บทที่ 421 ข้าก็คือทหารหญิงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก
ฉู่จิ้นขมวดคิ้ว และรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก “อะไรนะ สตรีสามารถออกรบได้ด้วยอย่างนั้นหรือ เนี่ยเจิ้งอ๋องถูกตัณหาบังตาหรืออย่างไร เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น ก็มีคนมาตีที่เอวหนึ่งที ฉู่จิ้นจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา “อย่ามากวนข้า!”
ทว่าคนผู้นั้นกลับไม่ฟังที่เขาพูด และยังคงตีต่อไป
ฉู่จิ้นจึงหันกลับไปมอง ทว่ากลับไม่เห็นใคร
“ข้าอยู่นี่” เสียงของเด็กผู้หญิงดังก้องขึ้น
เมื่อฉู่จิ้นก้มหน้าลงก็เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตางดงามสวมกระโปรงสีชมพูคนหนึ่งยืนอยู่ คนข้าง ๆ จำอาอินได้ ก็รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที “เหตุใดถึงมาที่นี่ได้ อยากกินซาลาเปาหรือไม่?”
อาอินส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยอย่างมีมารยาท “คารวะท่านอาทุกท่าน ข้ามาส่งอาหารให้ท่านพ่อ จึงกินข้าวจากบ้านมาแล้วเจ้าค่ะ”
จากนั้นนางก็เท้าเอวและเอ่ยกับฉู่จิ้น “เจ้าเข้ามาในค่ายทหารตั้งแต่เมื่อใด?”
ฉู่จิ้นไม่เห็นเด็กน้อยผู้นี้อยู่ในสายตา จึงไม่สนใจนางอีก
แต่สหายที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกว่าเขาทำตัวแข็งกร้าวเกินไป จึงส่งสัญญาณให้เขารีบตอบด้วยการสะกิด เจ้าอย่าทำตัวโหดร้ายกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจนเกินไปนัก
ฉู่จิ้นจึงได้เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าเข้ามาอยู่ค่ายทหารเมื่อสามวันก่อน”
อาอินพยักหน้ารับรู้ “ข้าก็เข้าร่วมกองทัพทหารเกราะเหล็กเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะตอบคำถามข้า เจ้าต้องมองหน้าข้าตรง ๆ ด้วย เพราะข้าไม่เพียงแต่เป็นรุ่นพี่ของเจ้า แต่ยังเป็นสหายร่วมรบของเจ้าในภายภาคหน้าด้วย”
อาอินทำหน้าตึงและเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
ฉู่จิ้นได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “เดิมข้าคิดว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กนั้นมีการคัดเลือกคนอย่างเข้มงวด และสามวันมานี้ข้าก็ยังคิดว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี และมีกฎระเบียบทางทหารที่เข้มงวดจริง ๆ แต่ตอนนี้ข้าชักจะเริ่มสงสัยแล้วว่า พวกเจ้ากำลังเล่นเป็นทหารกันอยู่ใช่หรือไม่ เจ้าอายุเท่าใดกัน สามารถเข้ามาในค่ายทหารได้แล้วอย่างนั้นหรือ เพราะอาศัยว่าตัวเองเป็นลูกสาวของเนี่ยเจิ้งอ๋องอย่างนั้นหรือ?
เป็นแม่ทัพของกองทัพทหารเกราะเหล็ก จะเอาใจลูกเมียก็ควรมีขอบเขตบ้าง!” ฉู่จิ้นลุกขึ้นยืนทันที เขาไม่กลัวหรอก สิ่งที่เขาพูดเดิมก็เป็นความจริงอยู่แล้ว
“ประการแรก ข้าเป็นทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กจริง ๆ ประการที่สอง ระยะเวลาในการฝึกของข้านานกว่าเจ้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ใช้ความเป็นชายหญิงและอายุมาวิพากษ์วิจารณ์ข้าเช่นนี้” อาอินเดินไปตรงหน้าของเขา พลางเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ที่ข้ามาพูดกับเจ้าก็เพื่อจะบอกเจ้าว่า ตราบใดที่เจ้าเป็นทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ก็ถือว่าเราเป็นสหายร่วมรบกัน เจ้าไม่ควรใช้ความเป็นชายหญิงมาตัดสินเช่นนี้ เหตุใดสตรีจะเข้าสนามรบไม่ได้?”
ฉู่จิ้นจ้องเด็กน้อยตรงหน้า ก่อนจะพ่นเสียงหัวเราะอย่างดูแคลนออกมาอีกครั้ง “ระยะเวลาในการฝึกของเจ้านานกว่าข้าอย่างนั้นหรือ ข้าว่าแม้แต่จะบี้มดให้ตายสักตัวหนึ่งยังยากเกินไปสำหรับเจ้าด้วยซ้ำ ไสหัวไปซะ ในสายตาข้ามีเพียงผู้แข็งแกร่ง ไม่มีผู้อ่อนแอ!”
จั๋วฉวินเดินออกมาจากในกระโจมพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งพอดี เมื่อได้ยินประโยคนี้ของฉู่จิ้น ก็เห็นคนข้างกายจะพุ่งเข้าไปสั่งสอน ทว่าจั๋วฉวินกลับดึงเขาเอาไว้ ก่อนจะตบบ่าของเขาแล้วพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไร คุณหนูอาอินไม่ใช่เด็กธรรมดา”
กลุ่มทหารชั้นยอดของกองทัพทหารเกราะเหล็กฝึกวิ่งข้ามสันเขา ตอนแรกนางยังวิ่งตามไม่ทัน ทว่าภายหลังกลับสามารถวิ่งไปกับพวกเขาได้ถึงครึ่งทาง บวกกับพรสวรรค์ที่มีพลังอันมหาศาลติดตัวมา เรียกได้ว่าเป็นเผยยวนฉบับย่อส่วนเลยก็ว่าได้ การจะจัดการกับทหารใหม่จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางแม้แต่น้อย
ในค่ายทหาร ทหารใหม่ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้มีอยู่จำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ถูกจัดการจนยอมเชื่อฟังทั้งนั้นไม่ใช่หรือ ปัญญาชนใช้ตัวอักษรสร้างมิตรภาพ ทหารเช่นพวกเขาก็ย่อมมีกฎเช่นนี้เหมือนกัน
อาชิงจับมือของจี้จือฮวนเอาไว้ วันนี้เขามาส่งพี่หญิงฝึก เหตุใดพี่หญิงถึงไปทะเลาะกับคนเขาได้เล่า
“ฮูหยินอยู่ที่ใดกัน หากคนผู้นั้นลงมือไม่รู้หนักเบา ทำร้ายคุณหนูอาอินขึ้นมาจะทำเช่นไร?”
จั๋วฉวินก็รู้สึกเป็นกังวลเช่นเดียวกัน “ปกติเวลาที่พวกเจ้าเล่นงัดข้อกับนาง ต่างก็อ่อนข้อให้นางอย่างนั้นหรือ?”
อีกฝ่ายใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่ใช่นะ!”
ทันใดนั้นจั๋วฉวินก็รู้สึกสงสารฉู่จิ้นขึ้นมา…ใครก็ตามที่เคยไปหมู่บ้านตระกูลเฉิน ต่างก็รู้ดีว่าไม่ควรล่วงเกินคนตระกูลเผยแม้แต่คนเดียว บัณฑิตที่ดูไม่มีพลังอะไรท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นถึงว่าที่ฮ่องเต้ เจ้าว่าควรจะทำเช่นไรดีล่ะทีนี้
จี้จือฮวนกับอาชิงเข้าไปในกระโจมของเผยยวนแล้ว จุดประสงค์ที่นางมาในวันนี้ไม่ใช่แค่มาส่งอาหาร แต่ยังได้เอายารักษารอยฟกช้ำ ยาลดอาการบวม ยาแก้อักเสบ และผ้าพันแผลพวกนั้นมาส่งด้วย
พอดีกับรองแม่ทัพที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ต่างก็คุ้นเคยกันดีตั้งแต่ตอนอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว ทุกคนต่างก็เลื่อมใสจี้จือฮวนฮูหยินผู้นี้อย่างสุดหัวใจ ต่อให้ไม่เคยพบหน้าแต่ก็ได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเก่า ถึงสิ่งที่จี้จือฮวนทำเพื่อกองทัพทหารเกราะเหล็ก จึงรู้สึกเลื่อมใส ขณะเดียวกันก็รู้สึกเคารพนางเป็นอย่างมาก
อาชิงถูกเผยยวนอุ้มขึ้นมานั่งบนขา พลางกินลูกอมไปด้วย
“อาอินเล่า?” เผยยวนกุมมือจี้จือฮวนเอาไว้
“บอกว่าจะไปรายงานตัวแล้ว อยู่ที่จวนว่างเกินไปจึงยืนกรานว่าจะมาฝึกให้ได้ ข้ากลัวจะทำให้พวกเจ้าเสียเวลา แต่นางพูดกับข้าอย่างเป็นเหตุเป็นผล บอกว่านางเป็นทหารหญิงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก จะขาดการฝึกซ้อมได้อย่างไร ข้าจึงต้องเคารพการตัดสินใจของนาง ดังนั้นก็เลยทำได้เพียงพานางมา”
“พูดได้มีเหตุมีผล อีกอย่าง เดิมอาอินก็เติบโตมาในค่ายทหารอยู่แล้ว อาชิง เจ้าเองก็ต้องเอาแบบอย่างพี่สาวเจ้าด้วยล่ะ” ทหารเก่าแก่เอ่ยหยอกล้อขึ้นมา
อาชิงส่ายหน้า “ข้าไม่มีความสนใจเรื่องนำทัพไปสู้รบอะไร ข้าชอบพิษ แล้วก็ชอบกู่! ข้าจะเป็นปรมาจารย์พิษและกู่ที่ร้ายกาจที่สุด”
รอยยิ้มของทุกคนพลันแข็งค้าง รู้สึกยอมรับไม่ได้เล็กน้อย อย่างไรเสียในสายตาของคนบนโลก สิ่งที่เขาพูดมาล้วนเป็นวิชาของพวกคนในยุทธภพ ไม่ใช่เรื่องที่จะเชิดหน้าชูตาได้ ของที่ทำร้ายคนไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง
จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้นมา “เช่นนั้นจากนี้ไปเจ้าก็ต้องตั้งใจเรียนได้แล้ว วิชาการแพทย์ก็ต้องเรียน แค่รู้การใช้พิษไม่รู้วิธีรักษา ไม่นับว่าร้ายกาจอะไร”
“ข้ารู้แล้ว! อย่างไรเสียครอบครัวเรา พี่หญิงสามารถสืบทอดวิชาของท่านพ่อ ส่วนข้าก็สามารถสืบทอดวิชาของท่านแม่!” อาชิงแหงนหน้ามองเผยยวน “อีกอย่าง ท่านพ่อก็ต้องพยายามด้วยนะขอรับ มีน้องชายน้องสาวหลาย ๆ คน กองทัพทหารเกราะเหล็กก็จะได้มีคนสืบทอดหลาย ๆ คนแล้ว”
คำพูดนี้นับว่าพูดได้ตรงใจทุกคนอย่างมาก เผยยวนอายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเลยสักคน บัดนี้เพิ่งจะแต่งงาน ดังนั้นทุกคนจึงหวังให้จี้จือฮวนตั้งครรภ์ในเร็ววัน
จี้จือฮวนรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก พวกที่ชอบยุให้ท้องเร็ว ๆ มีอยู่ทุกที่จริง ๆ
“เจิ้งต้าเฉียงมารายงานตัวหรือยัง?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
เผยยวนพยักหน้ารับ “อยู่กับพวกช่าง เจ้าให้เขามาทำอะไรหรือ ข้ายังไม่ได้ถามเลย”
จี้จือฮวนยิ้มอย่างมีเลศนัย “อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง กินข้าวก่อนเถอะ”
ทหารชั้นผู้น้อยเปิดม่านเข้ามา “ท่านแม่ทัพ แย่แล้วขอรับ คุณหนูอาอินจะแข่งกับฉู่จิ้นขอรับ”
เผยยวนเงยหน้าขึ้น “มันเรื่องอะไรกัน?”
ทหารชั้นผู้น้อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมา
เผยยวนไม่ได้สนใจ “ให้แข่งไปเถอะ ข้าว่าพวกเขาไม่มีอะไรทำจึงว่างเกินไป รอออกแรงหมดแล้วก็จะหยุดเอง”
ทหารใหม่มักจะมีความเย่อหยิ่งสูง ในเมื่ออยากแข่งเพียงนี้ เช่นนั้นก็ให้แข่งไป
ยิ่งไปกว่านั้น เขามั่นใจในตัวอาอิน หากเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม ลูกสาวของเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องแพ้ชนะ การเอาชนะตัวเองในเมื่อก่อนได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยนี้สตรีมักจะลำบากเป็นอย่างมาก หากอาอินต้องการได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ ในกองทัพ อาศัยแค่ว่าเป็นลูกสาวของเผยยวนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ ความแข็งแกร่งต่างหากคือใบผ่านทางที่แท้จริง
วันนี้มีทหารใหม่ไม่ชอบหน้า วันหน้ายังมีกองทัพที่ต้องสู้กันอีก นางมีพลังในการต่อสู้นั่นถือเป็นเรื่องดี ขอเพียงไม่ได้สู้กันจนเอาเป็นเอาตาย เผยยวนก็จะสนับสนุน
ทหารชั้นผู้น้อยเห็นท่านแม่ทัพไม่พูดอะไร จึงขอตัวไปดูเรื่องสนุกด้วย ทิ้งไว้แค่คนที่เฝ้ายามเท่านั้น
อาอินไม่ประลองฝีมือกับฉู่จิ้น แต่เลือกที่จะแข่งเรื่องพื้นฐานอย่างที่ฝึกอยู่ทุกวัน อาทิ วิ่งแบกน้ำหนัก คลานไปข้างหน้า ท่าเตะต่อย เป็นต้น
.