ตอนที่ 671 วิกฤต (2) / ตอนที่ 672 วิกฤต (3)
ตอนที่ 671 วิกฤต (2)
อุณหภูมิรอบด้านเย็นจนสั่นสะท้าน การเสียขนไปทั้งหมดและได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอ่อนแออย่างถึงที่สุด ความเจ็บปวดจากบาดแผลและอุณหภูมิที่หนาวเหน็บ ทำให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อาการสั่นของมันสะท้อนอยู่ในดวงตาของจวินอู๋เสีย ภาพนั้นทำให้แววตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำปรากฏตัวขึ้นทันที โดยไม่จำเป็นต้องให้จวินอู๋เสียบอก มันก็ขดตัวรอบจวินอู๋เสียกับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ พยายามเต็มที่ที่จะส่งผ่านความร้อนจากร่างมันให้มากที่สุดแก่สหายของมันทั้งสอง
จวินอู๋เสียปลดชุดคลุมชั้นนอกออกแล้วกอดใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไว้ติดกับท้องของนางเพื่อรักษาความอบอุ่นให้แก่เจ้าแกะน้อย
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ แทบไม่มีอะไรในสามโลกเบื้องล่างจะสามารถต่อต้านมันได้ ไม่ต้องพูดถึงการทำร้ายมันแม้แต่น้อยเลย แต่บอลเพลิงสีเขียวนั่นกลับเผาไหม้สัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติได้เพียงแค่โดนครั้งเดียว และทำให้มันบาดเจ็บสาหัสได้ถึงขนาดนี้!
ถ้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่กระโจนเข้ามาชนจวินอู๋เสียออกไป ด้วยระดับพลังของจวินอู๋เสีย นางจะตายในทันทีที่สัมผัสโดนบอลเพลิงสีเขียวนั้น!
นางจะไม่มีโอกาสรอดตายได้เลย
“เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะไล่ตามเรามาหรือไม่” สัตว์ร้ายสีดำถาม เสียงของมันฟังเหมือนจะร้องไห้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันไม่มีแม้แต่โอกาสจะปรากฏตัวขึ้นก่อนจะพบว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เมื่อเห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนั้น เจ้าสัตว์ร้ายสีดำก็นึกภาพออกเลยว่าสัตว์ประหลาดนั่นแข็งแกร่งมากเพียงใด
ไม่แค่เพียงใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเท่านั้น ต่อให้เจ้าบัวหิมะมัวเมาและภูติวิญญาณของเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ร่วมมือกันโจมตี พวกมันก็ไม่ใช่คู่มือของสัตว์ประหลาดตัวนั้น พวกมันจะไม่…สามารถสกัดกั้นการโจมตีของสัตว์ประหลาดนั้นได้เลย แค่ซื้อเวลาให้จวินอู๋เสียกับคนอื่นๆ ในกลุ่มหลบหนีไปก็ยังไม่ได้
ในตอนนั้นเจ้าสัตว์ร้ายสีดำรู้สึกซาบซึ้งกับการเสียสละโดยไม่เห็นแก่ตัวของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ จวินอู๋เสียก็อาจจะตายไปแล้ว
ถึงแม้ผู้ที่โดนโจมตีจะเป็นสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติ แต่มันก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี ไม่ต้องเดาเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นจวินอู๋เสีย
“ไม่ตามหรอก” เสียงของจวินอู๋เสียแหบเล็กน้อย นางก้มมองร่างที่ขดตัวแน่นอยู่ในอ้อมแขน แล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
“ก่อนที่เราจะลอยมา ข้าได้ยินเสียงโซ่ ถ้าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอย่างนั้นกำลังเฝ้าพิทักษ์สถานที่อยู่ ไม่ต้องพูดถึงผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่สิบสองตำหนักส่งมาก่อนหน้านี้ ต่อให้จ้าวตำหนักของสิบสองตำหนักมาเอง พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถล้มสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ ตอนที่บิดามารดาของเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ค้นพบที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาต้องพบเส้นทางที่จะหลบเลี่ยงสัตว์ประหลาดตัวนั้นแน่ สัตว์ประหลาดตัวนั้นต้องถูกจำกัดการเคลื่อนไหวเอาไว้ด้วยโซ่ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตายกันหมดแล้ว” จวินอู๋เสียพูด วิเคราะห์สถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญมาทั้งหมดอย่างใจเย็น
ครั้งนี้พวกเขาเกือบหนีจากเงื้อมมือแห่งความตายไม่ได้
น่องขาข้างซ้ายของนางหักและต้องได้รับการดูแลรักษาในทันที การอุ้มใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะเอาไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ทำให้นางไม่กล้าเคลื่อนไหวมากนัก และต้องชะลอการรักษาตัวเองออกไปก่อน นางใช้กระบองสามท่อนที่ยังเหลืออยู่ในถุงเอกภพมาดามขาและใช้ผ้าพันแผลพันไว้รอบๆ ขาข้างที่บาดเจ็บ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว
ภูมิประเทศที่นี่แตกต่างจากสถานที่ที่พวกเขาเคยผ่านมาก่อนโดยสิ้นเชิง ที่นี่ไม่มีตะไคร่และบ่อน้ำ พื้นทั้งหมดเป็นสีดำ ดูเหมือนร่องรอยของการเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ถึงแม้พื้นดินจะเปียกเล็กน้อย แต่มันก็แข็งและแน่นมาก เทียบกับพื้นที่มีบ่อน้ำนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเต็มไปหมดแล้วนั้น ที่นี่ปลอดภัยกว่ามาก
จวินอู๋เสียคิดว่าตัวนางโชคดีมากที่ถูกโยนมาบริเวณนี้ ถึงแม้นางจะขาหัก แต่ก็โชคดีที่นางไม่ได้ตกลงไปในบ่อน้ำไร้ก้น
ถ้าพวกเขาถูกโยนลงไปในบ่อไร้ก้นแบบหมดสติ พวกเขาคงตายโดยที่ไม่ทันจะส่งเสียงด้วยซ้ำ
จวินอู๋เสียใช้แสงไฟจากผลึกไฟมองไปรอบๆ ตัว เมื่อไม่เห็นร่องรอยของเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ นางก็แน่ใจแล้วว่านางอยู่เพียงลำพังคนเดียวในพื้นที่ว่างเปล่าสีเทาและขาวอันกว้างใหญ่
ตอนที่ 672 วิกฤต (3)
พายุหมุนที่รุนแรงนั้นต้องทำให้ทุกคนกระจัดกระจายกันไป และนางไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ นั้นไปอยู่ที่ไหนในตอนนี้
ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าเต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน ภูมิประเทศของมันถูกซ่อนจากสายตา ไม่มีใครรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ความหนาวเหน็บ ความมืดมิด และอันตรายที่สามารถปรากฏออกมาได้ทุกเมื่อ ทำให้สถานที่นี้เป็นเหมือนนรกสำหรับผู้ที่เหยียบย่างเข้ามา
มีขาที่หักเป็นภาระและยังไม่รู้ว่าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะจะรอดหรือไม่ จวินอู๋เสียจึงไม่สามารถขยับไปไหนได้
แม้ว่านางจะเคยเป็นสัตวแพทย์มาก่อน แต่สัตว์วิญญาณก็แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงพวกนั้น นางไม่แน่ใจว่านางจะสามารถรักษาใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะให้หายเป็นปกติได้หรือไม่
หมอกรอบตัวของนางหนาขึ้น จวินอู๋เสียจึงไม่สามารถลดการระวังตัวลงได้ นางเรียกเจ้าดอกบัวขาวน้อยออกมาและส่งไหสุราที่เตรียมไว้ออกจากถุงเอกภพยื่นให้เจ้าดอกบัวขาวน้อย เจ้าดอกบัวขาวน้อยมองจวินอู๋เสียแล้วเลื่อนสายตาไปมองใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่อาการสาหัส ริมฝีปากของเขาสั่นระริก เขาเดินเตาะแตะเข้ามาก่อนจะดึงเอาเมล็ดบัวออกมาวางลงบนมือของจวินอู๋เสีย
“ให้เขากลืนลงไป มันอาจจะช่วยได้ ถ้าไม่ได้ผล…ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ…ข้าจะให้เขากัดข้าโดยตรงเลย” เจ้าดอกบัวขาวน้อยมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาเคร่งเครียดจริงจังขณะที่พูด เหมือนครั้งที่อยู่ในเทือกเขาเมฆา ตอนที่เขากัดเนื้อของตัวเองออกอย่างกล้าหาญและป้อนมันให้จวินอู๋เสีย เจ้าดอกบัวขาวน้อยตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวหนักแน่น
หลังจากประกาศข้อเสนอที่ไม่คำนึงถึงตัวเองแล้ว เจ้าดอกบัวขาวน้อยก็ยกไหสุราขึ้นมาจ่อปากและกระดกมันลงไป เขารู้ดีว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตัวเขาอีกคนจะมีประโยชน์มากกว่าเขาเอง
ครู่ต่อมาบัวหิมะมัวเมาที่หน้าแดงเล็กน้อยก็ปรากฏตัวตรงหน้าจวินอู๋เสีย วินาทีที่เขาเห็นสภาพของจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขาก็ลุกวาบด้วยโทสะอันรุนแรง เขาโฉบเข้ามาอยู่ข้างกายของจวินอู๋เสียในทันที
“บัดซบ” บัวหิมะมัวเมาสบถพร้อมกับต่อยหมัดทั้งสองลงพื้น
“ไปสำรวจรอบๆ ถ้าพบคนอื่นให้พาพวกเขามาที่นี่” จวินอู๋เสียพูดอย่างสงบ จากวิกฤตที่ทุกคนเจอมา นางสงสัยว่าทุกคนจะยังอยู่รอดปลอดภัยดีหรือไม่
“ได้” บัวหิมะมัวเมามองบาดแผลบนขาของจวินอู๋เสียอีกครั้งและตอบอย่างจริงจัง ร่างของเขาพร่ามัวแวบหนึ่งและหายตัวไปอย่างรวดเร็วเพื่อไปตรวจสอบบริเวณรอบๆ
ภูติวิญญาณไม่ต้องมองหาเส้นทาง พวกเขาเป็นร่างวิญญาณ และร่างวิญญาณสามารถตรวจจับสิ่งที่มีชีวิตได้จากกลิ่นอายของพวกเขา ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับอันตราย ภูติวิญญาณจะสามารถสลายร่างวิญญาณที่ไร้รูปร่างได้อย่างรวดเร็วและกลับไปหาเจ้าของพันธสัญญาของพวกเขาได้ในทันที
การที่บัวหิมะมัวเมาช่วยไปตรวจสอบพื้นที่ให้ ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกวางใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดนางก็ผ่อนคลายลงได้บ้างนิดหน่อย จากนั้นก็เอาเวลามาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตัวเอง
อาการบาดเจ็บที่ขาซ้ายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุด นอกจากนั้นแรงสะเทือนอันรุนแรงในตอนที่พวกเขาถูกโยนลอยไปก็ทำให้ร่างกายของนางบาดเจ็บหนักหลายแห่ง นางรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างโดยมีอาการปวดที่หลังมากที่สุด
สิ่งที่นางพบว่าโชคดีมากที่สุดก็คือ ถึงแม้จะมีบาดแผลและเจ็บไปทั่วทั้งร่าง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีจุดไหนสักแห่งที่ร้ายแรงถึงตาย
จวินอู๋เสียยัดเมล็ดบัวของเจ้าดอกบัวขาวน้อยเข้าไปในปากของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะ และกรอกน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนตามลงไป พร้อมกับหวังว่าพลังของสัตว์วิญญาณระดับภัยพิบัติจะเพียงพอที่จะช่วยให้ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะผ่านพ้นไปได้
หลังจากนั้นไม่นาน บัวหิมะมัวเมาก็กลับมา เขาไม่พบคนอื่นๆ เลย แต่เขาพบบ้านหินเก่าๆ ที่ดูเหมือนถูกทิ้งเอาไว้นานแล้ว
“บ้านหินหรือ” จวินอู๋เสียถามพร้อมกับเลิกคิ้ว บ้านหินที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าเนี่ยนะ
“ขอรับ แต่ดูเหมือนมันจะถูกทิ้งเอาไว้นานแล้ว” บัวหิมะมัวเมาพูดเสริม
จวินอู๋เสียหรี่ตาอย่างใช้ความคิด การมีบ้านหินอยู่ที่นี่นับเป็นเรื่องแปลกมาก แต่ก็ต้องบอกว่า จากสถานการณ์ในตอนนี้ของนาง ที่หลบภัยแบบใดก็ตามที่ปกป้องนางได้ก็ย่อมเป็นสถานที่ที่นางยินดีไปมากที่สุด