรือยังไง ถ้ากล้าพูดเพ้อเจ้ออีกดูสิว่าฉันจะจัดการแกยังไง!” หลังผู้อาวุโสคนนั้นพูดจบ ก็หายไปไม่เห็นอีก แต่ที่จริงแล้วเขารู้สึกตกใจ เพราะเขารู้สึกว่าเกราะป้องกันของฉู่เหินนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งมาก ๆ!

ที่สำคัญเลยก็คือการที่ชายชรานั้นสามารถสัมผัสได้ถึงพลังธาตุที่แฝงอยู่ภายในเกราะป้องกันที่ว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ชายชราคาดไม่ถึง เพราะเกราะป้องกันที่สร้างจากพลังธาตุเขาเคยแต่ได้ยิน ทว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!