ตอนที่ 418 ควรจากไปอย่างมีเกียรติ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 418 ควรจากไปอย่างมีเกียรติ

ตอนที่ 418 ควรจากไปอย่างมีเกียรติ

หมัดนี้ไม่เพียงแต่ทำลายจมูกโด่งเป็นสันของตั่งเหวยหรานเท่านั้น แต่ยังทำร้ายความภาคภูมิใจในตัวเองของเขาด้วย เรื่องนี้มันทำให้สมองเขามึนงงและว่างเปล่า

นับตั้งแต่วันสิ้นโลก เขาก็ได้รับคำสั่งให้ไปเผชิญกับอันตรายมากมาย ในเวลาเพียงไม่กี่ปีเขาจึงประสบความสำเร็จทางด้านการทหาร และได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งพลโทด้วยความรวดเร็วราวกับจรวด หลังจากนั้นเขาก็ได้ปกป้องมนุษย์มานับไม่ถ้วน และการที่เขาได้ผ่านสมรภูมิมามากมายหลายครั้ง เขาจึงได้รับยศพลโทนี้จากการแต่งตั้งของท่านผู้นำสูงสุด เพราะได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่แก่สหพันธ์

ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของเขาก็ไม่มีอะไรนอกจากการสรรเสริญและความน่าเกรงขาม

ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเขารุ่งโรจน์แค่ไหน ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับผลกระทบของหมัดในวันนี้

นี่เขาถูกหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ทำร้ายงั้นเหรอ?

ในขณะที่เขากำลังคิดกับตัวเองว่าไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่าดั้งจมูกของเขาจะหายเจ็บเมื่อไหร่ ก็ถูกพามาที่ห้องประชุมแล้ว

และตอนนี้คนที่นั่งตรงข้ามเขาก็คือ…หนิงอวี้ซาน?

ตั่งเหวยหรานเห็นใบหน้าของคนที่นั่งรถเข็นตรงข้ามได้อย่างชัดเจน และนึกขึ้นได้ทันที เขาผุดลุกขึ้นฉับไว สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความระแวดระวังและไม่เป็นมิตร

“ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”

เบื้องหลังความเป็นปรปักษ์นี้ มีร่องรอยของความตื่นตระหนกที่เขาเองก็ไม่ได้สังเกตเห็น

หนิงอวี้ซานมองตรงไปที่เขา

“ฉันอยู่ที่เถาหยางมาตลอด ตอนแรกฉันคิดว่านายจะจากไปไม่ช้าก็เร็ว และพยายามเลี่ยงไม่ให้เราเจอกัน เพื่อไม่ให้คิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ทำให้ฉันคิดว่านายกำลังจะทำผิดพลาดอีกครั้ง”

มือของตั่งเหวยหรานวางอยู่ข้างโต๊ะ และเห็นได้ชัดว่ามือของเขากำลังกำแน่น

“ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ฉันพอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบางอย่างแล้วแหละ ว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างซูเถามีความสามารถในการผลักฉันเข้าสู่สถานการณ์นี้ ที่แท้ก็เป็นนายที่อยู่เบื้องหลัง”

ใบหน้าของหนิงอวี้ซานยังคงเรียบเฉย จากนั้นเขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมา

“ตั่งเหวยหราน นายลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อสิบห้าปีก่อนน้องชายของนายเสียชีวิตยังไง สมาชิกทั้งหมด 6,385 ชีวิต ฉันจะไม่มีวันลืมตัวเลขนี้! ทางฉางจิงที่เห็นคุณค่าในตัวนายและจัดเตรียมกองทหารที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษให้นาย! ก่อนการต่อสู้ครั้งใหญ่ นายบังคับพวกเขาให้ฝึกในวันที่อากาศติดลบและมีหิมะเป็นเวลา 20 ชั่วโมงเต็ม พวกเขาแทบไม่ได้พักเลย และต้องเผชิญหน้ากับคลื่นซอมบี้นับหมื่น!”

“นายจำได้ไหมว่ามีทหาร 6,385 นายถูกกวาดล้างในการต่อสู้ครั้งนั้น!”

“พวกเขาทั้งหมดไม่ควรตายด้วยซ้ำ! มันเป็นความเห็นแก่ตัวของนายคนเดียว! เพื่อประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว! นายเป็นคนฆ่าพวกเขาทั้งหมด! อีกทั้งนายยังปกปิดทุกอย่างและอ้างว่ามีซอมบี้ระดับสูงอยู่!”

เมื่อหนิงอวี้ซานพูดแบบนี้ เขาก็อารมณ์เสียและเริ่มไออย่างรุนแรง

ราวกับว่าร่างของตั่งเหวยหรานโดนกระชากด้วยคำพูดไม่กี่คำของเขา และอดีตที่เปื้อนเลือดก็ถูกขุดออกมา ทำให้เขาหงายหลังลงบนเก้าอี้

ทำไมจู่ ๆ เขาถึงโดนสะกิดแผล?

เขายังเจ็บปวด น้องชายของเขาเองก็อยู่ข้างใน เขาไม่ใช่เพชฌฆาต และเขาไม่ต้องการเห็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้ เขาแค่ไม่คาดคิดว่าสงครามจะเกิดขึ้นอย่างนี้ เขาไม่ได้เตรียมพร้อม…

ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่มีเรื่องนี้เขาจะเป็นนายพลที่ไร้มลทิน

สิบห้าปีผ่านไปทำไมจู่ ๆ เรื่องนี้ถึงถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง

หนิงอวี้ซานเสียทรยศทางทหารและถูกขับไล่ออกจากฉางจิงไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นอัมพาต แต่ทำไมเขาถึงยังกัดตนเองไม่ปล่อย?

“นายไม่ต้องมาย้ำเตือนฉัน ฉันเองก็ไม่อยาก… ไม่อยากทำผิดพลาดเหมือนกัน? ฉันอุทิศทั้งชีวิตให้กับสหพันธ์ ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำผิดพลาดเลยเหรอ?” ตั่งเหวยหรานพึมพำ

หนิงอวี้ซานหลับตา

“ราคาของความผิดพลาดของนายมันสูงเกินไป อีกทั้งนายก็ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง ไม่เพียงแต่ปกปิดมัน แต่นายยังต้องการที่จะทำมันซ้ำอีกครั้งในเถาหยาง ตั่งเหวยหราน ฉันไม่ได้อยากพูดเรื่องไร้สาระกับนายนะ นายควรคุยกับฉางจิงให้เร็วที่สุด เสนอตัวลาออกแล้วไปที่ไหนก็ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะหารือกับฉางจิง เรื่องการเสียชีวิตของนายทหาร 6,000 กว่าชีวิตนั้น และฉันไม่รู้ว่านายจะได้ใส่เครื่องแบบทหารนี้ต่อไปได้อีกไหม”

“นายอย่าคิดว่าฉันขู่นะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเหลือตัวคนเดียว ฉันพร้อมเดินหน้าพุ่งชนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้านายไม่ออกไป ฉันก็จะเขียนรายงงานส่งไปถึงฉางจิง”

มือของตั่งเหวยหรานสั่นสะท้าน “นาย นาย…”

หนิงอวี้ซานพูดต่อด้วยความโมโห “ฉันรู้ว่านายจะไม่กลับไปถ้านายไม่ประสบความสำเร็จในเถาหยาง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองทหารต่อไป นายต้องลาออก ฉันจะไม่อนุญาตให้นายสร้างความบอบช้ำให้เถาหยาง”

ตั่งเหวยหรานพูดด้วยความโกรธ “ฉันไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเถาหยาง! ฉันเป็นใคร?! ฉันเป็นนายทหารระดับพลโทของสหพันธ์! ทุกสิ่งที่ฉันทำตอนนี้ก็เพื่อประโยชน์ของเถาหยาง เพื่อไม่ให้ซูเถาต้องล้มลง สิ่งที่ต้องทำคือการวางรากฐานที่ดีให้กับทหารเหล่านี้ก่อนที่จะจากไป และทำทุกอย่างเพื่อชำระล้างความทุกข์ยากที่มนุษย์เคยประสบมาก่อน!”

“ไม่ นายมันบ้าอำนาจ นายต้องการฝึกทหารอย่างบ้าคลั่งก่อนออกจากเถาหยาง ทำให้ต้นกล้าแข็งแรงและก้าวเข้าสู่สมรภูมิอย่างสวยงามเพื่อนาย จากนั้นนายก็จะกลับไปที่ฉางจิงด้วยความภาคภูมิ! นายกำลังทำเพื่อตัวเอง! ไม่ใช่สำหรับเถาหยาง!” หนิงอวี้ซานเปิดโปงเขา หนิงอวี้ซานเปิดโปงเขา

ตั่งเหวยหรานเลือดขึ้นหน้าและรีบวิ่งไปข้างหน้ากระชากคอเสื้อหนิงอวี้ซานอย่างแรง

เมิ่งเสี่ยวป๋อที่รออยู่หน้าประตูทนไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเขาได้ยินการเคลื่อนไหวด้านในก็รีบวิ่งพรวดเข้าไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ และชกตั่งเหวยหรานที่ไม่ทันได้ระวังตัว

หนิงอวี้ซานจับแขนที่มีเส้นเลือดของเมิ่งเสี่ยวป๋อ และพูดกับตั่งเหวยหรานที่กำลังจะเสียสติ

“อย่าทำผิดพลาดไปมากกว่านี้เลย! นายควรจากไปอย่างมีเกียรติ หากรอถึงวันที่ซูเถาขับไล่นาย นายจะไม่เหลือแม้แต่เกียรติยศที่สั่งสมมา”

หลังจากพูดจบ เมิ่งเสี่ยวป๋อก็ผลักเขาออกไป

เหลือเพียงตั่งเหวยหรานที่หอบหายใจอยู่ในห้องประชุม

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและมองไปที่ทหารที่ยังคงส่งเสียงเชียร์อยู่นอกหน้าต่าง

เขาเห็นแก่ตัว เขาผิดเหรอ?

……

การสนทนาของหนิงอวี้ซานได้ผลดีมาก วันรุ่งขึ้นซูเถาได้ยินจากจวงหว่านว่าตั่งเหวยหรานให้คนนำปืนพลังงานเคลียสทั้งสามกระบอกมาคืน

จากนั้นเขาก็ไม่ปรากฏตัวอีกเป็นเวลาสองวัน

เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ซูเถาก็ได้รับจดหมายลาออก โดยบอกว่าเขาเริ่มแก่แล้วและต้องการกลับไปที่ฉางจิงเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัว และฉางจิงก็อนุมัติแล้วด้วย โดยจะมีการส่งนายทหารคนใหม่เข้ามารับตำแหน่งแทน

อย่างไรก็ตามจะใช้เวลาอีก 1 เดือนในการส่งมอบงาน ดังนั้นเขาจะยังไม่กลับไปในทันที

ซูเถาถอนหายใจ จากนั้นหันกลับมาและถามหนิงอวี้ซานที่อยู่ข้าง ๆ

“คุณพูดอะไรกับเขาน่ะ ทัศนคติของเขาแตกต่างไปจากเดิมมาก ฉันไม่ค่อยชินกับมันเลย”

ไม่กี่วันที่ผ่านมาคน ๆ นี้พูดอย่างเย่อหยิ่งว่าเขาจะไม่คุยงานกับเด็กอย่างเธอ

“ผมแค่บอกเขาว่า ให้เขาจากไปอย่างมีเกียรติ ไม่เช่นนั้นมันจะน่าอายที่สุดหากเถ้าแก่ซูเป็นคนขับไล่เขาออกไป” หนิงอวี้ซานพูด

ซูเถาหัวเราะ และไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตั่งเหวยหรานจะจากไปด้วยความเต็มใจเพียงเพราะแค่ประโยคเดียว หนิงอวี้ซานต้องจับตาดูเขา และบังคับให้เขาออกไปให้ได้

สำหรับเหตุผลนั้น ซูเถาไม่จำเป็นต้องรู้ ตราบใดที่เขาสามารถแก้ปัญหาได้เธอก็โอเค

เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าตั่งกำลังจะเกษียณและเดินทางกลับฉางจิง สำหรับนายทหารชั้นผู้น้อยและหัวหน้าหน่วยต่าง ๆ ของกองพลอิสระเถาหยางไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่านี้แล้ว

คืนนั้นพวกเขาจึงบากหน้าไปขอมื้ออาหารค่ำเพิ่ม และซูเถาก็อนุมัติอย่างง่ายดาย

คนกลุ่มนี้จัด ‘งานเลี้ยงอำลา’ บนเวทีกลางแจ้งของฐานทัพ

แน่นอนว่าตัวหลักของการอำลาไม่ได้มาร่วมงานด้วย