ตอนที่ 349 บัณฑิตน้อยไม่ใช่คนที่นางแบกกลับมาเองหรือไร

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 349 บัณฑิตน้อยไม่ใช่คนที่นางแบกกลับมาเองหรือไร

ฉือหลี่โกว ? เหตุใดคนผู้นี้จึงถามถึงฉือหลี่โกว ? หลินเว่ยเว่ยเลิกผ้าม่านขึ้นแล้วมองไปด้านนอกรถม้าด้วยความสงสัย ทันใดนั้นผ้าม่านของรถม้าคันข้าง ๆ ก็ถูกเลิกขึ้นพอดีจึงเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและมีรัศมีแบบปัญญาชน

“เป็นท่าน…” ทั้งสองเผยสีหน้าประหลาดใจและพูดออกมาพร้อมกัน

หลินเว่ยเว่ยพยักหน้าและคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะถามว่า “คุณชายจะไปที่ฉือหลี่โกวหรือ ? ไปเยี่ยมญาติหรือไปหาสหายกันเล่า ? ”

หยวนเจี๋ยประหลาดใจต่อท่าทีเป็นมิตรของนาง เนื่องจากทั้งสองเพิ่งเคยสนทนากันอย่างผิวเผินแค่ครั้งเดียว การถามเรื่องของเขาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เกรงว่าไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า ?

“ไปเยี่ยมญาติ ! ” หยวนเจี๋ยตอบเสียงดัง

คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวล้วนเป็นคนท้องถิ่น มีเพียงบ้าน 3-5 หลังเท่านั้นที่พลัดถิ่นมาตั้งรกรากเพราะภัยสงคราม อย่างเช่นบ้านตระกูลหลินและบ้านตระกูลเจียงที่อยู่ข้างกัน…

“บัณฑิตน้อย เจ้าคิดว่าคนที่เขามาหาจะเป็นเจ้ากับน้าเฝิงหรือไม่ ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นอีกฝ่ายไม่อยากพูดสักเท่าไร นางจึงลดม่านลงแล้วกลับมานั่งตามเดิม การเค้นเอาคำถามและไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่นเช่นนั้น นางทำไม่ลง…นอกจากว่าอีกฝ่ายคือบัณฑิตน้อย เพราะบัณฑิตน้อยไม่ใช่คนที่นางแบกกลับมาเองหรือไร ?

เจียงโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง “ไม่ใช่ ! ”

“เจ้ามั่นใจได้อย่างไร ? อาจเป็นญาติของน้าเฝิงก็ได้ ? ข้ามักรู้สึกว่าน้าเฝิงกับเจ้ามีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา ในสมองของข้ามีภาพตระกูลสูงศักดิ์…”

ฮูหยินกับอนุทะเลาะกันอะไรทำนองนั้น ! ระหว่างที่ฮูหยินตกที่นั่งลำบาก อนุก็สร้างอุบายขึ้นมาทำให้ฮูหยินต้องแยกจากสามีและให้กำเนิดลูกน้อยนอกจวน ต่อจากนั้นหลายปี พวกเขาก็ตามหาบุตรของฮูหยินจนเจอแล้วลงโทษอนุ ทวงคืนของที่สมควรเป็นของฮูหยินสองแม่ลูกคืนมาได้ทั้งหมด…

“ข้า ไม่ใช่ ! ” เจียงโม่หานพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรื่องการแก่งแย่งของสตรีในตระกูลสูงศักดิ์อะไรนั่นไม่มีอยู่จริง ทว่าชาติกำเนิดไม่ธรรมดาเป็นเรื่องจริง !

“เอาเถิด เจ้าบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ! ” หลินเว่ยเว่ยเอนศีรษะพิงหน้าต่างแล้วมองไปข้างนอกด้วยความเบื่อหน่าย

เจียงโม่หานเอื้อมมือไปจับศีรษะของนางแล้วจับผ้าม่านเพื่อปิดให้สนิท ก่อนจะพูดว่า “เจ้าตากลมจนไม่สบายแล้วจะโดนลมไม่ได้อีก ! ยาก็ต้มเสร็จแล้ว ดื่มตอนยังร้อนเถิด ! ”

พอได้ยินว่าต้องกินยารสขมผสานกับความเผ็ดร้อนของขิง หลินเว่ยเว่ยก็รีบหดตัวไปข้างหลังแล้วพูดเสียงอ่อนว่า “ภูมิต้านทานของข้าดีมาก ไม่ต้องกินยาก็ดีขึ้นเองได้ ! ”

“กินยาจะได้หายเร็วขึ้น ! ” เจียงโม่หานยกถ้วยยามาที่ริมฝีปากตนแล้วออกแรงเป่าเบา ๆ “เด็กดี รีบดื่มเถิด ! ”

“เจ้าป้อนข้าสิ ! ” หลินเว่ยเว่ยเห็นท่าทางยืนกรานของเขาก็รู้ว่าหนีไม่พ้น จึงย่นหน้าน้อย ๆ แล้วพูดอย่างฝืนใจ

เจียงโม่หานตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วส่งไปที่ปากนาง “ได้ ข้าป้อนเจ้า ! กินสิ ! ”

ตอนอาการบาดเจ็บที่มือซ้ายของหลินเว่ยเว่ยยังไม่หายดี เวลากินข้าวก็มีเขาเป็นคนป้อน ว่าที่สามีภรรยาไม่มีสิ่งใดต้องเขินอายต่อกัน

นัยน์ตาของหลินเว่ยเว่ยกลิ้งกลอกไปมา ทันใดนั้นมุมปากของนางก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้าย “ข้าให้เจ้า…ใช้ปากป้อน ! ”

เจียงโม่หานเม้มปากเป็นเส้นตรง ดวงตาทั้งสองข้างฉายประกายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า เขาเอาแต่จับจ้องมาที่นางอยู่อย่างนั้น หลินเว่ยเว่ยจึงหัวเราะเสียงดังลั่นทันที “บัณฑิตน้อย หูของเจ้าแดงด้วยล่ะ ! ”

เจียงโม่หานเผยแววตาเหนื่อยใจเล็กน้อย หูแดงจนแทบจะมีเลือดไหลออกมาได้อยู่แล้ว เขาพูดว่า “หากเจ้าดื่มยานี้ภายในอึดใจเดียว ข้าจะ…จูบเจ้า ! ”

ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์…กรี๊ด ! บัณฑิตน้อยที่สนใจแต่ตำราเอ่ยปากยื่นข้อเสนอที่จะจูบนางก่อนหรือ ? จริงหรือเปล่า ? เป็นโอกาสที่หายากมาก ! อย่าว่าแต่ดื่มยาถ้วยนี้ให้หมดเลย แม้จะเป็นยาพิษ นางก็ยอมดื่ม !

หลินเว่ยเว่ยแทบจะแย่งถ้วยยามาจากมือของบัณฑิตหนุ่ม นางรีบยกมันกระดกแล้วดื่มหมดในชั่วอึดใจเดียว หลังดื่มหมดแล้วยังใช้หลังมือเช็ดปากด้วยความภูมิใจ “ดื่มหมดแล้ว มาสิ ! ”

หลังพูดจบ นางก็ทำปากยื่นเหมือนปากเป็ด

เจียงโม่หานกระแอมไอเบา ๆ สองครั้งเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าหลับตาก่อน…”

หลินเว่ยเว่ยรีบหลับตาพลางยื่นหน้าเข้ามาและทำปากจู๋…ตื่นเต้นจัง ! บัณฑิตน้อยจะจูบนางแล้ว นางเริ่มประหม่าเล็กน้อยแล้วสิ ! อีกประเดี๋ยวนางจะแกล้งเขินอายหรือว่ารีบจูบตอบดีนะ ?

ในขณะที่กำลังสับสน นางก็รับรู้ได้ถึงแรงสัมผัสเบา ๆ ตรงหน้าผากของตน…แค่ชั่วอึดใจเดียว !

อะไร ? นี่มันคืออะไร ? หลินเว่ยเว่ยลืมตาขึ้นแล้วลูบหน้าผากพลางมองบัณฑิตหนุ่มด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “นี่ก็คือ ‘จูบ’ ที่เจ้าเอ่ยถึงหรือ ? ”

เจียงโม่หานเผยแววตาขำขัน ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ! จูบเสร็จแล้ว ! ”

“บัณฑิตน้อย เจ้าขี้โกง ! ” รสขมในปากของหลินเว่ยเว่ยเทียบได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนของความขมขื่นในหัวใจ

เจียงโม่หานหยิบลูกอมออกมาแล้วยื่นไปที่ริมฝีปากของนาง “กินลูกอมหน่อย จะได้หายขม ! ”

หลินเว่ยเว่ยแย่งลูกอมมาถือไว้แล้วโยนมันทิ้งไปทางหน้าต่าง ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ปล่อยให้ข้าขมตายไปเลย อย่างไรก็ไม่มีใครรักอยู่แล้ว ฮือฮือฮือ…ข้าโดนหลอก ไม่อยากมีชีวิตแล้ว…อุ๊ปส์ ! ”

แววตาที่พูดได้ของนางจับจ้องไปยังเจียงโม่หานด้วยความโกรธ ‘เจ้ายกมือปิดปากข้าเพราะเหตุใด ? ’

“ใกล้จะปีใหม่แล้ว อย่าพูดสิ่งที่ไม่เป็นมงคลเด็ดขาด ! ” เจียงโม่หานผละมือออกแล้วใช้เกาลัดที่แกะเปลือกเสร็จแล้วปิดปากนางต่อ

หลินเว่ยเว่ยถลึงตามองบัณฑิตหนุ่มที่กำลังแกะเปลือกเกาลัด ทันใดนั้นนางก็โน้มกายไปข้างหน้าแล้วทำให้แผ่นหลังของอีกฝ่ายชนเข้ากับผนังของรถม้า “หนุ่มน้อย เจ้าหลอกล่อให้ข้าสนใจสำเร็จแล้ว…”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ปากของนางก็ถูกเกาลัดอีกเม็ดยัดเข้ามา เจียงโม่หานกวาดตามองนาง “ความสนใจของเจ้าก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวข้ามาตลอดหรือไร ? ยังต้องให้ข้าหลอกล่ออีกหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยเคี้ยวเกาลัด พอกลืนลงคอเรียบร้อยแล้วก็ยังแสร้งทำตัววางอำนาจต่อ “หนุ่มน้อย เจ้ากำลังเล่นตัวอยู่ใช่หรือไม่ ! ”

ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็นำเกาลัดที่แกะเสร็จอีกเม็ดใส่ปากของตนบ้าง “เจ้าคือคนป่วย…ต้องรักษา ! ”

“เจ้ามียาหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นสายตาของเขามาตกอยู่ที่กระเป๋ายาในมือ นางจึงรีบโยนมันไปทางอื่นแล้วใช้เท้าเตะมันไปตรงมุมรถม้า “ข้าป่วย เจ้าก็คือยารักษาของข้า ดังนั้นจงมาให้ข้ากินสักคำ…”

หลังพูดจบ ปากของเป็ดน้อยก็พุ่งเข้าหาบัณฑิตหนุ่ม แต่แล้วเกาลัดเม็ดหนึ่งก็เข้ามาขวางทางปากที่แสนกระหายของนาง

เจียงโม่หานหลุดออกจากวงแขนของนางได้ เขาเริ่มย้ายเตาถ่านและผ้าห่ม จากนั้นก็ตบตรงที่นั่งเบา ๆ “เลิกเล่นได้แล้ว ! มานอนพักสักหน่อย เมื่อคืนนอนไม่ค่อยเต็มอิ่มไม่ใช่หรือ ? ”

เมื่อคืนหลินเว่ยเว่ยเจ็บคอจึงนอนหลับไม่ค่อยสนิทจริง ๆ ต้องตื่นมาดื่มน้ำทั้งคืน บัดนี้นางได้แต่ล้มตัวลงนอนอย่างไม่พอใจพลางพูดว่า “เหตุใดเจ้าจึงรู้ว่าข้านอนไม่ค่อยหลับ ? หรือเจ้าแอบลุกมาดูตอนที่ข้าไม่ทันสังเกต ? เช่นนั้นยังกล้าบอกว่าไม่ชอบความงามของข้าอีกหรือ ? ”

เจียงโม่หานถอนหายใจ “ต้องโทษที่ข้าเป็นคนหูดี บางคนนอนไม่หลับแล้วพลิกตัวเสียงดังยิ่งนัก จึงทำให้ข้านอนไม่หลับตามไปด้วย…”

หลินเว่ยเว่ยรีบขยับเข้าไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลังเอามือตบผ้าห่มของตนแล้วแววตาก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย “มา เรามานอนด้วยกัน……”

เจียงโม่หานถลึงตาใส่นางและไม่ขยับตัวแต่อย่างใด หลินเว่ยเว่ยจึงมุ่ยปาก “ก็แค่นอนข้างกัน วางใจได้ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ! ”

เจียงโม่หานคิดในใจว่าด้วยพฤติกรรมแย่ ๆ ของเจ้าในอดีต มันทำให้ข้าวางใจไม่ลง !

หลินเว่ยเว่ยเห็นเขายังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมก็รู้สึกเสียดาย จากนั้นจึงเอาผ้าห่มคลุมกาย ผ่านไปไม่นานแม้รถม้าจะส่ายไปมา ทว่านางก็นอนหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้า