War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1725
ตอนที่ 1,725 : สตรีที่ใจกว้างนัก!

นอกจากนี้ยังดีที่หวางเฟยเซวียนไม่รู้สาเหตุที่ทำให้ ต้วนหลิงเทียนมองนางด้วยสายตาเลื่อนลอยเช่นนี้ หาไม่แล้วนางคงได้ตบเข้าให้!

เพราะสุดท้ายแล้ว การคิดถึงสตรีอื่นในขณะที่ชมมองหน้าสตรีคนหนึ่งอยู่ ช่างเป็นอะไรที่เสียมารยาทนัก!

หากเป็นคนธรรมดามามองนางด้วยสายตาคิดถึงโหยหาเช่นนี้ น่ากลัวหวางเฟยเซวียนคงชักดาบออกมาผ่าร่างไปแล้ว…

ทว่ากับบุรุษเบื้องหน้าที่มีพลังฝีมืออันร้ายกาจ หวางเฟยเซวียนกลับไม่รู้สึกถือตัว นางยังพบว่าไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังรู้สึกภาคภูมิใจอย่างประหลาด ‘ไงล่ะเจ้าทึ่ม! ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นท่อนไม้ได้ตลอด เห็นข้าน่ารักขึ้นมาแล้วล่ะสิ!!’

“หืม?”

ทันใดนั้นหวางเฟยเซวียนพลันพบว่าสีหน้าแววตาของบุรุษเบื้องหน้ายิ่งมายิ่งเปลี่ยนไป

ตอนแรกก็ยังดีๆอยู่ หากทว่าตอนนี้นางพบว่าแววตาสีหน้าอีกฝ่ายช่างเต็มไปด้วยความเศร้านัก

โดยเฉพาะแววตาคู่นั้น กลับเผยอารมณ์สะทกสะท้อนเหลือเกิน

เห็นสีหน้าแววตาอีกฝ่ายกลายเป็นแบบนี้ ไม่ทราบเพราะอะไรหวางเฟยเซวียนพลัดปวดแปลบในใจขึ้นมา

“เจ้า…เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว…”

สีหน้าพึงพอใจของหวางเฟยเซวียนมลายหายไป กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“อา ข้าขอโทษที่เสียมารยาท…พอดีตอนเจ้าขมวดคิ้วเมื่อครู่ กลับคล้ายคู่หมั้นข้าอยู่บ้าง ทำให้ข้าเผลอคิดถึงนางขึ้นมา…”

ได้ยินเสียงถามไถ่ของหวางเฟยเซวียนต้วนหลิงเทียนพลันได้สติ เร่งกล่าวขอโทษออกไปทันที

ด้านหวางเฟยเซวียนพอได้ยินคำขอโทษของต้วนหลิงเทียน ก็หน้าเสียทันใด “เจ้า…เห็นข้าแล้วนึกถึงคู่หมั้นงั้นเรอะ?!”

ดั่งที่คาดไว้ไม่มีผิด เรื่องนี้นับว่าเสียมารยาทนัก เพราะสำหรับสตรีนี่มันเรื่องอัปยศชัดๆ!

“ขออภัยด้วย…”

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้เรื่องนี้ดี คำขอโทษครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความจริงใจ

เมื่อได้ยินคำขอโทษของต้วนหลิงเทียน ทั้งเห็นสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังของอีกฝ่าย โทสะในใจหวางเฟยเซวียนก็ลดลงไปไม่น้อย “สหายแซ่หลิง…ในเมื่อเจ้ามองข้าแล้วเห็นเป็นคู่หมั้น ไม่ใช่สมควรมีความสุขรึไง? แล้วไฉนแลดูเจ้าเศร้านักเล่า?”

“คู่หมั้นของข้า…ช่างเถอะ พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจหรอก…”

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเซื่องซึมคล้ายจะกล่าวเปิดใจออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว ทว่ายังดีที่เขารู้สึกตัวได้ทัน จึงระงับวาจาเอาไว้

“เพ้ย! เจ้าหมายความว่าอะไร ที่พูดแล้วข้าก็ไม่เข้าใจ?!”

หวางเฟยเซวียนโพล่งออกด้วยความหงุดหงิด “เจ้ายังไม่ทันพูดออกมาแท้ๆ! แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เข้าใจ?”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว…”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา สำหรับเขาแล้วเรื่องของเค่อเอ๋อก็เป็นดั่งแผลใจ การพูดถึงอีกครั้งย่อมไม่ต่างอะไรกับราดเกลือลงแผล

“ฮั้ย! เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้นะ! เจ้ามาเปิดเรื่องยั่วให้ข้าสนใจอยากรู้แล้ว อยู่เจ้าจะมาหนีไปแบบนี้ไม่ได้! เจ้าต้องเล่ามาให้ข้าฟัง! ไม่งั้นข้าจะมาร้องตะโกนเรียกเจ้าทุกวัน เอาให้เจ้าปวดประสาทมิอาจบ่มเพาะอันใดได้!!”

หวางเฟยเซวียนโพล่งคำออกมาอย่างดุร้าย ยังกล่าวข่มขู่ออกมาอย่างเอาเรื่อง

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วย่นยู่ ด้วยไม่คิดเลยว่าหวางเฟยเซวียนจะเซ้าซี้เอาเรื่องขนาดนี้ หากเขารู้แต่แรกคงไม่กล่าวถึงเค่อเอ๋อออกมาให้นางได้ยิน…

เหตุผลที่เขากล่าวถึงเค่อเอ๋อ เพราะคิดอยากให้นางรับทราบว่าเขามีคู่หมั้นแล้วจะได้ตัดใจ เลิกตามตอแยเขาเสียที…

ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่นางได้ยินเรื่องที่ว่าเขามีคู่หมั้น นางไม่เพียงแต่จะไม่ตัดใจอะไร ยังกลายเป็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นเรื่องคู่หมั้นเขาอีก!

และเมื่อเห็นแววตาจริงจังที่จ้องมาเขม็ง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่านางไม่ได้ล้อเล่น สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆออกมา ครั้งนี้นับว่าเขาทุ่มหินทับเท้าตัวเองแล้วจริงๆ!

“ข้าบอกเจ้าก็ได้…แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าเจ้าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปกล่าวบอกคนอื่นรวมถึงคนที่เจ้ารัก! เจ้าอย่าคิดว่าข้าล้อเล่น เพราะหากเจ้าพลั้งปากเล่าเรื่องนี้ไป ไม่เพียงแต่ตัวเจ้า…กระทั่งขุมพลังเบื้องหลังเจ้าอย่างคฤหาสน์ดาบทรราช…อาจถูกกวาดล้าง!”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงขรึม “เจ้าอย่าคิดว่าข้าตีตนไปก่อนไข้ ข้าจริงจัง!”

เขาคิดว่าหวางเฟยเซวียนสมควรตื่นตระหนกและกังวลไม่น้อยหลังได้ฟังเขากล่าวออกด้วยความจริงจัง แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่นางได้ยินแล้ว นางจะยิ่งอยากรู้อยากเห็น สองตากลมโตเบิกกว้าง เร่งกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น “ฟังเจ้าแล้ว ท่าทางเรื่องนี้จะน่าสนใจนัก…ข้ายิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก!!”

“ส่วนเรื่องที่เจ้าไม่ให้ข้าไปเล่าผู้ใดข้าสัญญา จะให้ข้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ด้วยก็ได้…สาบานเลยดีกว่า!”

กล่าวไปกล่าวมาหวางเฟยเซวียนก็คิดเองเออเอง หลั่งโลหิตกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะหยุดนาง ทว่านางลงมือรวดเร็วนัก!

เหตุผลที่เขาคิดหยุดนางเพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่จำเป็นที่นางจะต้องทำถึงขั้นสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ เพียงแค่นางรับปากเขาก็พอแล้ว

ถึงแม้เขาจะรู้จักหวางเฟยเซวียนได้ไม่ทันไร แต่เขาพอดูออกว่าสตรีทีมีหน้าตางดงามน่ารัก ทั้งรูปร่างกระชับสมสัดส่วนมากไปด้วยเสน่ห์ยวนยั่วผู้นี้ กลับเปิดเผยจริงใจแลดูเป็นบุรุษมากกว่าบุรุษแท้ๆเสียอีก!

เพียงนางรับปากเขาเชื่อว่านางรักษาสัญญาได้

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

……

เมื่ออัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบ บ่งบอกว่าสวรรค์ตอบรับคำสาบานของนางและมีผลบังคับใช้แล้ว

ภายใต้สายตาอยากรู้อยากเห็นของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเล่าเรื่องเค่อเอ๋อออกมา

แน่นอนว่ายังมุ่งเน้นไปถึงพลังฝีมืออันร้ายกาจของพี่สาวฝาแฝดเค่อเอ๋อ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเรื่องที่พี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ อ้างว่ามาจากลัทธิบูชาไฟอีกด้วย…

“อะไร!? ลัทธิบูชาไฟ!!”

พอได้ยินเรื่องนี้จากปากต้วนหลิงเทียน สองตากลมโตของหวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่จะหรี่ลง นางประหลาดใจนัก!

ในฐานะคนของขุมพลังชั้น 4 กระทั่งหลานสาวคนโปรดของผู้นำขุมพลัง หวางเฟยเซวียนย่อมเข้าถึงข้อมูลได้ไม่ยาก และหนึ่งในนั้นก็มีบันทึกเก่าแก่ที่ส่งต่อกันมาสำหรับผู้นำจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่สมัยโบราณ!

ด้วยเหตุนี้ ลัทธิบูชาไฟ จึงไม่ใช่คำแปลกหูสำหรับนาง!

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัยที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังไม่ถูกแบ่งออกเป็นภูมิภาคเบื้องบนและเบื้องล่าง…

ในตอนนั้นดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามี 3 ลัทธิที่ยืนหยัดอยู่แถวหน้าของใต้หล้า พวกมันได้รับการยอมรับว่าเป็น 3 มหาอำนาจที่ทรงพลังที่สุดบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าครั้งอดีต สามารถใช้ 5 คำอธิบายขุมพลังอำนาจได้

3 ลัทธิ กับ 9 ขุมพลัง!

3 ลัทธิ ย่อมหมายถึงลัทธิทั้ง 3

9 ขุมพลังก็คือ ขุมพลังอันดับที่ 9 ถึง 1

3 ลัทธินั้นทรงพลังอำนาจเหนือกว่าขุมพลังทั้ง 9 เรียกว่าหากเป็นลัทธิ ไม่ว่าลัทธิใดก็มีพลังอำนาจครอบงำขุมพลังชั้น 1 ได้ไม่ยาก เป็นยักษ์ใหญ่ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่อดีตกาล พลังอำนาจไม่เคยถูกใดสั่นคลอน!

นี่มากพอจะบอกให้รู้ว่าพวกมันทรงพลังทั้งมีอำนาจมากมายขนาดไหน

และ ลัทธิบูชาไฟ ก็คือ 1 ใน 3 ลัทธิที่ว่า…

“พี่สาวฝาแฝดของคู่หมั้นเจ้ากลับเป็นคนของลัทธิบูชาไฟ? นอกจากนั้นฟังเรื่องที่นางกล่าว ดูเหมือนลัทธิบูชาไฟจะส่งคนออกมามากมายเพื่อตามหาตัวคู่หมั้นเจ้าไม่ขาด…แต่สุดท้ายเป็นนางที่ชิงพบตัวคู่หมั้นเจ้าก่อน?”

หวางเฟยเซวียนที่ตกใจไม่น้อย พอคืนสติก็เร่งกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

“ลัทธิบูชาไฟส่งคนมาตามหาตัวคู่หมั้นของเจ้าแบบนี้ แสดงว่าฐานะของนางย่อมมิใช่ธรรมดาเป็นแน่ อย่างน้อยๆก็ต้องมีความสำคัญต่อลัทธิบูชาไฟในระดับหนึ่ง! หาไม่แล้วพวกมันจะยังส่งคนออกค้นหาตลอด 30 ปีอีกหรือ?…”

หวางเฟยเซวียนกล่าวออกมาอย่างมีเหตุผล

การคาดเดาเรื่องราวของนางก็คล้ายกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคาดไว้

“อย่างไรก็ตามในเมื่อนางเป็นพี่สาวฝาแฝดของคู่หมั้นเจ้า นางสมควรไม่ทำร้ายคู่หมั้นเจ้าหรอก…ป่านนี้คู่หมั้นของเจ้าถูกพาไปอยู่ที่ลัทธิบูชาไฟอย่างปลอดภัยแล้ว พี่สาวของนางสมควรหาที่ซ่อนให้นางเป็นอย่างดี”

หวางเฟยเซวียนกล่าวปลอบออกมา

ในที่สุดหวางเฟยเซวียนก็เข้าใจสีหน้าแววตาเศร้าหมองของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ที่แท้เขากลับผ่านเรื่องเช่นนี้มา…

เมื่อลองคิดว่าหากนางเป็นต้วนหลิงเทียนบ้างนางจะเป็นอย่างไร นางก็พอเข้าใจความเจ็บปวดของต้วนหลิงเทียน

คู่หมั้นกลับถูกพรากไปทั้งคน แต่กลับไม่มีอะไรที่สามารถกระทำได้เลย ความรู้สึกนี้ยากที่ผู้ใดจะทานทนรับไหว…

“ข้าก็หวังว่างั้น…”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะคล้ายนึกอะไรได้ออกจึงระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “แต่สิ่งที่ข้ากังวลมากที่สุดก็คือลูกที่อยู่ในท้องของนาง…พี่สาวฝาแฝดของนางโมโหมากที่รู้ว่าข้ามีความสัมพันธ์กับนาง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายลูกในท้องของพวกเราหรือไม่…”

“จะ…เจ้ามีลูกด้วย?”

หวางเฟยเซวียนจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสองตากลมโตปานลูกวัวแรกเกิด

“อืม…ป่านนี้สมควรคลอดแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แววตาเผยความคิดถึงโหยหาไม่น้อย

ลูกน้อยทั้ง 2 ของเขาสมควรลืมตาดูโลกแล้ว…

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับไม่เคยเห็นหน้าลูกทั้ง 2 ของตัวเองเลย เท่าที่รู้ก็คือลี่เฟยคลอดลูกชายตุ้ยนุ้ยสมบูรณ์ออกมา

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าที่ยังเยาว์กลับเป็นพ่อคนแล้ว…ไม่ทราบว่าปกติเจ้าบ่มเพาะฝึกปรืออย่างไรกันแน่ ตัวข้ากระทั่งอดหลับอดนอนลืมกินเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลัง…ยังพึ่งสำเร็จได้แค่เซียนขัดเกลาขั้นต้น! แต่นี่เจ้ามีเวลาไปเกี้ยวสตรีกระทั่งขึ้นเตียงทำลูก! แล้วเจ้าจะมีเวลาบ่มเพาะเท่าไหร่เชียว?”

วาจาท้ายประโยคของหวางเฟยเซวียนเผยให้เห็นถึงความอิจฉาไม่น้อย

การฝึกฝนบ่มเพาะนั้น หนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชนชั้นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ก็คือเวลา

แต่เห็นได้ชัดว่าตัวนางใช้เวลาฝึกปรือบ่มเพาะมากกว่าบุรุษเบื้องหน้าแน่ๆ แต่พลังฝึกปรือของนางกลับด้อยกว่าอีกฝ่ายถึง 2 ขั้น!

ใจหวางเฟยเซวียนรู้สึกว่าฟ้าไม่เป็นธรรมอยู่บ้าง

“แล้วนี่เจ้ามีสตรีเพียงคนเดียวงั้นหรือ?”

ทันใดนั้นคล้ายจะนึกอะไรได้ออก หวางเฟยเซวียนพลันกล่าวถามออกมาด้วยสายตาคาดหวัง

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “ข้ามีคู่หมั้น 2 คนกับสตรีคนรักอีกคน…หากไม่มีอะไรผิดพลาด ต่อไปพวกนางทั้ง 3 จะเป็นภรรยาของข้า…”

เมื่อคิดถึง เค่อเอ๋อ ลี่เฟย และเฟิ่งเทียนหวู่ ใบหน้าต้วนหลิงเทียนที่แลดูซึมๆ ก็เผยรอยยิ้มมีความสุขออกมา

“อ้อ 3 คนเหรอ…ก็ไม่ได้มากมายอะไร”

หวางเฟยเซวียนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง แต่ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง ‘3 คนยังไม่ได้มากมายอะไร?’

ต้องทราบด้วยว่าโลกเก่าที่เขาอยู่นั้นปกติแล้วนิยมมีคู่ครองเพียงแค่คนเดียว มีบ้างบางประเทศที่สามารถแต่งภรรยาได้หลายคน แต่ก็นับว่ามีน้อย

ในโลกนี้แม้จะมีภรรยาหลายคนจะเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเขาการมีถึง 3 คนก็นับว่ามากเกินพอแล้ว!

หวางเฟยเซวียนที่แม้แลดูดุดันองอาจไม่ต่างบุรุษแต่จะอย่างไรนางก็เป็นสตรีคนหนึ่ง ใครจะไปคิดไปฝันว่านางกลับเปิดเผยใจกว้างนัก บอกว่าเขามีภรรยา 3 คนยังไม่มากมายอะไร!?

แถมพอเห็นว่าหวางเฟยเซวียนกำลังเท้าคางยื่นหน้าจ้องเขามาตาแป๋วด้วยรอยยิ้มแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกไปไม่เป็นอยู่บ้าง

“ศิษย์น้องหลิงเทียน”

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหวังพีแว่วดังมาแต่ไกล และไม่ทันไรร่างหวังพีก็พุ่งมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะหินอ่อนของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่…

“ศิษย์พี่หวังพี!”

เมื่อเห็นหวังพีมาถึง ต้วนหลิงเทียนประหนึ่งพบผู้กอบกู้ เขารีบลุกขึ้นยืนกล่าวคำทักทายออกมาทันที

“ฮ่าๆ…ศิษย์น้องหลิงเทียนแลดูเจ้ากระตือรือร้นแทบทนไม่ไหวแล้วนี่! เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเลยเถอะ!”

หวังพีมองไปที่หวางเฟยเซวียนก่อน ค่อยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม