บทที่ 350 นอนราบ…

บทที่ 350 นอนราบ…

“เมา?”

ไป๋ชิวหรานกะพริบตาก่อนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“หากข้าต้องการเมา แน่นอนว่าทำได้ …เพียงแค่หยุดการต่อต้านพวกมันเท่านั้น”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หลีจิ่นเหยาพยักหน้า นางยกขึ้นดื่มอีกจอกแล้วกล่าวถามไป๋ชิวหรานว่า

“ข้าเคยได้ยินพี่หญิงหลานกล่าวว่า ท่านเคยดื่มพิษร้ายแรงของอาวุโสหลินรุ่ยที่นางเตรียมไว้ในยุคของทวยเทพ แต่สุดท้ายเพียงแค่จัดการบางสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ดีขึ้น เช่นนี้ข้าจึงเกิดคำถาม”

“เพราะมันเป็นพิษและเป็นอันตรายต่อร่างกายข้า ระบบคุ้มกันของร่างกายจึงขับมันออกไปโดยไม่ต้องสั่งการ”

ไป๋ชิวหรานยิ้มและกล่าว

“วิชาหลอมร่างกายที่ฝึกฝน หลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าสิบได้ มันจะควบคุมร่างกายของข้าโดยสมบูรณ์ หากอยากจะดื่มโอสถชูกำลัง หรืออยากจะเมาสักหน่อย ข้าก็เพียงปล่อยให้ร่างกายปฏิเสธที่จะขับโอสถหรือสุราออกจากร่างกายเท่านั้น”

“เป็นเช่นนั้น”

หลีจิ่นเหยารินสุราอีกจอกให้กับไป๋ชิวหราน และมองดูเขาดื่มมันจนหมด ใบหน้าของนางแดงเรื่อก่อนจะกล่าวถามเสียงต่ำ

“แล้ว… หากเป็นเรื่องที่สนุกสนานล่ะ?”

หลีจิ่นเหยากล่าวถามอย่างระมัดระวัง เพราะเกรงว่าไป๋ชิวหรานจะจับผิดได้ เดิมทีนางเป็นสตรีและไม่อาจกล้าแกร่งถึงขั้นกล่าวเรื่องนั้นกับไป๋ชิวหรานโดยตรง

แต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย หลังจากที่ได้ยินคำถามของหลีจิ่นเหยาแล้ว เขาไตร่ตรองเพียงชั่วครู่ก่อนจะกล่าวตอบ

“สนุกสนาน? ไม่รู้สิ เพราะเขาไม่เคยใช้สิ่งนั้น และมันไม่จำเป็น… แต่คิดว่าหากสรรพคุณทางโอสถอ่อนลง มันไม่มีทางกระตุ้นร่างกายของข้าที่ต่อต้านอย่างรุนแรงได้แน่”

“งั้นหรือ?”

หลีจิ่นเหยาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเผยสีหน้าแห่งความสุข

“เอาล่ะ ท่านบรรพชนกระบี่ โอกาสเช่นนี้หาได้ยากยิ่งที่ท่านและข้าจะได้อยู่ร่วมกันสองต่อสอง วันนี้เราจึงต้องกินดื่มให้เต็มที่ ดื่มจนกว่าจะมีความสุข”

นางถือจอกสุราในมือข้างหนึ่ง ไหสุราอีกข้างหนึ่ง และเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์บนใบหน้า ซึ่งใบหน้านี้คล้ายกับตอนที่ปู่ของนางกำลังเมามาย

เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลีจิ่นเหยา ไป๋ชิวหรานก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้แต่กล้ามเนื้อหูรูดยังเกร็งตามไปโดยไม่รู้ตัว!

“อย่าได้รีบร้อนนัก”

เขาโบกมือพร้อมกล่าวต่อ

“ใจเย็น ๆ ก็ได้ อย่างไรแล้วสุราที่เจ้าหมักมาย่อมไม่ถูกทิ้งอย่างไร้ประโยชน์แน่นอน”

“อื้อ”

หลีจิ่นเหยานั่งลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบสุราชั้นเลิศหลายไหออกจากถุงเก็บของ จากนั้นจึงมองไป๋ชิวหรานและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อย่างไร เราตกลงกันแล้วว่าท่านจะไม่ใช้พลังปราณแก่นแท้เพื่อต่อต้านมัน วันนี้เราจะไม่กลับหากไม่เมา”

ไป๋ชิวหรานมองสุราในมือของหลีจิ่นเหยาพร้อมกล่าวอย่างสงสัย

“สาวน้อย เจ้าคิดทำร้ายข้าหรือไร?”

“ท่านบรรพชนกระบี่ดุด่าจิ่นเหยาเช่นนี้ได้อย่างไร?”

นางกล่าวคล้ายกับเสียใจ

“จิ่นเหยาเพียงแค่อยากดื่มกับท่านเท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จิ่นเหยาจะทำร้าย? หรือว่า… ท่านบรรพชนกระบี่กลัวที่จะดื่มกับข้า?”

ไป๋ชิวหรานนิ่งเงียบไตร่ตรอง รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเห็นท่าทีโศกเศร้าของหลีจิ่นเหยา อีกทั้งได้ยินครึ่งประโยคแรกของนาง เขาก็นึกถึงแม่นางตัวน้อยที่คอยจัดการงานบ้านให้ และทำงานหนักเพื่อเขามาหลายปีโดยไม่สนใจชื่อเสียงของตนเอง สิ่งนี้ทำให้อดไม่ได้ที่จะหดหู่เล็กน้อย

หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินประโยคยั่วยุของหลีจิ่นเหยา…

บุรุษเป็นสิ่งมีชีวิตที่อดทนต่อการยั่วยุได้น้อยนิด โดยเฉพาะในเรื่องของสุรา

“ฮึ่ม”

ไป๋ชิวหรานเผยรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนจะตบโต๊ะแล้วกล่าวขึ้น

“เอาตามที่เจ้าว่า ดื่มก็ดื่ม แล้วมาดูกันเถิดว่าผู้ใดจะล้มลงก่อน”

หลีจิ่นเหยานำสุราชั้นดีมาด้วยหลายไห ไป๋ชิวหรานรู้สึกเมาเล็กน้อย เพราะวันนี้ไม่ได้ใช้พลังปราณแก่นแท้เพื่อจัดการฤทธิ์สุราในร่างกาย

ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว ใบหน้าเห่อร้อนและรู้สึกว่าร่างกายไม่อาจยืนตรงได้!

ขณะมองหลีจิ่นเหยาที่นั่งอยู่ตรงข้าม ใบหน้าของนางแดงก่ำจากการดื่มเช่นกัน ดูเหมือนนางจะเมาไม่แพ้เขา

ทุกอย่างบนโต๊ะถูกดื่มกินหมดสิ้น สุราในไหก็หมดแล้ว หลีจิ่นเหยาสะอึกในลำคอก่อนจะกล่าวอย่างคลุมเครือ

“ท่านบรรพชนกระบี่ เรากลับไปพักผ่อนกันเถิด… ข้าเกียจคร้านเกินกว่าจะทำสิ่งใดแล้ว”

ปกติแล้วสตรีผู้นี้จะกล่าวอย่างรวดเร็วและดูห้วนไปในบางคราว แต่ไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าเมื่อนางเริ่มเมา น้ำเสียงที่คลุมเครือกลับฟังดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น…

“ยกไม่ขึ้นแล้ว”

ชายหนุ่มยกมือแตะหน้าผากของตนเองขณะผุดกายลุกยืนขึ้นพร้อมส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะมองโต๊ะตรงหน้าและพยักหน้ารับ

“เช่นนั้นก็ได้”

เขาตบมันด้วยฝ่ามือก่อนจะกวาดขยะหลังอาหารค่ำบนโต๊ะออก จากนั้นกล่าวกับหลีจิ่นเหยาว่า

“เอาล่ะ แม่นางจิ่นเหยา กลับไปพักผ่อนเสีย”

ทั้งสองช่วยกันพยุงซึ่งกันและกัน ก่อนจะขึ้นกระบี่บินกลับสู่สำนักเหอฮวน ซึ่งในระหว่างการเหาะเหิน กระบี่ได้กวัดแกว่งไปมาจนเกือบจะล้มคว่ำกันทั้งคู่ แต่ในท้ายที่สุดขี้เมาทั้งสองก็กลับสู่สำนักเหอฮวนอย่างปลอดภัย

หลีจิ่นเหยาส่งไป๋ชิวหรานกลับห้องของเขา อีกทั้งยังช่วยพยุงนอนลงบนเตียง ก่อนจะช่วยถอดรองเท้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“แม่นางจิ่นเหยา ไม่เป็นไร”

ไป๋ชิวหรานนอนราบอยู่บนเตียง เขารู้สึกง่วงสะลึมสะลือและไม่ต้องการลุกขึ้นอีก ตอนนี้ไม่อาจควบคุมพลังปราณแก่นแท้ในร่างกายของตนเองได้แล้ว

“เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”

“พักผ่อน? ใช่ พักผ่อน”

หลีจิ่นเหยาส่ายศีรษะก่อนจะเดินไปที่ประตู

จากนั้นก็มีเสียงดังเอี๊ยด… ซึ่งมันควรเป็นเสียงหลีจิ่นเหยาปิดประตู

ไป๋ชิวหรานหลับตาลงและได้ยินเพียงเสียงปิดประตูเท่านั้น เขาคิดว่าหลีจิ่นเหยาคงจะออกไปแล้ว ทว่าขณะที่กำลังจะหลับ ก็ได้ยินเสียงถอดรองเท้า จากนั้นก็มีเนื้อหนังอบอุ่นปีนขึ้นมาบนเตียง… ร่างอ่อนนุ่มนั้นปีนขึ้นมาบนร่างกายของเขา นั่งลงที่เอว และทันใดนั้นกลิ่นหอมอบอุ่นก็โชยไปทั่วเตียง

ไป๋ชิวหรานลืมตาขึ้นอย่างสงสัย และสิ่งที่เห็นคือหลีจิ่นเหยานั่งอยู่บนร่างกายเขา หญิงสาวไม่ได้ถอดถุงน่องสีขาวออกด้วยซ้ำ นางเพียงนั่งทับเขาราวกับเป็ดตัวน้อยแล้วส่งยิ้มหวานหยดมาให้

“เจ้าเมาแล้ว”

จิตใจของไป๋ชิวหรานสับสนขณะมองหลีจิ่นเหยาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แม่นางจิ่นเหยา นี่ไม่ใช่เตียงของเจ้า เจ้ากำลังเมาและเจ้ากับข้าไม่เคยร่วมเตียงกัน”

หลีจิ่นเหยาสะอึกอีกครั้งก่อนจะก้มตัวลงด้วยรอยยิ้มโง่เขลา นางนอนลงบนแผ่นอกของไป๋ชิวหรานอย่างเหมาะเจาะ

“ไม่ ท่านบรรพชนกระบี่”

ใบหน้าของนางเมามายแต่รอยยิ้มยังคงงดงาม ราวกับว่าในที่สุดจิ้งจอกน้อยตัวนี้ก็สามารถขโมยไก่ได้สำเร็จ

“ทั้งหมดนี้คือแผนของข้า”

จู่ ๆ ไป๋ชิวหรานก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ และเขาดูเหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แต่ในเวลานี้ภายใต้การกระตุ้นของหลีจิ่นเหยา เขารับรู้ได้ว่าหน้าท้องส่วนล่างกำลังมีเปลวไฟลุกท่วมอย่างเร่าร้อน!

“แม่นางจิ่นเหยา”

เขากล่าวถาม

“เจ้าผสมสิ่งใดให้ข้าดื่ม?”

“มันคือเครื่องดื่มชูกำลัง”

หลีจิ่นเหยาเหยียดมือออกไปโอบลำคอของเขาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ทั้งหมดเป็นสิ่งที่น้องสาวเหมยเฉียวแนะนำข้า อีกทั้งข้าเพิ่มเติมอู่ซาน และจู้เหมียนลงไปด้วย”

ทั้งสองนี้เป็นโอสถสูตรลับของสำนักเหอฮวน โดยทั่วไปแล้วจะถูกขายเพียงในสำนักแห่งนี้และในแดนเริงรมย์เท่านั้น พวกเขาขายมันเป็นบริการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นความสุขทางเพศเล็กน้อย อีกทั้งยังทำให้หลับสบายด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นสินค้าที่นิยมของสำนักเหอฮวน และมักถูกนำไปปรุงเครื่องหอม

แน่นอนว่าสำหรับไป๋ชิวหรานนี้ไม่ใช่ประเด็นอะไรนัก ประเด็นคือฤทธิ์ของโอสถทั้งสองไม่รุนแรงมาก และไม่มีทางกระตุ้นให้ร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้ได้ ทว่าก่อนหน้านี้เขากลับไม่ได้ให้ร่างกายขับไล่มันออก ผลลัพธ์จึงเป็นเช่นนี้…

“เจ้ากำลังทำสิ่งใด…”

ไป๋ชิวหรานคิดลุกขึ้นเพื่อต่อต้าน ทว่าหลีจิ่นเหยายื่นนิ้วชี้ออกมาแตะริมฝีปากของเขาแผ่วเบา

“เพราะข้ามีสิ่งที่จะกล่าว แต่ท่านก็ยุ่งอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลย เช่นนี้ผู้ที่เขินอายเกินกว่าจะกล่าวจึงต้องพยายามสร้างโอกาสให้กับตนเอง”

นางสูดลมหายใจลึก ใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะหลับตาลงแล้วตะโกนใส่ไป๋ชิวหราน

“อาวุโส ข้าชอบท่าน ชอบท่าน… ไม่ ข้ารักท่าน และอยากมีบุตรให้ท่านด้วย ข้าต้องการเป็นภรรยาของท่านเช่นเดียวกับศิษย์พี่หญิงหลานและศิษย์พี่หญิงเซียงเสวี่ย!”

“แม่นางจิ่นเหยา ใจเย็นลงก่อน”

เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานดิ้นรน หลีจิ่นเหยารีบกล่าวเสริมทันที

“ข้าใจเย็นมากแล้ว สิ่งที่ข้าใส่เพิ่มลงไปไม่รุนแรง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นท่าน แม้แต่ผู้ฝึกตนธรรมดายังสามารถต้านทานได้ หากไม่ต้องการ ท่านก็เพียงปลดปล่อยมันเพื่อต่อต้าน แล้วจิ่นเหยาจะไม่ยุ่งกับท่านอีกต่อไป…”

ครั้นกล่าวจบ นางก็เอนตัวลงประทับริมฝีปากของไป๋ชิวหรานอย่างแผ่วเบา

ไป๋ชิวหรานเห็นชัดเจนว่าแววตาของหญิงสาวเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา อีกทั้งแพขนตาก็กำลังสั่นไหว… นางกำลังกลัว

แล้วเช่นนี้จะผลักนางออกได้?

ไป๋ชิวหรานลังเลเล็กน้อย เขามีภรรยาแล้วสองคน หากยอมรับหลีจิ่นเหยาอีกคน เขาลอบคิดถึงความรู้สึกของเจียงหลานและซูเซียงเสวี่ย…

ขณะนี้ไป๋ชิวหรานกังวลเล็กน้อย หลีจิ่นเหยาไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้อื่นนัก แต่เขายังกังวลว่านางจะอดทนไหวหรือไม่

เมื่อเห็นถึงการแสดงออกที่หวาดกลัวและความคาดหวังในแววตาของหลีจิ่นเหยา ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกลังเล ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าสถานที่แห่งนั้นจะอันตรายเพียงใด หลีจิ่นเหยาจะติดตามเขาไปทุกหนแห่งโดยไม่เกรงกลัวว่าเขาจะปกป้องนางได้หรือไม่ นางพยายามช่วยเหลืออย่างแข็งขันมาโดยตลอด และยังช่วยจัดการงานบ้านทั้งหมดด้วย เช่นนี้นางจึงเป็นที่ชื่นชอบสำหรับเขามาก

ชายหนุ่มรู้ดีว่าหากปฏิเสธนาง มันจะกลายเป็นเงาร้ายตกผลึกในใจของเขาไปชั่วชีวิต

เขาไม่นึกเลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่จะได้ตอบแทนนางด้วยสิ่งนั้น…

ไป๋ชิวหรานผ่อนคลายร่างกายก่อนจะนอนราบลงบนเตียง

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เมื่อเห็นไป๋ชิวหรานไม่ขัดขืน แม่นางตัวน้อยจึงลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“เอาล่ะ”

ไป๋ชิวหรานมองใบหน้าของนาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า

“ข้าทนไม่ไหวแล้ว …จะทำสิ่งใดก็ทำ”