มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 393 เธอรวย!

อย่างไรก็ตาม หลังจากมองไปที่เถ้าแก่โจว ผู้จัดการหวังหยุดชั่วคราวและพูดต่อไปว่า”เถ้าแก่โจวยังมีคำขออีกอย่าง นอกเหนือจากการซ่อมรถแล้ว คุณยังต้องจ่ายค่าชดเชยอีกหนึ่งพันล้าน เรื่องนี้ก็ถือว่าจบ”

ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา หลู่เจ๋อก็รู้สึกโมโหทันที

หนึ่งพันล้าน?

สำหรับตระกูลชั้นหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย และต้องหมุนเงินจึงจะเอาออกมาได้ แม้ว่าพ่อของเขาจะทำธุรกิจโรงแรม มีเงินหลายสิบล้านต่อปี แม้ว่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขา รวมกันแล้วก็มีแค่หนึ่งพันล้าน เกรงว่าขายโรงแรมหมดแล้วเงินยังไม่พออีก

ถ้าต้องเอาออกมาหนึ่งพันล้าน พวกเขาตายแน่

“ไอ้คนหัวโล้น ถ้าต้องการเงินกูไม่มี ถ้าต้องการชีวิตกู ก็เอาไปซะ!” หลู่เจ๋อโกรธมาก และด่าเสียงดัง

“อย่าคิดว่าพวกมึงมีคนเยอะกูก็จะกลัว เชื่อไหมเดี๋ยวกูแจ้งตำรวจแล้ว?”

“รีบไสหัสออกไปซะ ต้องการหนึ่งพันล้าน ทำไมมึงไม่ไปปล้นล่ะ!”

กลุ่มลูกคนรวยเหล่านั้นตะโกนเสียงดัง ให้พวกเขาชดใช้เงินด้วยกัน กลับไปต้องโดนพ่อของพวกเขาทุบตีแน่ๆ

สีหน้าของหลิวเหว่ยก็น่าเกลียดมาก เดิมทีเขาคิดว่าจ่ายไม่กี่ล้านก็เพียงพอแล้ว แต่เถ้าแก่โจวเปิดปากก็ขอหนึ่งพันล้าน เว้นแต่พวกเขาจะล้มละลายและขอยืมเงินจากธนาคารเพิ่มอีก ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีเงินมากขนาดนี้เลย

“ผู้จัดการหวัง ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้มั้ง หนึ่งพันล้าน เราเอามันออกมาไม่ได้จริงๆ?เอาแบบนี้ไหม ขอเพียงคุณชอบ คุณสามารถเลือกรถคันใดก็ได้ในนี้ และจะถือเป็นการชดเชยแล้วกัน”

เถ้าแก่โจวมองอย่างเย็นชา ถุยน้ำลายใส่หน้าของหลิวเหว่ยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไปให้พ้น กูจะทำอะไร ต้องให้มึงมาสอนด้วยเหรอ?”

ผู้จัดการหวังยังตบหน้าหลิวเหว่ยด้วยความโกรธ โดยกล่าวว่า”หลิวเหว่ยเพราะเห็นแก่ที่เราทำงานร่วมกันมาสองปีแล้ว ผมแนะนำให้คุณอยู่ห่างๆ และอย่ามายุ่งเรื่องของกู!”

“เถ้าแก่โจวและกัวเฉิงเป็นเพื่อนสนิทในโลกธุรกิจ ตอนที่ผมมาที่นี่ คุณชายกัวบอกเป็นพิเศษว่า วันนี้ให้ฟังเถ้าแก่โจว!”

เมื่อหลิวเหว่ยได้ยินคำว่ากัวปู๋เจิ้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย กลั้นทุกคำที่เขาต้องการจะพูดไว้

ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลู่เจ๋อจะดีแค่ไหน แต่ก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่ว่าพ่อเขาจะรวยแค่ไหน และเคยสนับสนุนครอบครัวของเขาก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อหลู่เจ๋อ

“กัวปู๋เจิ้นก็มาที่นี่ด้วยหรือ?”

ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

“แน่นอน นี่คือท่านอาของกัวปู๋เจิ้นเชียวนะ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น หากคุณกล้าผิดใจกับเถ้าแก่โจว ผมรับรองว่าแค่โทรก็สามารถเรียกกัวปู๋เจิ้นมาได้ คุณเชื่อไหม?”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ หัวใจของพวกเขาก็จมลงสู่เหว

ลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่หลู่เจ๋อรู้จักก็ไม่พูดแทนเขาอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่รู้ภูมิหลังของเถ้าแก่โจว แต่เขาก็รู้จักความแข็งแกร่งของกัวปู๋เจิ้นในเมืองหนานเจิ้นดี

ลูกคนรวยหลายคนที่ขี้ขลาดหน่อยกลัวจนไม่รู้จะพูดอะไร นั่นคือหนึ่งพันล้านเลยนะ ให้พวกเขารวมเงินออกมา แม้ว่าหลู่เจ๋อจะออกเยอะ แต่ส่วนที่เหลือก็ไม่ใช่เงินเล็กน้อย และพวกเขาเอาออกมาไม่ได้เลย

“เอาเงินมา” เถ้าแก่โจวหัวเราะอย่างเย็นชาและมองไปที่หลู่เจ๋อ

หลู่เจ๋อ ถอยหลังไปสองสามก้าวและหยุดเมื่อเขาชนเข้ากับชายที่แข็งแกร่งข้างหลังเขา เขาพูดตะกุกตะกักว่า”ผม ผมไม่มีเงิน…”

“ไม่มีเงิน?ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร คุณสามารถใช้อวัยวะในร่างกายของคุณมาชดใช้แทนก็ได้ หนึ่งมือเท่ากับหนึ่งร้อยล้าน เป็นไงล่ะ คุ้มพอไหม?” เถ้าแก่โจวกล่าว

หลู่เจ๋อจะเห็นด้วยได้อย่างไร แม้ว่ามือข้างหนึ่งจะมีมูลค่า 200 ล้าน แต่เขาก็ไม่ต้องการเป็นคนพิการ แต่ในขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธ ผู้จัดการหวังก็จับหลู่เจ๋อลงโดยตรงและผลักเขาลงบนพื้น

“เอาเงินมา ไม่อย่างนั้นผมจะหักมือคุณ!”ผู้จัดการหวังพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

หลู่เจ๋อตกตะลึง และเมื่อเขาเห็นผู้จัดการหวังยกมีดขึ้นเพื่อฟันข้อมือของเขา เขาก็ตะโกนทันที ซูอีเข่อช่วยผมด้วย ครอบครัวของคุณรวยขนาดนั้น คุณจะไม่ช่วยไม่ได้นะ!

ลูกคนรวยหลายคนผงะ และมองไปที่ซูอีเข่อที่ถูกหลู่เจ๋อชี้หน้า

มู่เซิ่งขมวดคิ้ว”ซวยแล้ว!”

ตามที่คาดไว้ไม่ผิด!

ผู้จัดการหวังหยุดโดยไม่รู้ตัว เมื่อหลู่เจ๋อเห็นว่ามีหวัง เขาก็พูดเสียงดังทันที”เธอเป็นแฟนของผม เธอชื่อซูอีเข่อและทรัพย์สินของครอบครัวเธอมีเกือบ 1 หมื่นล้าน หนึ่งพันล้านไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอเลย ผมสามารถทำให้เธอช่วยผมจ่ายได้ โปรดปล่อยผมไปเถอะ!”

“จริงเหรอ?”

ผู้จัดการหวังปล่อยมือ เดินไปหาซูอีเข่อ แล้วถามด้วยความเย็นชา”ได้ยินมาว่าครอบครัวของคุณร่ำรวยมากงั้นเหรอ?”

ซูอีเข่อคิดไม่ถึงว่า เธอและมู่เซิ่งกำลังจะจากไป กลับถูกหลู่เจ๋อลากเข้าไปพัวพันกับปัญหานี้ด้วย เธอจึงพูดอย่างเย็นชาทันทีว่า”เกี่ยวอะไรกับคุณ?”

“ครอบครัวของเธอรวยจริงๆ”หลู่เจ๋อรีบวิ่งไปหาซูอีเข่อ ร้องไห้และตะโกนว่า”ซูอีเข่อได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะ ถ้าผมไม่สามารถเอาเงินออกมาได้ พวกเขาจะตัดมือและขาของผม อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน คุณจะมองดูผมตายแบบนี้เหรอ?”

“คุณสร้างปัญหาเอง เกี่ยวอะไรกับฉัน?” ซูอีเข่อพูดด้วยความโกรธ ในขณะนี้ สายตาที่เธอมองไปที่หลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความรังเกียจ

ปกติเธอกับหลู่เจ๋อถือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อมีปัญหา หลู่เจ๋อจะมาช่วยเหลือด้วยซ้ำ แต่ฉากวันนี้ ทำให้เธอตาสว่าง และเห็นนิสัยที่แท้จริงของหลู่เจ๋อ!

เพื่อเงินแล้ว หลู่เจ๋อไม่ลังเลที่จะลากเธอเข้าไปเกี่ยวด้วย ต้องรู้ว่าปัญหานี้ไม่เกี่ยวกับซูอีเข่อเลย มันเกิดจากตัวหลู่เจ๋อเอง!

“ได้โปรด ถ้าคุณไม่เอาเงินออกมา ผมจะตายจริงๆ ซูอีเข่อถือว่ามันเป็นเงินที่คุณยืมให้ผมได้ไหม?” หลู่เจ๋อร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เถ้าแก่โจวมองไปที่ซูอีเข่อด้วยสายตาสกปรกอนาจาร ยิ้มกว้าง โชว์ฟันเหลืองของเขา ชี้ไปที่ซูอีเข่อและพูดว่า”ไปเสิร์ชหาข้อมูลของเธอมา และดูว่าเธอรวยขนาดนั้นจริงๆหรือไม่?”

ผู้จัดการหวังสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งตอนนี้ จะไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านี้ได้อย่างไร เขาโบกมือทันทีและนำชายที่แข็งแกร่งสองคนที่อยู่รอบๆเขาขึ้นไปและจับซูอีเข่อไว้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลู่เจ๋อและลูกคนรวยรีบหลีกทางให้

“หลู่เจ๋อ คุณ—”

เมื่อซูอีเข่อเห็นหลู่เจ๋อโยนปัญหามาให้เธอ ก็โกรธทันที

“อีเข่อ คนตายเพื่อเงิน นกตายเพราะอาหาร อย่าโทษผมเลย ใครให้คุณไม่ยอมเอาเงินออกมาล่ะ!” หลู่เจ๋อหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดกับซูอีเข่อ

“ผมขอแนะนำให้คุณจ่ายเงินดีๆจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเถ้าแก่โจวจะไม่ปล่อยคุณไปแน่!”

เมื่อมองไปที่ชายที่แข็งแกร่งที่ล้อมรอบเธอ ซูอีเข่อก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความสิ้นหวัง ที่แท้ เพื่อนที่เธอคบนั้นเป็นคนประเภทนี้นี่เอง

แต่เธอเข้าใจตอนนี้ มันสายไปเสียแล้ว!

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กลุ่มคนที่แข็งแกร่งเดินไปหาซูอีเข่อ และกำลังจะจับเธอลง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นข้างหูของทุกคน

“เดี๋ยว!”

เสียงนี้ไม่คุ้นเคย แต่มีความน่าเกรงขามที่ไม่อาจปกปิดได้ ทุกคนที่ได้ยินก็ตัวสั่น ชายผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนที่นำโดยผู้จัดการวังหยุดโดยไม่ได้ตั้งใจ

แม้แต่เถ้าแก่โจวก็อดไม่ได้ที่จะมองไป