ตอนที่ 338 ปกปิดสถานการณ์เลวร้าย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 338 ปกปิดสถานการณ์เลวร้าย

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวค่อนข้างลึกซึ้ง ทว่า ไป๋จิ่นเซ่อกลับฟังเข้าใจ เด็กสาวลุกขึ้นยืนพลางโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนสุดตัว “จิ่นเซ่อจะจดจำคำสอนของพี่หญิงใหญ่ไว้เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนมองดูน้องสาวของตัวเองนิ่ง นางไม่รู้ว่าการที่ไป๋จิ่นเซ่อโตเกินวัยเช่นนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่

ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ไป๋จิ่นเซ่อ “เจ้าจงจำไว้ให้ดี ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของราชวงศ์หลิน ท่านย่าจะปกป้องคุ้มครองตระกูลไป๋อย่างเต็มที่ ดังนั้นท่านย่าต้องแน่ใจว่าแม่นางหลูคนนี้จะมีประโยชน์ต่อตระกูลไป๋ หากเจ้าสารภาพกับท่านย่าตามจริงว่ายินดีช่วยแบ่งเบาภาระของท่านย่า ท่านย่าต้องอนุญาตอย่างแน่นอน!”

พี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้ยิ่งทำให้ไป๋จิ่นเซ่อมั่นใจมากยิ่งขึ้น เด็กสาวคาราวะไป๋ชิงเหยียนจากนั้นวิ่งไปทางเรือนฉางโซ่วของท่านย่า

ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าที่ท่านย่าแผนที่อันตรายโดยใช้แม่นางหลูผู้นี้เพราะชิวกุ้ยเหรินในวังหลวงคือคนของเหลียงอ๋อง ท่านย่ารู้ดีกว่าไป๋ชิงเหยียนว่าบัดนี้สถานการณ์ของตระกูลไป๋ยากลำบากเพียงใด

เมื่อไป๋ชิงเหยียนกลับไปถึงเรือนชิงฮุยก็โดนไป๋จิ่นซิ่วซักถามเรื่องของตระกูลบรรพบุรุษไป๋อย่างละเอียด

“ตอนเจ้ากลับออกไป เจ้าออกทางประตูหลังของจวนนะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋จิ่นซิ่วยิ้มๆ “ด้านหน้ากำลังครึกครื้นเลย”

ไป๋จิ่นซิ่วผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ

“นั่งลงก่อน…” ไป๋ชิงเหยียนจูงมือไป๋จิ่นซิ่วให้นั่งลง

“เจ้ากำลังมีครรภ์ เหตุใดจึงตกใจรุนแรงเช่นนี้”

“พี่หญิงใหญ่จะปล่อยให้พวกเขาอาละวาดอยู่เช่นนี้หรือเจ้าคะ”

“อาละวาด…พี่เป็นคนบอกให้พ่อบ้านเหาทำให้พวกเขาอาละวาดเอง ยิ่งอาละวาดมากเท่าใดยิ่งดี!” ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดปิดบังไป๋จิ่นซิ่ว

“เช่นนี้ชาวบ้านจะได้รับรู้ว่าตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงไม่ได้รับรู้เรื่องเลวร้ายที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋จากซั่วหยางกระทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เลย ถือเป็นการเริ่มต้นขีดเส้นแบ่งระหว่างตระกูลไป๋และตระกูลบรรพบุรุษไป๋”

ไป๋จิ่นซิ่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “เดิมทีตระกูลบรรพบุรุษไป๋คือสายเลือดเดียวกันกับเรา คนในตระกูลควรยื่นมือเข้าช่วยเหลือในยามอีกฝ่ายคับขัน ทว่า หลายปีมานี้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ทำตัวราวกับปลิงที่คอยดูดเลือดพวกเรา ตอนตระกูลไป๋เผชิญปัญหาก็ไม่เคยคิดยื่นมือช่วยเหลือ กลับซ้ำเติมพวกเรายิ่งกว่าเดิม หากพวกเราแยกออกมาจากตระกูลบรรพบุรุษได้ก็ถือเป็นเรื่องดีเจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่อนี้หรอก ดูแลตัวเองให้ดี”

ไป๋จิ่นเซ่ออยู่ที่เรือนฉางโซ่วกว่าหนึ่งชั่วยามจึงเดินออกมาจากเรือน องค์หญิงใหญ่อนุญาตให้ไป๋จิ่นเซ่ออยู่เรียนวิชาแพทย์กับแม่นางหลูต่อที่เมืองหลวงดังที่คาดไว้

เมื่อไป๋จิ่นเซ่อก้าวข้ามธรณีประตูออกมา แผ่นหลังที่เกร็งอย่างตึงเครียดอยู่ตลอดเวลาจึงค่อยผ่อนคลายลง เด็กน้อยกำหมัดแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ในที่สุดนางก็ได้ทำสิ่งใดเพื่อตระกูลไป๋บ้างแล้ว

เมื่อไป๋จิ่นจื้อได้ยินว่าตระกูลบรรพบุรุษจากซั่วหยางมาอาละวาดอยู่ที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ สาวน้อยโมโหจนเกือบจะหยิบแส้บุกไปยังหน้าจวนอย่างทนไม่ไหว ทว่า กลับถูกหลิงชุ่ยสาวใช้ข้างกายโน้มน้าวให้ไปที่เรือนชิงฮุยเสียก่อน

เมื่อไป๋จิ่นจื้อไปถึงเรือนชิงฮุย ไป๋ชิงเหยียนกำลังปรึกษากับถงหมัวมัวเรื่องของขวัญที่จะนำไปเยี่ยมท่านอาจารย์กวนเหล่าในวันพรุ่งนี้

วันที่สิบสอง เดือนสี่คือวันเกิดของท่านอาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงของไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ หญิงสาวจึงจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์ล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา

เห็นไป๋จิ่นจื้อพุ่งเข้ามาด้วยอารมณ์คุกกรุ่น ไป๋ชิงเหยียนวางม้วนไม้ไผ่โบราณที่เตรียมไว้เป็นของขวัญให้ท่านอาจารย์ลงในกล่อง จากนั้นเอ่ยสั่งชุนเถา “นำชาเก็กฮวยมาให้คุณหนูสี่ดับอารมณ์ร้อนหน่อย”

ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพจากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ “คนตระกูลบรรพบุรุษช่างน่าไม่อายยิ่งนัก กล้ามาอาละวาดหน้าจวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เช่นนี้เลยหรือ!”

ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาเบาๆ “ยิ่งอาละวาดมากเท่าใด วันหน้าหากพวกเราถอนตัวออกจากตระกูลจะได้ไม่โดนผู้คนครหา เจ้านั่งพักใสบายใจเถิด!”

ไป๋จิ่นจื้อกะพริบตาปริบๆ สีหน้าส่อแววยินดี

ชุนเถาแหวกม่านถือชาเก็กฮวยเข้ามาด้านใน ทำความเคารพพลางกล่าวขึ้น “คุณหนใหญ่ คุณหนูสี่ อิ๋นซวงกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”

ไป๋จิ่นซิ่วเพิ่งพาอิ๋นซวงกลับไปได้ไม่นาน เหตุใดอิ๋นซวงจึงกลับมาอีก

“ให้นางเข้ามา” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารินน้ำชาให้ไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นเดินออกไปกวักมือเรียกอิ๋นซวง

อิ๋นซวงเข้ามาด้านใน ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมจากนั้นล้วงจดหมายออกมาจากอกส่งให้ไป๋ชิงเหยียน

“ลำบากอิ๋นซวงแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายที่พับอย่างเป็นระเบียบมายิ้มๆ เปิดจดหมายออกพลางกล่าวกับชุนเถา “พาอิ๋นซวงไปหาขนมทานก่อน”

“คุณหนูรองยังอยู่ที่โรงน้ำชาเจ้าค่ะ…” อิ๋นซวงฉีกยิ้มฟันขาวให้ไป๋ชิงเหยียน พลางหัวเราะออกมาอย่างใสซื่อ “เมื่อข้ากลับไป คุณหนูรองจะให้ข้ากินขนมกุ้ยฮวาเจ้าค่ะ”

“ได้ เจ้าไปเถิด ระวังตัวด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนกำชับอิ๋นซวง

“เจ้าค่ะ!” อิ๋นซวงรับคำ

ตอนที่อิ๋นซวงหมุนตัวเตรียมจากไป ไป๋ชิงเหยียนเรียกนางเอาไว้เสียก่อน

ดวงตาสีดำสนิทของอิ๋นซวงจ้องไปยังไป๋ชิงเหยียนตาแป๋ว ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเพียง “คุณหนูรองกำลังตั้งครรภ์ ขาดเจ้าไม่ได้ ต่อไปใช้ผู้อื่นมาส่งจดหมาย เจ้าควรติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูรองไม่ห่าง! ข้ารู้ว่าพี่ชิงจู๋ของเจ้าสอนวรยุทธบางส่วนให้แก่เจ้าแล้ว ข้าฝากเจ้าดูแลคุณหนูรองด้วย เจ้าต้องคุ้มครองคุณหนูรองและเด็กในท้องให้ดีนะ!”

“พี่ชิงจู๋บอกว่าให้ข้าเชื่อฟังคุณหนูใหญ่ ข้าจะเชื่อฟังเจ้าค่ะ!” อิ๋นซวงแสดงท่าทีมั่นใจอย่างเต็มที่

ไป๋ชิงเหยียนหัวเราะออกมาน้อยๆ “ต่อไปเจ้าจงเชื่อฟังคำสั่งของคุณหนูรอง!”

“เจ้าค่ะ คุณหนูรองดีกับอิ๋นซวง อิ๋นซวงจะเชื่อฟังคำสั่งของคุณหนูรองเช่นกันเจ้าค่ะ!”

“ไปเถิด…”

อิ๋นซวงพยักหน้าแล้วเดินออกไปจากเรือนชิงฮุยอย่างรวดเร็ว นางต้องไปคุ้มครองคุณหนูรอง คุณหนูใหญ่กล่าวว่า…ตามติด ห้ามห่างกาย

ไป๋จิ่นจื้อวางถ้วยชาลงพลางชะโงกหน้าไปอ่านจดหมายในมือของไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงรองมีเรื่องด่วนอันใดหรือเจ้าคะถึงได้ให้อิ๋นซวงส่งจดหมายมาทั้งๆ ที่เพิ่งจากไปเช่นนี้”

ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ทันอ่านจดหมายจบ ด้านนอกก็รายงานว่าเจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงมาพบนาง

ไป๋ชิงเหยียนเดาว่าท่านย่าส่งเจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงมารายงานเรื่องเดียวดับเนื้อหาในจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วส่งมาให้นาง…ปัญหาความอดอยากที่เยี่ยนว่อ

“ให้เจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงเข้ามาได้” ไป๋ชิงเหยียนส่งจดหมายให้ไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อรีบรับไปอ่าน

เจี่ยงหมัวมัวและเว่ยจงเดินเข้ามาด้านในพลางทำความเคารพ เจี่ยงหมัวมัวมองไปยังไป๋จิ่นจื้อที่กำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง ดูเหมือนนางกำลังลังเลว่าควรให้ไป๋จิ่นจื้อรับรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่

“เจี่ยงหมัวมัวมาเพราะเรื่องปัญหาความอดอยากที่เยี่ยนว่อใช่หรือไม่” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนสงบราบเรียบ “อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยาม คนทั่วทั้งเมืองหลวงก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี กล่าวมาเถิด”

หมายความว่าไม่ต้องปิดบังไป๋จิ่นจื้อ

ไป๋จิ่นจื้อเงยหน้าขึ้น สายตาหยุดอยู่ที่ร่างของเว่ยจง

เว่ยจงก้าวไปด้านหน้า กล่าวขึ้นอย่างนอบน้อม “เยี่ยนว่อประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงเมื่อเดือนเจ็ดของปีที่แล้วขอรับ นายอำเภอในตอนนั้นคือหมิ่นจงเซิ่ง เขาได้เลื่อนตำแหน่งตั้งแต่อายุยังน้อย เขาไม่อยากให้เกิดปัญหาในตอนที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ จึงปิดบังภัยพิบัตินี้ไว้ขอรับ ตอนที่หนานเจียงต้องการเสบียง เขาก็ปล้นชิงเอาจากชาวบ้านจนหมดเกลี้ยง เมื่อนายอำเภอคนใหม่รับตำแหน่งก็ถูกหมิ่นจงเซิ่งบังคับให้แก้ปัญหานี้แทนเขา ไม่ให้รายงานสถานการณ์เลวร้ายนี้ขอรับ”

“หมิ่นจงเซิ่งคงคิดว่าสถานการณ์ในเยี่ยนว่อคงดีขึ้น ผู้ใดจะคิดว่าเยี่ยนว่อจะประสบภัยหนาวจากหิมะในช่วงฤดูหนาวอีก เดือนสามเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำตลอดทั้งเดือนจนทำให้เกิดอุทกภัยขึ้น น้ำท่วมที่นา ไม่ได้เก็บเกี่ยวพืชผล ทางการไม่มีเสบียงแจกชาวบ้านที่ประสบภัย ชาวบ้านต่างหนีไปพึ่งเมืองผิงหยาง กว่างหลิง ลั่วหงและหูสุ่ย ทุกที่ที่ชาวบ้านลี้ภัยไปอยู่ล้วนไม่เหลือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ผู้คนล้มตายมากมาย นายอำเภอจากทั้งสี่เมืองจึงได้รู้ว่าเยี่ยนว่อกำลังประสบภัยยากแคล้น บัดนี้ถวายฎีกาไปยังวังหลวงแล้ว ได้ยินว่าองค์รัชทายาทก็เข้าไปในวังแล้วเช่นกันขอรับ”

เยี่ยนว่ออยู่ไม่ห่างจากต้าเยี่ยนมากนัก

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว…”