บทที่ 330 เจตนาฆ่าคน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เธอได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางห้องครัว และก็ไม่ได้เปิดไฟ คิดว่าจะเป็นขโมยหรือไม่ ก็เลยตั้งใจมาดู

คิดไม่ถึงว่าในครัวจะเป็นวารุณีกับนัทธีสองคนนี้

เห็นการกระทำของวารุณีกับนัทธีทั้งสองคนชัดเจน ป้าส้มก็หน้าแดง หัวเราะอย่างร้ายกาจ“เอ่อ ป้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิง พวกคุณต่อได้เลย พวกคุณทำต่อเลยค่ะ”

เธอพูดไป ก็ถอยหลังไป ถอยออกไปจากประตูห้องครัว แล้วเธอก็หันกลับออกไปทันที เหลือแค่วารุณีกับนัทธีเพียงสองคนที่มองหน้ากัน

วารุณีผลักชายหนุ่มบนตัวออกไปอย่างหน้าแดง“ต้องโทษคุณนั่นแหละ จะจูบฉันตรงนี้ ป้าส้มเห็นหมดแล้ว”

นัทธีไม่พูด ใบหน้าหล่อเหลานั้นหม่นลงไป

ยังไงเรื่องแบบนี้พอถูกคนขัดจังหวะ ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนที่มีความสุข

และอีกอย่างก็คือ คืนนี้คนที่ไม่นอน ก็เยอะมากไปแล้ว

ดื่มน้ำเสร็จ วารุณีก็วางแก้วน้ำลง“จะกลับไปยัง?”

นัทธีพยักหน้า

ทั้งสองกลับไปที่ห้องขั้นบน

พอเข้าไป นัทธีก็กดวารุณีไปตรงแผ่นประตู

วารุณีตกใจ“คุณจะทำอะไร?”

หน้าผากของชายหนุ่มแตะไปที่หน้าผากของเธอ พูดเสียงแหบ:“ตอนนี้ไม่มีใครมาขัดจังหวะพวกเราแล้วนะ”

พูดจบ เขาก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง จูบเธอ

วารุณีร้องเสียงอื้อ ในใจกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เธอคิดซะอีกว่าเมื่อกี๊หลังจากถูกขัดจังหวะที่ชั้นล่างแล้ว เขาก็จะไม่จูบเธออีก

คิดไม่ถึงว่าจะอดกลั้นอย่างมากจนถึงตรงนี้

คิดไป วารุณีจึงโอบคอของชายหนุ่ม แล้วเงยคางขึ้นไป จูบตอบเขา

จูบกันจนทั้งสองคนหายใจเหนื่อยหอบ นัทธีจึงผละออกจากริมฝีปากของวารุณี จากนั้นอุ้มเธอขึ้นมา เดินไปที่เตียง

วันถัดมา ช่วงอาหารเช้า นวิยาเหลือบมองเสื้อคอสูงของวารุณีที่เผยให้เห็นรอยแดง รูม่านตาก็สั่นคลอนทันที กำตะเกียบในมือแน่น ความริษยาในดวงตาแทบจะกลายเป็นใบมีด

วารุณียังไม่เห็น แต่ไอริณกลับเห็น ชี้ไปที่นวิยาแล้วพูด“หม่ามี๊ คุณน้านวิยากำลังอาฆาตหม่ามี๊”

คำนี้พูดออกไป ทุกคนต่างหยุดกินข้าว มองไปที่นวิยา

ส่วนนวิยาคิดไม่ถึงว่าความริษยาที่ตัวเองซ่อนไว้อย่างดี จู่ๆดันถูกยัยเด็กนี่เห็น และยังพูดออกมาอีก เลยเก็บสีหน้าไม่ทัน และก็เป็นเช่นนี้ โดนทุกคนมองมา

หน้าของนัทธีหม่นลงไป“นวิยา อธิบายให้ผมที”

วารุณีไม่พูด ในเมื่อเขาพูดแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูด รอให้นวิยาอธิบายก็พอ

เบ้าตาของนวิยาแดงก่ำ กัดริมฝีปาก“ฉัน……ฉันแค่แค่กแค่ก……”

จู่ๆเธอก็ไอออกมาอย่างรุนแรง ไอจนหน้าแดง น้ำตาคลอไปมาที่เบ้าตา น่าสงสารมาก

พอเห็นแบบนี้ นัทธีก็โกรธเธอไม่ลง ใจอ่อน วางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นไปด้านหลังเธอ ตบหลังเธอเบาๆ“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

นวิยาไม่ตอบ แต่ยังไอ

ไอไปได้สักพัก จู่ๆเธอก็กลอกตา ล้มลงไปที่โต๊ะ หมดสติไป ทำเอาวารุณีกับนัทธีต่างตกใจ

สีหน้านัทธีดูเคร่งเครียด อุ้มนวิยาขึ้นมาทันที เดินไปที่ชั้นบน เดินไปกำชับป้าส้มไปให้เอายามา

แป๊บเดียว ในห้องอาหารเหลือแค่วารุณีกับลูกทั้งสองคน

อารัณทำท่าเหมือนเรื่องราวไม่เกี่ยวกับตัวเอง กินข้าวเช้าของตัวเองนิ่งๆ

มีแต่ไอริณที่เบะปากอย่างไม่พอใจนัก ใช้ตะเกียบเคาะจานแล้วทำเสียงไม่พอใจ:“จู่ๆพ่อก็อุ้มคุณน้านวิยาคนนั้น มากเกินไปแล้ว หนูไม่ชอบพ่อแล้ว”

วารุณีขมวดคิ้ว ดุเด็กสาวเสียงคมกริบไปว่า“พอแล้วไอริณ คุณน้านวิยาป่วย อย่าพูดเหลวไหล”

“หม่ามี๊ หม่ามี๊คิดว่าเธอป่วยจริงเหรอ?”อารัณเงยมองเธอ“ผมกลับคิดว่า เธอเสแสร้ง เพราะคุณน้านวิยานั่งตรงข้ามผม ตอนที่เธอล้มลงไป ผมเห็นขนตาเธอสั่น เธอทำแบบนี้ หมายความว่าหลีกเลี่ยงคำถามของพ่อ”

วารุณีเม้มริมฝีปาก ไม่พูดจา

เธอจะไม่รู้ได้ไงว่านวิยาเสแสร้งอยู่

อยู่ดีๆ ไม่ไอตอนไหน ดันมาไอเอาตอนสำคัญ ไม่ได้เสแสร้งหรือไงกัน?

“โอเค กินข้าวเถอะ”วารุณีจับหน้าผาก สื่อว่าเด็กทั้งสองคนไม่ต้องพูดแล้ว กินข้าวดีๆ

เด็กทั้งสองคนเชื่อฟังเธอมาก เงียบลง

วารุณีก็นั่งกลับไปใหม่ หยิบตะเกียบขึ้นมา แต่กลับไม่รู้สึกอยาก แล้ววางตะเกียบลงอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ออกมา กดเข้าไปในที่แอปหนึ่ง

พอกดเข้าไป คลิปวิดีโอยาวหนึ่งชั่วโมงแต่ละอันก็เด้งออกมา ด้านล่างคลิปพวกนี้ต่างมีระบุวันเวลา

ชัดเจนว่า คลิปวิดีโอพวกนี้ เป็นกล้องวงจรปิด

วารุณีเลื่อนลง สุดท้ายกดเข้าไปในคลิปกล้องวงจรปิดเมื่อคืนประมาณห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน

ภาพที่คลิปเปิดมา ก็คือบันไดชั้นสาม

วารุณีมองเห็นฉากที่ตัวเองลงไปข้างล่างก่อน นวิยายืนอยู่ตรงทางเดินชั้นสาม ก้มหน้าลงมาจ้องเธอ

ดูอยู่สักพัก นวิยาก็ขยับตัว ลงไปชั้นล่างอย่างเบามือเบาเท้า ตามอยู่หลังเธอ

จนกระทั่งตอนที่อยู่ห่างจากเธอสองขั้นบันได จู่ๆวารุณีก็เห็นนวิยายื่นมือออกมาอย่างร้ายกาจ ทำท่าจะผลักคน

ดวงตาวารุณีเบิกโต แล้วหยุดภาพช่วงนี้ทันที ท่าทางที่นวิยาผลักคนกับท่าทีที่ดูโหดร้ายนั้นหยุดอยู่ที่หน้าจอ

พอเห็นฉากนี้ วารุณีก็ยืนพรวดขึ้นมาทันที

อารัณกับไอริณมองไปที่เธออย่างประหลาดใจ“หม่ามี๊หม่ามี๊เป็นอะไร?”

วารุณีไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา ใจเต้นตึกตักแรงมาก จนแทบจะทะลักออกมา แม้แต่ตัวก็สั่นเล็กน้อย

ไม่น่าล่ะเมื่อคืนที่เธอรู้สึกว่านวิยากำลังร้อนตัวนั้น เหมือนทำเรื่องไม่ดี ที่แท้ก็เป็นจริง นวิยาอยากฆ่าเธอ!

ชั้นสามไปชั้นหนึ่ง สูงกว่าสิบห้าเมตร ถ้านวิยาทำสำเร็จ ผลักเธอลงมาจากชั้นสาม เธอตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ ดีที่เมื่อคืนนัทธีปรากฏตัวทันเวลา ทำให้นวิยาทำไม่สำเร็จ ไม่งั้นตอนนี้เธอได้นอนอยู่ในห้องดับจิตไปแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ วารุณีก็กำโทรศัพท์แน่น ในใจนั้นหวาดกลัว กลัวจนสายตานั้นปกปิดไม่อยู่ยิ่งขึ้น

อารัณปีนลงจากเก้าอี้ เดินไปข้างๆเธอ จับมือของเธอ“หม่ามี๊ เป็นอะไรกันแน่?หม่ามี๊เห็นอะไร?”

ไอริณก็กะพริบตามองวารุณี

วารุณีไม่คิดจะบอกเรื่องนี้แก่เด็กๆ กลัวเด็กๆตกใจ จึงสูดหายใจอดกลั้นความหวาดกลัวไว้ในใจ ลูบหัวของอารัณด้วยรอยยิ้ม“หม่ามี๊ไม่เป็นไร คุณกินข้าวดีๆเถอะ กินเสร็จก็ไปเรียนนะ”

เห็นเธอไม่อยากพูด อารัณเบะปาก“เข้าใจแล้วครับ”

เขากลับไปที่นั่งของตัวเอง

วารุณีนั่งไปใหม่ ละสายตาลงมองโทรศัพท์ในมือ สายตานั้นดูสับสน

ว่าตามเหตุผลแล้ว เธอควรเอาคลิปนี้ให้นัทธีดู และเลือกแจ้งความ แจ้งความในข้อหาเจตนาฆ่าคน

แต่พอคิดถึงนายท่านบุญชัย วารุณีก็ลังเล

ครั้งที่แล้วนายท่านบุญชัยช่วยเธอไว้ ถึงแม้จะเป็นนัทธีที่โทรหานายท่านบุญชัย แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่า นายท่านบุญชัยช่วยเธอจริงๆ เพราะเธอจะตรวจดูแฟ้มคดี

และนวิยาก็เป็นเหลนของนายท่านบุญชัย ไม่ว่าจะเป็นทางอารมณ์หรือเหตุผล เธอก็ต้องไว้หน้านายท่านบุญชัยหน่อย คืนบุญคุณนายท่านบุญชัยนั้น ดังนั้นคลิปนี้ เธอก็ถือว่าเป็นการคืนบุญคุณ ไม่เอาออกมา

คิดไป วารุณีก็ถอนหายใจ เก็บโทรศัพท์

หวังว่าเมื่อคืนนวิยาจะแค่สับสนไปชั่วขณะ ต่อไปจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก ไม่งั้น เธอจะต้องแจ้งความ ส่งคลิปนี้ออกไปแน่

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

วารุณีจัดอารมณ์ภายในใจให้เรียบร้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งเก็บออกมาอีกครั้ง

สายนันเป็นปาจรีย์โทรมา คิดแล้วน่าจะเป็นเรื่องเมื่อวาน จึงรีบกดรับ“ฮัลโหล ปาจรีย์”

“วารุณี บอกข่าวดีกับเธอเรื่องหนึ่ง ผู้จัดการโกดังกับหัวหน้าทีมคนนั้นถูกจับแล้ว!”ที่ปลายสายมีเสียงดีใจของปาจรีย์เข้ามา