บทที่ 328 เบื้องหลังมีแผนร้าย

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามใจเย็นลง หยิบโทรศัพท์ออกมา

เห็นสายที่โทรมาคือนัทธี เธอก็ตบหน้า พยายามฉีกยิ้มกว้างๆออกไป“นัทธี”

“บล็อกทางการของบริษัทคุณผมเห็นแล้วนะ เรื่องราวรุนแรงมากเหรอ?”ในสาย มีเสียงทุ้มของนัทธีเข้ามา ในน้ำเสียงมีความเป็นห่วงแฝงอยู่

ในใจของวารุณีก็สบายใจขึ้นเยอะ กุมหน้าผากตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น:“ใช่ ที่จริงฉันคิดว่าเรื่องเล็กๆ แต่พอพวกเราสืบค้นดูแล้ว จึงพบว่าเรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นแผนร้ายอย่างหนึ่ง”

จากนั้น เธอจึงพูดออกมา เกี่ยวกับการคาดเดาในตัวผู้จัดการโกดังกับหัวหน้าทีม รวมทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา

นัทธีฟังจบ ก็ขมวดคิ้ว ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา“จะให้ผมช่วยไหม?”

“ไม่ต้อง”วารุณีส่ายหน้าปฏิเสธ“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ฉันอยากดูเสียมากกว่า ว่าทำไมพวกนี้ต้องทำแบบนี้”

ฟังความเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่งในน้ำเสียงของเธอออก นัทธีก็ไม่ดื้อดึง ริมฝีปากบางๆขยับ“โอเค ถ้าเจอปัญหาอะไร ต้องบอกผมนะ อย่าดึงดัน”

ในใจของวารุณีรู้สึกอบอุ่น“อือ ฉันรู้แล้ว”

“กลับมาเมื่อไหร่”นัทธีเปลี่ยนหัวข้อ

วารุณีมองดูนาฬิกาข้อมือ ถอนหายใจเบาๆ:“กลัวว่าจะเร็วไปน่ะสิ เดี๋ยวต้องทำบันทึกอีก”

“โอเค ถ้าดึกมากล่ะก็ ผมขับรถไปรับคุณเอง”นัทธีพูด

วารุณีพยักหน้ายิ้มๆ“ได้”

นัทธีกำลังจะวาง

จู่ๆวารุณีก็คิดอะไรได้ รีบเรียกเขาไว้“สามีเดี๋ยวก่อน”

“ทำไมเหรอ?”เสียงนัทธีอ่อนโยนมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าคำว่าสามีนี้ทำให้เขาพอใจ

วารุณีกัดริมฝีปาก“ลูกทั้งสองอยู่บ้านสบายดีใช่ไหม?”

“พวกเขาสบายดีมาก”ถึงแม้นัทธีไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถามคำถามนี้ แต่ก็ตอบไปอย่างตรงไปตรงมาว่า“อารัณเรียนอยู่ ไอริณเพิ่งหลับไป”

“งั้นก็ดี”วารุณีโล่งอก

ดูเหมือนว่า นวิยาจะไม่ได้ทำอะไรลูกทั้งสองคน

ถึงแม้ในบ้านจะมีนัทธี แต่เอก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวลว่านวิยาจะทำอะไรไม่ดีต่อลูกสองคนนี้

“ไม่มีแล้ว วางเถอะ”วารุณีพูดอีกครั้ง

โทรศัพท์เสร็จ เธอก็วางโทรศัพท์ลง ปาจรีย์ก็กลับมาพอดี“วารุณี เมื่อกี๊ผู้จัดการฝ่ายขายโทรหาฉัน บอกว่าตามเสื้อผ้ากลับมาได้สองในสาม”

“สองในสาม?”วารุณีขมวดคิ้ว

ปาจรีย์ตอบอือ หนึ่งในสามที่เหลือ มีคนเอาไปที่ต่างจังหวัด มีคนเอาไปทิ้ง ลูกค้าส่วนหนึ่งที่เอาไปต่างจังหวัดบอกว่า ไม่ส่งเสื้อผ้ามาให้พวกเราแล้ว ให้พวกเราคืนเงินอย่างเดียวก็พอ”

“แบบนี้ก็ดี งั้นก็คืนเงินไป แล้วก็ส่งของขวัญขอโทษไปด้วย”วารุณีขยี้คิ้ว

“ฉันก็คิดแบบนี้ เดี๋ยวฉันแจ้งให้ฝ่ายบัญชีจัดการ”ปาจรีย์เก็บโทรศัพท์

ไม่นานนัก ทางโรงพักก็ส่งคนมา มาทำบันทึกโดยเฉพาะ

พอทำบันทึกเสร็จ ฟ้าก็มืดลงแล้ว

วารุณีไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงยันตอนนี้ ท้องก็ร้องโครกคราก ไม่มีแรงมากนัก

ตอนที่ทั้งสองคนเตรียมจะขับรถออกไปจากโรงงาน กลับบ้านใครบ้านมัน ไมบัคคันสีดำ ที่แสนจะสวยงามสง่าคันหนึ่ง ขับมาจากที่ไกลๆ จอดอยู่ด้านนอกประตูโรงงาน

วารุณีแค่มองก็จำได้ว่าเป็นรถที่นัทธีเพิ่งซื้อใหม่ไม่นานนี้

ปาจรีย์ก็จำได้ เพราะสองวันนี้ นัทธีขับรถคันนี้ มาส่งวารุณีที่ชั้นล่างของบริษัท

ปาจรีย์ใช้ศอกดันเพื่อนสนิทที่อยู่ที่นั่งข้างคนขับ พูดอย่างคลุมเครือ:“สามีเธอมาแล้ว”

วารุณียิ้ม“ฉันรู้แล้ว”

“งั้นเธอยังไม่รีบลงไปอีก”

วารุณีเหลือบมองเธอ แล้วเปิดประตูรถลงไป

นัทธีเห็นเธอเปิดประตูรถไมบัคแล้วลงมา เดินมาทางนี้“ผมมารับคุณ”

“ฉันรู้แล้ว”วารุณีพยักหน้า

เธอจำได้ว่าในสาย เขาพูดว่าถ้ากลับดึก เขาจะมารับเธอ

คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาจริง

ปาจรีย์ลงมาจากรถ จับไหล่ของวารุณี“ประธานนัทธี คุณเป็นสามีที่ดีจริงๆ เตรียมมารับวารุณี นี่มันน่าอิจฉามากไปแล้วนะ”

หน้าวารุณีแดง ตีเธออย่างเซ็งๆ

เธอหัวเราะอย่างร้ายกาจ จากนั้นดันวารุณีไปที่นัทธี“โอเค ในเมื่อประธานนัทธีมาแล้ว งั้นภรรยาของคุณคุณก็พากลับไปเองละกัน ฉันจะได้ไม่ต้องเทไปเทมาอีกรอบหนึ่ง”

วารุณีคิดไม่ถึงว่าปาจรีย์จะดันตัวเอง ก็ตกใจ ร่างถลาเข้าใส่นัทธี

แขนยาวๆของนัทธีโอบไว้ รับเธอไว้อย่างมั่นคง โอบไว้ในอ้อมแขน มองไปที่ปาจรีย์“ขอบใจมาก”

ปาจรีย์โบกมือ“โอเคๆ พวกคุณรีบไปเถอะ”

พูดจบ เธอก็หันกลับ ขึ้นรถของตัวเอง ขับรถออกไปก่อน

นัทธีปล่อยวารุณี“พวกเราก็ไปเถอะ”

“อือ”วารุณีพยักหน้ายิ้มๆ

ทั้งสองคนเดินไปที่ไมบัค

พอขึ้นรถ นัทธีคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วถาม:“จัดการเรื่องราวยังไงไปบ้าง?”

“ยังไม่คืบหน้าเลย แต่ทางโรงพักกำลังตามจับ รอจับสองคนนั้นได้ ก็น่าจะแก้ไขได้แล้ว”วารุณีเอามือพิงไปที่ประตูรถแล้วพูด

นัทธีตอบอือ ไม่ถามอีก แล้วสตาร์ทรถออก

ระหว่างทาง วารุณีมองวิวด้านนอกกระจก ก็แปลกใจหน่อยๆ“นี่ไม่ใช่ทางกลับคฤหาสน์นี่”

เธอมองไปที่ชายหนุ่ม

ดวงตาชายหนุ่มมองไปข้างหน้า“ผมรู้”

“งั้นคุณจะพาฉันไปไหน?”วารุณีถามเขา

“พาคุณไปกินข้าว”หางตานัทธีเหลือบมองท้องของหญิงสาว

วารุณีกุมท้องทันที หน้าเล็กๆแดงขึ้นมา“คุณได้ยินเหรอ?”

เมื่อกี๊ท้องเธอเพิ่งร้อง แต่เสียงเบา เธอคิดว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียอีก

นัทธีหมุนพวกงมาลัย สีหน้านั้นดูคาดไม่ถึง“ทำไมกินข้าว?”

วารุณียิ้มอย่างขมขื่น“ฉันไม่ว่างนี่”

วันนี้ไปนั่นไปนี่ แล้วยังให้ปากคำ แล้วยังสืบหาเรื่องราว ยุ่งตัวเป็นเกลียว เลยไม่มีเวลากินข้าว

นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆ ไม่พูดจา

แป๊บเดียว เขาก็เอารถจอดที่ด้านนอกประตูร้านอาหารตะวันตกที่แสนจะอบอุ่นโรแมนติก“ถึงแล้ว”

“อ้อ”วารุณีปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ

นัทธียืนอยู่หน้ารถรอเธอ พอเธอเดินมา ก็จับมือเธอเข้าไปในร้านอาหาร

พอทั้งสองคนกินข้าวเสร็จและกลับมาที่คฤหาสน์ ก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เด็กทั้งสองหลับแล้ว ส่วนนวิยายังนั่งดูทีวีที่โซฟา

เธอเห็นทั้งสองคนกลับมา ก็รีบปิดทีวีแล้วยืนขึ้นมา“นัทธี พวกคุณกลับมาแล้วเหรอ”

วารุณียืนอยู่ข้างนัทธี ไม่ตอบ

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย“ทำไมยังไม่นอนอีก?”

“ไม่อยากนอน นอนไม่หลับ ดังนั้นเลยรอพวกคุณกลับมา”นวิยาจับวิกอย่างยิ้มๆ

นัทธีดึงเนกไทที่คอ

นวิยาเห็นแบบนี้ ก็จะเข้าไปช่วย

วารุณีหรี่ตาลง เดินเข้าไปโดยตรง บังไว้ตรงหน้านัทธี มองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม“คุณนวิยา ฉันดีกว่าค่ะ เรื่องช่วยผู้ชายถอดเนกไทแบบนี้ ให้ฉันในฐานะภรรยาทำดีกว่านะคะ แบบนี้เหมาะสมกว่า คุณคิดว่าไงคะ?”

สีหน้านวิยานิ่งไป จากนั้นหัวเราะออกมาอีกครั้ง“คุณวารุณีพูดถูก ขอโทษค่ะ ฉันทำเกินตัวไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร คุณนวิยาครั้งหน้าก็ระวังหน่อยก็ดี”วารุณีพูดจบ ก็หันกลับ เผชิญหน้ากับนัทธี ช่วยเขาถอดเนกไทออก

ถอดเสร็จ เธอก็จัดไป บ่นไป“นัทธี ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว อย่าดึงเนกไทมั่วๆ นี่คุณกำลังท้าทายฉันที่เป็นดีไซเนอร์นะ”

นัทธีเห็นเธอบ่นแบบนี้ รอยยิ้มที่แวบผ่านดวงตา“ขอโทษนะ ครั้งหน้าผมจะระวัง”

“ทุกครั้งคุณก็เอาแต่พูดครั้งหน้า”วารุณีกลอกตาใส่เขา

นวิยาเห็นระหว่างพวกเขาสนิทสนมไม่มีที่ว่างแบบนี้ และตัวเองก็แทรกไปไม่ได้ สายตานั้นหม่นลง“เอ่อ……นัทธี คุณวารุณี พวกคุณคุยกันเถอะ ฉันขึ้นไปข้างบนละ”

“ไปเถอะ รีบพักผ่อน”นัทธีพยักหน้า

นวิยาละสายตาลงเดินออกไป

วารุณีก็หาว“พวกเราก็ขึ้นไปเลยไหม?”