ตอนที่ 234 กินยาผิดแล้ว
ตอนที่ 234 กินยาผิดแล้ว
เย่ฮ่าวหรานมองหนานหนานปราดหนึ่ง เส้นเลือดที่บริเวณหน้าผากก็ปูดขึ้นมาทันที
อวี้เป่าเอ๋อร์ไม่รู้สถานะของหนานหนาน แต่เห็นจากสีหน้าไม่สู้ดีของท่านอ๋องแปดก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคือง จึงรีบพูดไปว่า “ท่านอ๋อง ข้าเพียงแค่อยากไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาเท่านั้น ท่านช่วยไปส่งข้าด้านนอกจวนก็ได้ หรือว่า…หรือว่าท่านบอกทางให้ข้า เดี๋ยวข้าไปเองก็ได้ขอรับ”
เย่ฮ่าวหรานชะงัก จากนั้นก็ได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดของหนานหนาน “พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า เจ้าจะไปเองได้อย่างไร? เจ้าไม่เห็ว่านหรือคนรับใช้พวกนั้นตามหลังรถม้าของพวกเรามา? อีกเดี๋ยวหากเจ้าลงจากรถ คงได้เข้ามาจับตัวเจ้าไปเป็นแน่”
หนานหนานพูดแล้วก็เริ่มเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านอาแปด ข้าเองก็พอจะมองท่านออกแหละ ท่านก็แค่ไม่มีหัวใจที่กล้าหาญมิใช่หรือ? ช่างเถอะ เช่นนั้นท่านก็ให้ข้าลงจากรถเถอะ ข้าจะพาเขาไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาเอง”
“…” อวี้เป่าเอ๋อร์มองเด็กชายข้าง ๆ ด้วยความประหลาดใจ จึงเกิดความคล้อยตามไปกับจิตวิญญาณแห่งความเสียสละเช่นนี้ของหนานหนาน ทั้งยังมีความซึ้งใจที่ยากเกินกว่าจะพรรณนาได้ผุดขึ้นภายในใจ “ขอบใจนะ”
เย่ฮ่าวหรานหันหน้าไปเงียบ ๆ ถามอย่างหมดแรงว่า “หนานหนาน เจ้าจะพาเขาไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาหรือ?”
“อื้อ” หนานหนานออกแรงพยักหน้า ทั้งยังเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาดูหมิ่นอย่างมาก ราวกับยังกล่าวหาอย่างโกรธเคืองที่เย่ฮ่าวหรานมองดูคนตายโดยไม่คิดจะช่วยเหลือ
เย่ฮ่าวหรานอดที่จะยิ้มเยาะไม่ได้ “แล้วเจ้ารู้หรือว่าจวนเสนาบดีฝ่ายขวาอยู่ที่ใด?”
“…อยู่…เอ่อ…ก็อยู่ที่…ท่านนี่โง่ชะมัดเลย จวนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ต้องอยู่ที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาสิ”
อวี้เป่าเอ๋อร์อ้าปากค้าง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ ปิดปากและไม่ได้พูดอะไรอีก
เย่หลานเฉิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แอบกลั้นขำ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ
เย่ฮ่าวหรานกลับรู้สึกจนปัญญากับหนานหนาน เด็กคนนี้ดูเหมือนจะตัดสินใจเข้าไปยุ่งเรื่องของอวี้เป่าเอ๋อร์แล้ว ดูจากท่าทางของเด็กคนนั้นที่ทำท่าจะลงจากรถ คาดว่าคงพูดจริงทำจริง และคงพาอวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาด้วยตนเอง
เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อนุญาตให้ทำเช่นนั้นไม่ได้ หากพี่ห้ารู้เรื่องนี้เข้า คาดว่าเขาคงได้ถูกจับถลกหนังเป็นแน่
ทว่าจวนเสนาบดีฝ่ายขวา…นั่นน่ะเหวเชียวนะ เขาไม่เคยคิดอยากจะไปเกี่ยวข้องกับหลีจื่อฟานเลย
หนานหนานครุ่นเคือง คนคนนี้ลังเลอยู่นานแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ อืดอาดยืดยาดเกินไปแล้ว “เหตุใดท่านถึงได้อืดอาดเหมือนสตรีกับหญิงชราเช่นนี้ แม้แต่ท่านแม่ของข้ายังกระฉับกระเฉงกว่าท่านอีก หากท่านป้าจินอยู่ด้วย ตอนนี้คงพาข้าบินไปอยู่บนหลังคาของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว”
ป้าจิน…จิน?
เย่ฮ่าวหรานดวงตาเบิกโพลง สายตาร้อนผ่าวนั้นจ้องมองไปยังหนานหนาน “ท่านป้าจินที่เจ้าพูดถึง คือจินหลิวหลีใช่หรือไม่?” เขาจำได้ว่าหลีเอ๋อร์สนิทกับอวี้ชิงลั่วมาก เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนางและหนานหนานก็คงไม่ได้แย่ไปกว่ากัน
หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ พยักหน้าตอบ “ถูกต้อง ท่านรู้จักท่านป้าจินของข้าด้วยหรือ? จะว่าไป หลังจากข้าเข้าไปในวังก็ไม่เคยเห็นหน้าท่านป้าจินอีกเลย คิดถึงท่านป้าจินชะมัด”
เย่ฮ่าวหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในทันที ยกม่านรถขึ้นและพูดกับคนขับรถที่อยู่ด้านนอก “กลับรถ ไปจวนเสนาบดีฝ่ายขวา”
“ขอรับ”
ดวงตาของอวี้เป่าเอ๋อร์หดเล็กลงอย่างหนัก มองเย่ฮ่าวหรานด้วยความตกตะลึง ท่านอ๋องแปดยินดีที่จะช่วยเหลือเขาแล้วหรือ?
หนานหนานลูบคางขณะมองสำรวจเย่ฮ่าวหรานด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกับท่านลุงแปด? จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจเช่นนี้ เขาไม่คุ้นชินเลย หรือว่ากินยาผิด? หรือว่าอันที่จริงเขาถูกคนอื่นสวมรอยแล้ว?
ยิ่งหนานหนานครุ่นคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้สูงมาก เขาจึงลุกขึ้นยืนและถลาเข้าใส่ตัวของเย่ฮ่าวหราน ใช้มือบีบ ๆ นวด ๆ บนใบหน้าของเย่ฮ่าวหรานเป็นพัลวัน
“ซี้ด…” เย่ฮ่าวหรานสูดลมเย็นเข้าปาก รีบจับเอวของหนานหนานแล้วผลักเขาไปด้านหลัง จนกระทั่งรักษาระยะห่างหนึ่งช่วงแขน จึงถลึงตาใส่หนานหนานด้วยท่าทางดุดัน “เจ้าทำอะไรเนี่ย?”
“อ้อ ข้าแค่อยากดูว่าท่านใส่หน้ากากหนังมนุษย์หรือไม่” หนานหนานตอบอย่างจริงจัง
เย่หลานเฉิงหัวเราะอีกครั้ง ทว่าเมื่อเห็นเย่ฮ่าวหรานหันมาจ้องหน้า จึงรีบยกมือปิดปาก กลอกตาไปมาและเบือนหน้ามองไปด้านนอกหน้าต่าง
ใครจะไปคิด ตอนที่เขาหันไปมอง จู่ ๆ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันจนเป็นปม “ท่านอาแปด คนพวกนั้นยังตามพวกเราอยู่เลย หรือว่าพวกเขาจะตามพวกเราไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา”
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา อยากตามก็ตามมาเถอะ” เย่ฮ่าวหรานพูดอย่างไม่แยแส ตอนนี้สิ่งที่เขาเครียดยิ่งกว่าก็คือหนานหนานที่อยู่ตรงหน้าจะลงไม้ลงมือทำอะไรเขาหรือไม่ เจ้าเด็กคนนี้ ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวรอบด้านเพื่อป้องกันตัวและหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหนานหนานลอบโจมตี
“พ่ะย่ะค่ะ” เย่หลานเฉิงพยักหน้า และไม่ได้ไปสนใจพวกเขาแล้ว
ทว่าอวี้เป่าเอ๋อร์กลับกังวลใจอย่างมาก เพราะกลัวว่าระหว่างทางจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปเจอเสนาบดีฝ่ายขวาให้ได้ เขาอยากเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี้ชิงโหรว มิเช่นนั้นหลังจากผ่านวันนี้ไป เขาคงไม่มีโอกาสได้ออกจากจวนอีกแล้ว เฉินจีซินต้องจับตามองเขาอย่างใกล้ชิดเป็นแน่ บางทีอาจใช้โซ่ล่ามเขาไม่ให้ออกนอกประตูด้วย
ด้วยเหตุนี้อวี้เป่าเอ๋อร์จึงขมวดคิ้วมุ่นตลอดทาง ทั้งยังมองไปยังคนเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังรถม้าเป็นครั้งคราว
คนรับใช้เหล่านั้นเห็นทิศทางของรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไป ก็เกิดอาการใจเต้นตึกตักอย่างห้ามไม่อยู่ ต่างคนต่างหันสบตากัน รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ รถม้าคันนั้นแล่นไปด้านหน้า ทิศทางนั้นกลับไม่ได้ตรงไปที่ตำหนักของท่านอ๋องแปด แต่เป็น…จวนเสนาบดีฝ่ายขวา
หัวหน้าคนรับใช้แอบสบถเงียบ ๆ หนึ่งเสียง รีบหันไปสั่งคนที่ตามอยู่ด้านหลัง “เจ้ารีบกลับไป ไปบอกฮูหยินว่านายน้อยถูกพาตัวไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว เร็วเข้า รีบไป”
“ขอรับ ขอรับ” คนคนนั้นรีบขานตอบด้วยเหงื่อที่เปียกโชกไปทั้งศีรษะ และรีบวิ่งกลับไปที่จวนอวี้อย่างรวดเร็ว
จวนอวี้อยู่ห่างจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวาไม่ไกล ตอนนั้นหลีจื่อฟานตั้งใจขอจวนจากฮ่องเต้โดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ห่างจากจวนอวี้ไม่เกินสองเส้นถนน ขุนนางที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลจากวังเช่นนี้ จึงกลายเป็นเรื่องที่ประชาชนในเมืองหลวงให้ความสนใจและพูดถึงกันไม่หยุด
ด้วยเหตุนี้ตอนที่คนรับใช้คนนั้นวิ่งกลับไปถึงจวนอวี้ จึงใช้ระยะเวลาเพียงสั้น ๆ
ใบหน้าของเฉินจีซินฮูหยินของตระกูลอวี้ในบัดนี้เต็มไปด้วยโทสะ ถือผ้าเช็ดหน้าในมือเดินไปเดินมาอยู่ในห้องโถงด้านหน้า
อวี้ชิงโหรวนั่งจิบน้ำชาอยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้จึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “ท่านแม่ มีอะไรให้ต้องร้อนใจ? เพื่อนบ้านบนถนนเส้นนี้ต่างก็รู้ดี น้องเล็กคนนั้นสติไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก หากคนเหล่านั้นเห็นก็คงช่วยพวกเราจับตัวเขากลับมา”
“โถ่เอ๊ย โหรวเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงได้นิ่งเฉยเช่นนี้ หากอวี้เป่าเอ๋อร์นั่นออกไปพูดจาซี้ซั้วด้านนอก ไม่เท่ากับสร้างปัญหาให้เราหรือ?”
“ปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?” อวี้ชิงโหรววางแก้วลง ลุกขึ้นยืนเดินมาข้าง ๆ นาง ก่อนจะดึงมือของเฉินจีซินด้วยท่าทางฉลาดปราดเปรื่อง กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ท่านแม่ ไม่ต้องพูดถึงอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ปีนี้อายุแค่สิบกว่าปี ตอนนี้เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นบ้า เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เขาพูดอะไรออกไปจะมีใครเชื่อคำพูดของคนบ้ากันล่ะเจ้าคะ?”
“แต่ว่า…”
เฉินจีซินยังไม่ไว้วางใจ ทว่าเมื่อได้ยินบุตรีพูดเช่นนี้นางก็รู้สึกได้ว่ามีเหตุผล
ในเวลานี้เอง จู่ ๆ คนรับใช้สองคนที่นางส่งให้ออกไปตามหาอวี้เป่าเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าเฉินจีซินเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งศีรษะ ตะโกนเสียงดังว่า “ฮูหยิน แย่แล้วขอรับ นายน้อยถูกท่านอ๋องแปดพาตัวไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว”
…………………………
สารจากผู้แปล
จี้ใจดำท่านอาแปดเสียแล้วหนานหนานที่พูดถึงท่านป้าจินขึ้นมา
งานเข้าจวนอวี้แล้ว นังสองแม่ลูกนี่เตรียมโดนถลกหนังได้เลย