ภาค-2-ตำนานเฟิงอี้ ตอนที่ 38 ไล่ล่าพันลี้ (1)

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ

สุยอวิ๋นยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ฉีอ๋องก็มาเยี่ยมเขา ยามนั้นรัชทายาทกับยงอ๋องไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ผู้คนในยามนั้นต่างมิเข้าใจ ต่อมาจึงรู้ว่าฉีอ๋องทำเพื่อปกป้องตนเอง

…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ

เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ข้ารู้สึกเลือนรางว่ามีคนห่มผ้าให้ แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่คุ้นเคย ข้าตกใจตื่นทันที พูดตามตรง หลังจากผ่านพ้นความตายมาอย่างหวุดหวิดครั้งนี้ ข้าก็เลิกไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัวเหมือนก่อนหน้า

ข้าปรือตาขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นข้าจึงเห็นฉีอ๋องหลี่เสี่ยนนั่งสีหน้ากังวลอยู่ข้างกายข้า เสี่ยวซุ่นจื่อมองเขาอย่างมาดร้าย ข้าฉุกคิดขึ้นมาได้ ยงอ๋องเล่าว่าตอนที่ข้ากำลังดิ้นรนอยู่ระหว่างห้วงความเป็นความตาย ฉีอ๋องทราบว่าข้าต้องการดีหมีเพื่อต่อชีวิต เขาจึงส่งดีหมีชุดหนึ่งที่อยู่ในมือตนมาให้โดยมิกลัวว่าจะถูกสงสัย

การที่องค์หญิงฉางเล่อมอบโสมดำกับดีหมีให้ข้าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดของข้าแล้ว แต่การที่ฉีอ๋องทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้าตกตะลึง การทำเช่นนี้ย่อมจุดโทสะแก่รัชทายาท เหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้เล่า กระนั้นข้าก็ไม่ลืมตา ข้าจะพูดอะไรได้เล่า ข้าเลือกมานานแล้ว แม้ไม่ติดตามยงอ๋อง ข้าหรือจะติดตามฉีอ๋อง ในเมื่อชะตาลิขิตให้ไม่มีทางเป็นนายบ่าวกัน ถ้าเช่นนั้นไยต้องลำบากเหลือเยื่อใยต่อกันอีก

ฉีอ๋องถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินออกไปหยุดยืนอยู่หน้าประตู เสี่ยวซุ่นจื่อปิดประตูแล้วตามออกไป ข้าเงี่ยหูฟังจึงได้ยินฉีอ๋องเอ่ยเสียงราบเรียบว่า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา จำไว้จงบอกนายของเจ้า ในเมื่อเขามิปรารถนาไขว่คว้าชื่อเสียงเงินทอง ไยต้องคลุกคลีอยู่ที่นี่อีก สำนักเฟิงอี้หาเรื่องง่ายหรือไร ต่อให้พวกนางไม่ลงมือ ข้างกายรัชทายาทไม่มียอดฝีมือเช่นนั้นหรือ สุยอวิ๋นเป็นเพียงบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่ง ครั้งนี้โชคดีรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ครั้งหน้าเล่า จงเกลี้ยกล่อมเขาอย่าอยู่ที่ฉางอันต่ออีกเลย

ข้าได้ยินเสี่ยวซุ่นจื่อตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ท่านอ๋องสั่งสอนถูกต้อง บ่าวจะบอกต่อคุณชาย

ผ่านไปครู่หนึ่งเสี่ยวซุ่นจื่อก็ผลักประตูเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเย็นยะเยือก เต็มไปด้วยจิตสังหาร ข้าถามอย่างแปลกใจ เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเกลียดชังฉีอ๋องมากหรือ

เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยอย่างโมโห ใครให้เขาทำตัวเป็นแมวร่ำไห้ให้มุสิกเล่า เขาคิดว่าพวกเรายังไม่รู้ว่าเขาเล่นบทบาทอะไรหรือ

ข้าเลิกคิ้วแสดงความสงสัย เสี่ยวซุ่นจื่อใจเย็นลงก่อนจะเล่าต่อ หลายวันมานี้องค์ชายกับข้ายุ่งอยู่กับเรื่องของคุณชาย แม่ทัพซือหม่าเป็นผู้รับผิดชอบการสืบสวนในจวนอ๋อง แม่ทัพซือหม่าสืบพบว่าคันธนูที่มือสังหารทิ้งไว้เป็นของที่ใช้ในกองทัพ แต่การนำคันธนูเข้ามามิใช่เรื่องง่าย วันที่สิบหกยามองค์ชายจัดงานเลี้ยง การตรวจค้นแขกเหรื่อเข้มงวดยิ่งนัก วันนั้นไม่มีผู้ใดพกคันธนูมาแน่นอน หากในจวนมีไส้ศึก ถ้าเช่นนั้นคันธนูก็อาจถูกซ่อนไว้ก่อนเกิดเรื่อง แต่แม่ทัพซือหม่าสืบไม่พบเงื่อนงำแต่อย่างใด

ต่อมาพวกเราจึงนึกขึ้นได้ว่าวันที่สิบห้าพระชายาของฉีอ๋องเคยมาเยี่ยมพระชายา พวกเราย่อมมิอาจตรวจค้นรถม้าของพระชายาฉีอ๋องอย่างละเอียดได้ ดังนั้นแม่ทัพซือหม่าจึงสงสัยว่าพระชายาฉีอ๋องเป็นผู้นำธนูคันนั้นเข้ามา หลังจากนั้นมอบให้มือสังหารใช้

ข้าเอ่ยอย่างนิ่งสงบ เรื่องนี้ไม่มีหนทางพิสูจน์ สิ่งที่ทำได้วันนี้มีเพียงวางการคุ้มกันจวนอ๋องใหม่เท่านั้น แม้ก่อนหน้านี้องค์ชายจะพานพบอันตรายหลายครั้ง แต่ยามนั้นสำนักเฟิงอี้ยังไม่ได้หนุนรัชทายาทอย่างเป็นทางการ ดังนั้นการคุ้มกันจวนยงอ๋องจึงยังใช้การได้ แต่วันนี้เมื่อต้องรับมือกับมือสังหารชั้นยอดเช่นสำนักเฟิงอี้ย่อมไม่เพียงพอ

เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยอย่างเย็นชา คุณชาย มั่นใจแล้วหรือว่าผู้ที่ลอบสังหารคุณชายคือสำนักเฟิงอี้

ข้ามองประกายไฟในดวงตาของเขา หากข้าเอ่ยว่า ใช่ เขาคงแล่นออกไปสังหารคนเสียเดี๋ยวนี้ แต่ข้าทำได้เพียงส่ายศีรษะ ข้าเพียงบอกว่าฝีมือของมือสังหารน่าจะไม่ด้อยกว่าสำนักเฟิงอี้ แต่ไม่ได้บอกว่าคนของสำนักเฟิงอี้เป็นคนทำ วันนั้นข้าเห็นมือสังหารแวบหนึ่ง หากเห็นอีกครั้งน่าจะจดจำได้ แต่ข้ามั่นใจว่าไม่ใช่ฉินชิงเป็นคนลงมือก็เท่านั้น

เสี่ยวซุ่นจือขมวดคิ้ว เอ่ยว่า นอกจากคนเหล่านี้ก็เหลือเพียงเซี่ยโหวหยวนเฟิงกับหลี่หันโยวแล้ว แม่ทัพเผยอยู่ข้างกายคุณชาย เว่ยกั๋วกงฐานะเช่นนั้นก็คงไม่ใช่เขากระมัง

ข้าเอ่ยอย่างนิ่งสงบ เซี่ยโหวหยวนเฟิงบอกว่าตนออกไปสุขา ส่วนหลี่หันโยวบอกว่าไม่ชอบเสียงดังเอะอะด้านหน้า ดังนั้นพอแสดงความยินดีเสร็จจึงไปพบพระชายาที่ด้านหลัง สองคนนี้ล้วนลงมือได้ แต่พวกเราก็มิอาจตัดความเป็นเป็นไปได้ที่จะมีผู้อื่นลอบปะปนเข้ามา พวกเราต่างรู้ว่าผู้ที่เข้ามาลอบสังหารถึงในสวนเหมันต์ได้จะต้องเป็นแขกในวันนั้น หรือสายลับในจวนอ๋อง แต่สิ่งนี้เป็นหลักฐานมิได้ ดังนั้นแม้พวกเขาสองคนจะน่าสงสัยยิ่งนัก แต่ท่านอ๋องก็ไม่อาจจับกุมพวกเขาได้

ข้าคงบอกว่าเป็นหลี่หันโยวไม่ได้สินะ ถึงอย่างไรแม้แต่หน้าของนาง ข้าก็ไม่เคยพบ การคาดเดาที่ไร้หลักฐาน ไม่กล่าวออกไปจะดีกว่า

เสี่ยวซุ่นจื่อเอ่ยอย่างเย็นชา เรื่องที่ท่านอ๋องทำไม่ได้ ข้าทำได้ ขอเพียงคุณชายอนุญาต ข้าจะไปสังหารพวกเขาเดี๋ยวนี้

ข้าหัวเราะ เหลวไหว พวกเราจะทำตัวไร้เหตุผลได้เช่นไร หากพวกเขาเป็นผู้ลงมือ วันหน้าอย่างไรก็คงมาสร้างความลำบากให้พวกเราอีก เจ้ายังกลัวไม่มีโอกาสจัดการพวกเขารึ เอาละ ไปล่าเพชฌฆาตใจทมิฬเถอะ ไม่ว่าอย่างไรก็ปล่อยเขาไปเฉยๆ เหลือไว้เป็นภัยในภายหน้าไม่ได้

เสี่ยวซุ่นจื่อตอบอย่างเรียบเฉย คุณชายโปรดวางใจ ข้าจัดวางการคุ้มกันสวนเหมันต์ใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้คุณชายไม่ชอบให้พวกเขาอยู่ใกล้นัก ครั้งนี้คงตามใจคุณชายไม่ได้แล้ว

ข้าเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน เรื่องนี้ ข้าจะไม่ไล่พวกเขาก็แล้วกัน

เสี่ยวซุ่นจื่อเห็นข้าเป็นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า รอข้ากลับมาแล้ว ท่านจะทำเช่นไรก็ตามใจ แต่หากข้าไม่อยู่ ข้างกายคุณชายจะไร้คนเฝ้ามิได้

ข้าพยักหน้าย้ำๆ ข้าถูกลอบสังหารครานี้ เสี่ยวซุ่นจื่อรู้สึกผิดยิ่งนัก เขามักรู้สึกว่าไม่ได้ปกป้องข้าให้ดี แต่เขามิใช่คนที่คอยแต่จะโทษตนเอง ดังนั้นนับแต่นี้เขาไม่มีทางยอมปล่อยข้าทำตามอำเภอใจอีกแน่ แม้ข้าชมชอบความอิสระ แต่คิดดูแล้วชีวิตย่อมสำคัญกว่า ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่ล่วงรู้ความสำคัญของข้า ข้าก็เกือบมอดม้วยแล้ว ยามนี้เกรงว่าข้างกายข้าคงอันตรายทุกอย่างก้าว ไหนเลยจะกล้ากระทำตามใจอีก ถึงอย่างไรก็แค่ข้างกายมีองครักษ์เพิ่มมาสักหน่อยเท่านั้น ข้าจะทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขาก็แล้วกัน

เสี่ยวซุ่นจื่อจากไปอย่างรีบร้อน ข้ารู้ว่าเขาคงไปไล่ล่าเพชฌฆาตใจทมิฬ ได้ยินว่าเพชฌฆาตใจทมิฬหลบหนีการไล่ล่ามาหลายครั้งแล้ว หากไม่รีบไป เกรงว่าคงปล่อยให้เขาหนีกลับหนานฉู่สำเร็จ หากสังหารมือสังหารที่ร่วมการลอบสังหารวันนั้นด้วยมือตนเองไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเสี่ยวซุ่นจื่อคงมิอาจให้อภัยตนเอง

ข้าล้มตัวนอนอย่างสุขสบาย ยามนี้ภารกิจสำคัญที่สุดของข้าคือพักฟื้นร่างกาย ข้านึกถึงคำเตือนของท่านหมอซัง ข้าย่อมไม่อยากมีชีวิตเพียงสิบปี ข้าจึงเริ่มฝึกพลังภายในบำรุงร่างกายที่ทิ้งร้างไปเนิ่นนานอีกครั้ง ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยสีสันเช่นนี้ หากข้าตายเร็วเกินไป ไยมิใช่น่าเสียดาย รอดพ้นจากความตายครั้งนี้ทำให้ข้ารู้สึกปลงตกกับเรื่องราวหลายอย่าง แม้แต่การนึกถึงเพียวเซียงก็ไม่ทำให้หัวใจเจ็บปวดทุกข์ทรมานอีก ตรงกันข้าม ข้าจดจำได้เพียงความดีงามของนางและความสุขที่เคยมีร่วมกัน

ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนออกจากจวนยงอ๋องแล้วกลับมาถึงจวนของตนพร้อมสีหน้าเรียบเฉย เพิ่งเดินมาถึงประตูสวนหุบเขาทองที่เขาเข้าไปได้เพียงคนเดียวก็เห็นฉินเจิงพาหญิงรับใช้หลายนางมารออยู่ที่นั่น สวนหุบเขาทองคือที่พำนักของหลี่เสี่ยน หากมิได้รับอนุญาต ผู้ใดก็ล่วงล้ำไม่ได้ แม้แต่พระชายาฉินเจิงก็มิอาจเข้า ดังนั้นนางจึงรออยู่ที่ประตู

หลี่เสี่ยนเห็นฉินเจิงก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยันออกมา โอ๊ะ พระชายาทรงพระครรภ์อยู่ เหตุใดจึงมายืนอยู่ตรงนี้เล่า ข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว ไม่ทราบว่าพระยาชามีสิ่งใดจะว่ากล่าวตักเตือน

ฉินเจิงร่างกายส่ายไหววูบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า องค์ชาย หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้กับความหวังดีของข้า ท่านกับรัชทายาทลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่ช่วงก่อนหน้านี้ ท่านส่งยาไปให้แล้วยังสืบถามข่าวจนทำให้รัชทายาทไม่พอใจ วันนี้ยังเดินทางไปเยี่ยมอีก มิใช่ไม่เห็นรัชทายาทอยู่ในสายตาหรอกหรือ หม่อมฉันล้วนคิดเพื่อท่าน เหตุใดองค์ชายจึง…

หุบปาก สีหน้าของหลี่เสี่ยนกลายเป็นโหดเหี้ยมไร้หัวใจ เขาเอ่ยอย่างเย็นชา พระชายา เจ้าทำสิ่งใดลงไป ยังต้องให้ข้าพูดอีกหรือ จู่ๆ เหตุใดสำนักเฟิงอี้จึงคิดสังหารเจียงเจ๋อ ธนูคันนั้นถูกนำเข้าไปได้เช่นไร เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่รึ เจียงเจ๋อเคยมีบุญคุณช่วยชีวิตข้า แม้ข้าไม่มีบุญได้เขามาทำงานให้ แต่ผู้ใดให้เจ้าทำเกินหน้าที่ ขอให้สำนักสังหารเขา

ฉินเจิงสีหน้าลนลาน แม้ก่อนหน้านี้หลี่เสี่ยนจะเจ้าอารมณ์ แต่ก็ไม่เคยเดือดดาลเช่นวันนี้ นางอดไม่ได้ แก้ตัวว่า มิใช่เจตนาของข้า ข้าเพียงกล่าวว่าองค์ชายกับยงอ๋องล้วนเห็นความสำคัญของเจียงเจ๋อเท่านั้น สำนักเป็นผู้ออกคำสั่งลงมาเอง ข้าเองก็ทำตามคำสั่ง ทันทีที่เอ่ยคำนี้จบ ฉินเจิงพลันหน้าซีดเผือด นางเพิ่งสำนึกว่าเมื่อครู่นางยอมรับเรื่องที่ตนจับตาดูหลี่เสี่ยน แล้วยังยอมรับอีกว่าตนเองมีส่วนร่วมกับการลอบสังหารซือหม่าแห่งจวนแม่ทัพเทียนเช่อ

หลี่เสี่ยนมองฉินเจิงด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย หากเจ้ามิใช่ชายาของข้า ข้าไยต้องลำบากแก้ตัวแทนเจ้า เจิงเอ๋อร์ เจ้าช่างโง่เขลานักที่ไม่รู้ว่าผู้ใดดีต่อเจ้าอย่างแท้จริง เอาเถิด เจ้าไปเถอะ พักผ่อนให้ดี ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องออกไปเดินส่งเดช อยู่ในเรือนดูแลครรภ์ให้ดีเถิด

หลี่เสี่ยนกล่าวจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในสวนหุบเขาทอง ฉินเจิงมองแผ่นหลังอันหยิ่งทะนงของเขาแล้วคิดจะตามเข้าไป แต่ประตูใหญ่สีดำสนิทบานนั้นปิดลงเสียก่อน ฉินเจิงรู้สึกว่าหัวใจของตนเย็นเฉียบขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้เกิดอันใดขึ้น นางพลันรู้สึกเวียนศีรษะตาลาย ทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของหญิงรับใช้

ตอนต่อไป