ตอนที่ 230 หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่ได้วิญญาณ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 230 หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่ได้วิญญาณ (2)
“ท่านเจ้าสำนัก!”

ดวงตาของอ๋าวอี่สั่นไหวด้วยความรู้คุณ แล้วโค้งคำนับให้หลี่ฉางโซ่วอย่างสุดซึ้งและกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ และในชีวิตนี้ อ๋าวอี่ก็จะไม่มีวันทำให้ท่านเจ้าสำนักต้องผิดหวังเช่นกัน!”

“พี่อี่จริงจังไปแล้ว” หลี่ฉางโซ่วยื่นมือไปช่วยพยุงตัวอ๋าวอี่ขึ้นด้วยตัวเอง จากนั้นก็พูดคุยถึงวิธีจัดการสถานการณ์กับอ๋าวอี่

แม้จะเป็นการสนทนา แต่จริง ๆ แล้ว หลี่ฉางโซ่วยังคงเป็นผู้ให้คำชี้แนะแก่อ๋าวอี่อย่างต่อเนื่อง เขาอยากให้อ๋าวอี่บอกแผนการติดตามผลกับเขาเพื่อให้อ๋าวอี่รู้สึกว่ามันเป็นแผนการของเขาเอง

เมื่อเป็นเช่นนั้น ย่อมจะมีผลดีกว่าเมื่ออ๋าวอี่ชี้แจงต่อราชามังกรในภายหลัง

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจว่าจะทำแผนการติดตามผลอย่างไรต่อไป

จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ตัดการสื่อสารทางวิญญาณของเขา และอ๋าวอี่ก็ออกจากความฝันแล้วยิ้มขออภัยสตรีของเขาที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมและรีบเดินออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว

พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้แผนการที่วางไว้ด้วยกันเมื่อสำนักบำเพ็ญประจิมพยายามวางแผนทำร้ายพวกเขา พวกเขาจะแสร้งทำเป็นว่าเผ่าพันธุ์มังกรได้เลิกราสัมพันธ์กับสำนักเทพทะเลทักษิณแล้วเพื่อทำให้สำนักบำเพ็ญประจิมลดความระแวดระวังลง

ประเด็นหลักคือ เผ่าพันธุ์มังกรสามารถค้นหาว่ามีปรมาจารย์เผ่ามังกรผู้แอบสมรู้ร่วมคิดกับสำนักบำเพ็ญประจิมจำนวนมากเท่าใด

นั่นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเผ่าพันธุ์มังกร

หลี่ฉางโซ่วเข้าปิดด่านอยู่ในห้องลับใต้ดินเป็นเวลาสามเดือนและในที่สุด เขาก็ระงับขอบเขตพลังปราณของเขาเองได้อย่างสมบูรณ์

ในช่วงเวลานั้น เขาก็พยายามจะตัดเต๋าอีกครั้ง คราวนี้ขอบเขตพลังปราณของเขาลดลงไปเพียงในขอบเขตเล็กๆ แต่ฐานเต๋าของเขาก็สมบูรณ์แบบมากขึ้น

เขาไม่อยากสร้างรากฐานเต๋าที่สมบูรณ์แบบ มันไม่ควรทำอะไรให้มากเกินไปโดยไม่จำเป็น และต้องมีระดับการดำเนินการที่เหมาะสม

ความจริงแล้ว นี่เป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ธรรมดา…

เขารู้ว่า เขาสามารถตัดขอบเขตพลังของเขาได้อย่างต่อเนื่องและเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานเต๋าของเขา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอัตราความสำเร็จในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน

ในขณะที่ปรับปรุงรากฐานเต๋าของตัวเขาเอง ก็จะทำให้ทัณฑ์สวรรค์เซียนจินแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราความสำเร็จในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เซียนจิน

เมื่อทั้งสองทำงานร่วมกัน อัตราความสำเร็จในการข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ก็จะเพิ่มขึ้นในลักษณะเป็นเส้นโค้งคือ เพิ่มสูงขึ้นในตอนแรก เสถียรคงที่ในช่วงกลางก่อนจะลดลงไปหลังจากนั้น

สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วต้องทำคือการจับจุดสูงสุดของเส้นโค้งนี้

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีเหตุผลของความคิดเชิงปรัชญาในด้านคณิตศาสตร์

“มันไม่มีอะไรมากไปกว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนมีตรรกะเดียวกัน”

หลี่ฉางโซ่วหัวเราะเบา ๆ แล้วกลับไปที่หอโอสถ เขาหลอมโอสถมาเป็นเวลาหลายปีให้อาจารย์อาน้อยและขุดเอาสุราชั้นดีที่เขาบ่มเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา

นับวันแล้ว ในไม่ช้านี้ อาจารย์อาจิ่วจิ่วกำลังจะมาเยี่ยมเพราะขาดสุราอย่างแน่นอน

เนื่องจากสงหลิงลี่เพิ่งมาถึงยอดเขาหยกน้อยไม่นาน หลี่ฉางโซ่วจึงยังไม่อาจทิ้งนางเอาไว้ให้อยู่คนเดียวลำพังได้

หลังจากหลอมโอสถถั่วหวานแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ไพล่มือไปทางด้านหลังและบินไปที่ห้องเดินหมากข้างกรงสัตว์วิญญาณ…

ทว่าก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินเสียงบรรเลงดนตรีที่ไพเราะน่ารื่นรมย์

ดนตรีนี้บรรเลงด้วยกู่ฉิน ขลุ่ยหยก และเอ้อร์หู เสียงดนตรีไพเราะและเข้ากันได้ดี นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเคาะจังหวะที่มักจะเคาะพลาดจังหวะไป

อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองเพลงที่บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีเหล่านี้ล้วนเรียบง่ายยิ่งในขณะที่หลี่ฉางโซ่วก็อดจะส่งเสียงคลอตามในใจไม่ได้…

สองพยัคฆ์ สองพยัคฆ์ กำลังวิ่งอย่างรวดเร็ว…

หลี่ฉางโซ่วจับตามองดูและอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

ในห้องโถงใหญ่ของห้องเล่นไพ่เดินหมากของยอดเขาหยกน้อย ขณะนี้ หลิงเอ๋อร์ในชุดกระโปรงสีขาวเรียบๆ พร้อมด้วยเส้นผมสีดำที่แผ่สยายลงมาราวกับน้ำตก กำลังนั่งอยู่ด้านหลังกู่ฉิน…

และมีตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวที่หลิงเอ๋อร์สร้างขึ้นด้วยพลังเวท ยืนอยู่ข้างๆ นางเงียบๆ

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสองมีพลังเวทที่อ่อนแอและมีกลิ่นอายลมปราณค่อนข้างคงที่ ในขณะนี้ หนึ่งในนั้น กำลังเล่นเอ้อร์หูและอีกหนึ่งกำลังเป่าขลุ่ยหยกซึ่งสรรสร้างท่วงทำนองเพลงที่ไม่เลวเลย

นั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะสามารถฝึกทักษะการทำงานหลายอย่างไปพร้อมกันได้

บรรดาเพลงที่ร่างหลักและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์บรรเลงนั้นมีตั้งแต่เรียบง่ายไปจนถึงซับซ้อน ยิ่งพวกเขาทำงานหลายอย่างพร้อมกันมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำงานมากขึ้นเท่านั้น

สงหลิงลี่ ‘ขดตัว’ นั่งลงข้าง ๆ และถือ “กลองจิ๋ว” เอาไว้ในมือ นางเคาะนิ้วลงบนกลองเบา ๆ เป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้เรื่องนักและมักจะพลาดจังหวะไป…

เมื่อเห็นพวกนางกำลังมุ่งฝึกซ้อมอยู่ หลี่ฉางโซ่วจึงไม่อยากรบกวน เขาหันไปรอบ ๆ ขณะอยู่บนเมฆของเขาก่อนจะไปตรวจดูกรงสัตว์วิญญาณ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมและเลื่อมใสนางอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็หยิบสมบัติชิ้นหนึ่งขึ้นมา!

หากสงหลิงลี่ต้องไปอยู่ในโลกที่เขาเคยอาศัยอยู่ในชาติก่อน นางคงจะเป็นปรมาจารย์น้อยผู้บุกเบิกที่มั่งคั่ง และมีมากความสามารถอย่างแน่นอน และนางย่อมจะเป็นผู้บุกเบิกในการเลี้ยงสุกรขายในราคาสูงเป็นผลตอบแทนอย่างแน่นอน!

ดูกรงสัตว์วิญญาณนี้สิ เพียงไม่กี่เดือนลูกสัตว์แสนอร่อยชุดแรกก็ออกมาในกรงแล้ว

พวกเขาต้องกลายเป็นคนอ้วนกลมจริงๆ!

เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ช่างมันเถิด ในฐานะลูกพี่ลูกน้องและพี่ชายของนาง ข้าย่อมไม่อาจหักหลังนางได้!

หลี่ฉางโซ่วบินไปยังป่าทึบด้านหลังภูเขายอดเขาหยกน้อย จากนั้นก็พบพื้นที่ว่างโล่งปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวแล้วหยิบถั่วสีเขียวเปล่งแสงแวววาวออกมาจากแขนเสื้อก่อนจะสะบัดนิ้วแล้วโปรยเมล็ดถั่วลงไปตรงกลางพื้นที่โล่งนั้น

พลังเวทโปรยถั่วเป็นทหาร!

หลี่ฉางโซ่วสงบลมปราณและประกบมือของเขาสร้างตราผนึกออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้น เสี้ยวพลังเวทก็ก่อตัวขึ้นตราผนึกเต๋าและพุ่งเข้าสู่ถั่วที่ผ่านการแปรรูปพิเศษ

หลังจากนั้นไม่นาน ถั่วก็ระเบิดออก แล้วจู่ๆ ทหารที่สูงกว่าเจ็ดฉื่อก็ปรากฏกายออกมาจากที่ใดก็สุดหยั่งรู้ เขาถือกระบี่ยาวเอาไว้ในมือด้วยท่าทีที่ดูแข็งแกร่งเหนือสามัญ

น่าเสียดายที่ดวงตาของทหารผู้นี้ดูหม่นมัว ไร้ชีวิตชีวา และดูไม่ฉลาดนัก…

นี่คือ ทหารรุ่นดั้งเดิมที่ก่อตัวขึ้นมาจากถั่ว หลี่ฉางโซ่วทำการคำนวณบางอย่าง ตามระดับการบำเพ็ญเพียรของหลิงเอ๋อร์ในยามนี้ นางสามารถใช้พลังเวททั้งหมดไปกับโปรยถั่วเป็นทหารนี้ได้ และในเวลาอันสั้น นางจะสามารถสร้างกองทัพทหารได้หลายร้อยคนด้วยความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขอบเขตสร้างปราณวิญญาณเทพขั้นสาม

ทหารเหล่านั้นจะสามารถคงอยู่ได้ราวหนึ่งชั่วยาม

“หากเป็นเช่นนี้…” หลี่ฉางโซ่วจัดวางค่ายกลสองสามชั้นที่นี่และเริ่มทำการทดลองของเขาอย่างละเอียด เมื่อขอบเขตพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาจะสามารถปรับความแข็งแกร่งของโปรยถั่วเป็นทหารให้มีความแข็งแกร่งต่างกันได้ และตรวจสอบคุณค่าในทางปฏิบัติของโปรยถั่วเป็นทหาร…

ไม่นานหลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สัมผัส ‘เพดาน’ ของพลังเวทดั้งเดิมได้อย่างรวดเร็ว พลังเวทนั้นสามารถสร้างกลุ่ม “ทหาร” ที่เทียบเท่ากับขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นหกได้อย่างมากที่สุด ละอาจอยู่ได้นานเป็นเวลาสิบสองชั่วยาม

ยิ่งไปกว่านั้น ทหารเหล่านั้นยังไม่อาจร่ายเวทหรือใช้พลังเวทใดๆ ได้ และไม่อาจควบคุมมันได้ พวกเขาสามารถรับได้เฉพาะเป้าหมายศัตรูหรือคำสั่งง่ายๆ เท่านั้นก่อนที่จะยกอาวุธขึ้นแล้วพุ่งออกไปข้างหน้า

หากใช้พลังเวทในการต่อสู้แบบมนุษย์ มันย่อมจะเป็นประโยชน์

แต่มันไร้ประโยชน์สำหรับหลี่ฉางโซ่ว

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องดีสำหรับต้นไม้วิญญาณบนยอดเขาหยกน้อย…

หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถามคำถามกับตัวเองสองสามข้อ

ข้าควรใช้พลังเวทนี้หรือไม่?

จำเป็นต้องเปลี่ยนพลังเวทนี้หรือไม่?

ข้าจะได้รับผลตอบแทนอย่างไรหลังจากใช้พลังงานไป?

ในไม่ช้า หลี่ฉางโซ่วก็มีคำตอบ

เปลี่ยน!

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้มอบพลังเวทนี้ให้ หากเขาสามารถคิดค้นกลวิธีใหม่ๆ ได้ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ย่อมจะยินดีที่จะมอบพลังเจดีย์วิจิตรเทียนตี้เสวียนหวงให้กับเขา ซึ่งจะคงอยู่ได้นานหลายปี และนั่นจะเป็นผลประโยชน์มหาศาล!

เพื่อจะเปลี่ยนร่างปีศาจ อันดับแรก เขาจะต้องมีตำแหน่งที่ถูกต้องของ “ทหาร” ที่เขาเปลี่ยนจากถั่วด้วยโปรยถั่วเป็นทหาร

หลี่ฉางโซ่วค่อยๆ พัฒนาความคิด และรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า พลังเวทนั้นเข้ากันได้ดีกับระบบยุทธวิธีของเขาในยามนี้!

ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แบบใหม่สามารถเก็บพลังเซียนได้ ในขณะนี้ มันเทียบเท่ากับเซียนเทียนระดับต้น

และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์แบบนี้ จะโปรยถั่วได้หลายร้อยเม็ดออกไปพร้อมๆ กัน…

เขาสามารถเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เอาไว้ได้ เมื่อหลี่ฉางโซ่วใช้พลังเซียนจนหมด เขาจะสามารถดูดซับพลังวิญญาณและฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว หากเขามีต้นไม้วิญญาณเพียงพอ เขาจะสามารถสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์จากระยะไกลได้อย่างต่อเนื่อง

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หากหลี่ฉางโซ่วจะใช้เพียงพลังเวทดั้งเดิมในการโปรยถั่วเป็นทหาร เขาจะสามารถสร้างกองทัพทหารขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีที่จะคงอยู่เป็นเวลาสิบสองชั่วยามได้!

หากเขาสามารถเปลี่ยนพลังเวทนั้นและเพิ่มพลังของมันได้สำเร็จ ก็จะทำให้ทหารถั่วแข็งแกร่งขึ้น คงอยู่ได้นานขึ้น ในขณะที่ใช้พลังเซียนน้อยลง…

บัดนี้ ข้า นักพรตเต๋าฉางเกิง มีทหารสวรรค์นับล้านซ่อนไว้ในแขนเสื้อของข้าแล้ว!

………………………………………………………………