ตอนที่ 423 ปล่อยทรัพย์สร้างบุญ
ทางด้านครอบครัวจั่วสามคนกลับถึงบ้านตัวเอง จั่วฮั่วยังคงนึกถึงเรื่องที่เขาคุ้นหน้าเย่ว์หลั่ง
จั่วอีเหิงเรียกพ่อสองครั้งไม่มีเสียงตอบจึงดันตัวเขา
“หืม? ทำไมเหรออีเหิง”
“หนูถามพ่อว่าอยากกินอะไร เอาไก่หรือเป็ดคะ”
“ได้หมด พ่อทำให้ ลูกกับแม่ไปกินผลไม้ในห้องรับแขกเถอะ” จั่วฮั่วพับแขนเสื้อเดินเข้าห้องครัว
“หนูช่วยค่ะ” จั่วอีเหิงเดินตามหลัง
ไป่เหยียนแม่ของจั่วอีเหิงก็เข้าครัวไปด้วย
ทั้งสามคนทำกับข้าวไปคุยไป บรรยากาศอบอุ่น
กับข้าวสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างไม่นานก็ทำเสร็จ
จั่วฮั่วถามลูกสาวระหว่างกินข้าว “อีเหิง ไม่ต้องหาแม่บ้านพาร์ทไทม์มาทำกับข้าวทำความสะอาดบ้านให้ลูกจริงเหรอ”
“ไม่ต้องค่ะพ่อ หนูทำเองได้ กับข้าวกินคนเดียวทำง่าย อีกอย่างเรียนก็ไม่ได้ยุ่ง มีเวลาเยอะแยะค่ะ”
“ก็ได้ ถ้าลูกไม่อยากทำกับข้าวก็ไปติดต่อหาแม่บ้านพาร์ทไทม์เอานะ หรือไม่ก็ให้คนที่บ้านมา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทำกับข้าวไม่เหนื่อย พักคนเดียวดีหน่อย ถ้ามีเพื่อนๆ มาจะได้ไม่เกร็งด้วย”
“ก็จริง” จั่วฮั่ววางใจลูกสาวเรื่องคบเพื่อน
ดูจากโหงวเฮ้งก็รู้ว่าใครน่าคบ ใครควรออกห่าง
“พ่อคะ ทำไมเมื่อกี้พ่อเหม่อมองพ่อของเสี่ยวเยาเยาล่ะคะ”
พูดถึงเรื่องนี้จั่วฮั่วก็วางตะเกียบ “อีเหิง ลูกรู้จักลูกศิษย์คนเล็กของสำนักซย่าโหวคนนี้มากน้อยแค่ไหนเหรอ พ่อรู้สึกคุ้นหน้าพ่อของเธอมาก พลังจื่อรุนแรงแบบที่พ่อแทบจะไม่เคยพบเห็นบนตัวใครมาก่อนนอกจากคนตระกูลตี้”
“หนูสนิทกับกู้หานค่ะ กู้หานเคยพาหนูไปวังตระกูลตี้ และก็ได้พบกับมู่เถาเยากับเจ้าสำนักซย่าโหวเป็นครั้งแรก เจอหมอเทวดาหยวนด้วยค่ะ และก็เป็นตอนนั้นที่ได้รู้ว่ามู่เถาเยายังเป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวนด้วย ได้รู้ว่าตี้อู่หลันฉือเคยนั่งเรียนข้างเธอ…
ต่อมากู้หานก็มีพาหนูไปเจออวิ๋นสุ่ยเหยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน พวกเรากินข้าวเที่ยวเล่นด้วยกัน หนูเลยได้รู้จากที่พวกเธอคุยกันว่ามู่เถาเยากับมู่หว่านมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่นอกป่าเซียนโหยวทางใต้ ส่วนเจียงเฟิงเหมียนเป็นลูกสาวของอธิการบดีเจียงแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู…
เวลาพวกเธอคุยกันไม่เคยพูดถึงคนในครอบครัวมู่เถาเยา ส่วนใหญ่จะพูดถึงเจ้าสำนักซย่าโหวกับหมอเทวดาหยวน…อันที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่เคยพูดถึงชื่อแปลก ก็แค่หนูไม่คุ้น…
สรุปว่าตอนนี้ข้อมูลที่จริงแท้แน่นอนก็คือสำนักซย่าโหวกับสำนักแพทย์โบราณสนิทกับตระกูลตี้มากค่ะ…”
จั่วฮั่วถามด้วยความไม่เข้าใจ “ตระกูลตี้กับสำนักแพทย์โบราณสนิทกันอันนี้พอเข้าใจ ยังไงหมอเทวดาหยวนคนนั้นก็ชื่อเสียงโด่งดัง ราชาตี้ก็คน ยังไงก็ต้องมีเจ็บป่วย แต่สำนักซย่าโหว…ไม่น่าสิ! พวกเขามุ่งมั่นฝึกแต่วิทยายุทธ์ จะออกมายุ่งเกี่ยวกับคนภายนอกได้ยังไง”
แม่จั่วก็ช่วยวิเคราะห์ “มู่หว่านมาจากหมู่บ้านเดียวกับมู่เถาเยา ย่อมรู้จักหมอเทวดาหยวน ส่วนเจียงเฟิงเหมียนเป็นลูกสาวอธิการบดีเจียงแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู อธิการบดีเจียงเป็นศิษย์น้องเล็กของหมอเทวดาหยวน เด็กสาวสองคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับหมอเทวดาหยวนจริง…
ส่วนเจ้าสำนักซย่าโหว…เป็นอาจารย์ของมู่เถาเยา มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนรู้จักเจ้าสำนักซย่าโหวก็เป็นเรื่องปกติ แถมมู่เถาเยายังสนิทกับตระกูลตี้เพราะหมอเทวดาหยวน ถ้าอย่างนั้นเจ้าสำนักซย่าโหวที่เป็นอาจารย์ของเธอจะสนิทกับสำนักแพทย์โบราณและตระกูลตี้มันก็พอเข้าใจได้…”
จั่วฮั่วพยักหน้า “ก็จริง แต่ผมนึกไม่ถึงว่าแม้แต่ตระกูลซย่าโหวก็เปลี่ยนไปด้วย พวกเขา…หัวโบราณซะขนาดนั้น…”
จั่วอีเหิง “สามสาวนั่นเรียกปู่หยวนปู่ซย่าโหว น้ำเสียงสนิทสนมมาก แต่หนูไม่ค่อยกล้าถามมาก เพราะแต่ละคนสถานะมีความพิเศษ ถามมากไปเดี๋ยวจะถูกเข้าใจผิดได้”
สองสามีภรรยาพยักหน้าพร้อมกัน
จั่วฮั่วยิ้มพูด “เมื่อไรที่เราสมควรได้รู้ก็จะรู้เอง อีเหิง ขอแค่ลูกจริงใจคบกับพวกเขา เรื่องอื่นปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ”
“ค่ะพ่อ พ่อดูดวงชะตาของมู่เถาเยาได้ไหมคะ หนูดูแล้วมันเลือนราง”
“พ่อก็ดูไม่ได้ แต่พ่อแม่ของเธอป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ทั้งคู่”
ไม่กี่วินาทีต่อมาจั่วฮั่วก็ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “อีเหิง คนตระกูลจั่วของเราอายุสั้น หวังว่าลูกจะเปลี่ยนชะตาของตัวเองได้นะ”
แม่จั่วพูด “ถึงพวกเราจะไปคบหาเพราะมีจุดประสงค์ แต่ก็ให้ความจริงใจเต็มร้อย ไม่ได้มีเจตนาร้าย อีเหิงของเราต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่”
จั่วอีเหิงพยักหน้า “พ่อคะ แม่พูดถูกค่ะ พ่ออย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ หนูจะทำตัวดีๆ กับพวกเขาค่ะ พวกเราก็ไม่ได้หวังอะไรจากพวกเขาเสียหน่อย แค่อยากได้พลังชะตาบ้าง ซึ่งไม่ได้เป็นภัยต่อพวกเขาเลย ตัวเราได้ประโยชน์แถมไม่ได้ทำใครเสียประโยชน์”
“อืม อีเหิง ถ้าพวกเขาจะเกิดเรื่อง…ลูกห้ามพูดเตือนนะ แต่หาวิธีอื่นช่วยให้พวกเขาเลี่ยงได้”
ตระกูลจั่วของพวกเขามีผลลัพธ์แบบนี้เพราะเปิดเผยความลับสวรรค์มากเกินไป
ตอนนี้ปล่อยเป็นแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นแต่ละรุ่นจะอายุสั้นลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้สิ้นตระกูล
จั่วอีเหิงคีบกับข้าวให้พ่อแม่ “พ่อคะแม่คะ หนูรู้ว่าต้องทำไงค่ะ วางใจเถอะค่ะ กินข้าวก่อน กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
“จ้ะ”
ทั้งสามคนลงมือกินข้าว
กินเสร็จก็ช่วยกันทำความสะอาดโต๊ะกินข้าวและห้องครัว
อยู่ๆ จั่วฮั่วก็เรียกขึ้น “อีเหิง พ่อของมู่เถาเยาแซ่เย่ว์เหรอ พ่อได้ยินไม่ผิดใช่ไหม”
“พ่อได้ยินถูกแล้วค่ะ เขาแซ่เย่ว์ ได้ยินว่ามู่เถาเยาถูกหมอเทวดาหยวนเก็บมาเลี้ยงจนโต…มีอะไรเหรอคะ แซ่เย่ว์ทำไมเหรอ ถึงแซ่นี้จะเจอไม่บ่อย แต่ก็น่าจะมีหรือเปล่า”
“เย่ว์…เย่ว์หลั่ง…” จั่วฮั่วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาข่าว
สองแม่ลูกไม่เข้าใจ
หลังจากมีท่าทีตื่นตระหนกจั่วฮั่วก็พูดกับสองแม่ลูกด้วยความตื่นเต้น “เจอแล้ว ดูนี่ มิน่าพ่อถึงว่าเขาหน้าคุ้น! ที่แท้ก็คนเผ่าหมาป่าพระจันทร์! แถมยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของหัวหน้าเผ่าด้วย!”
จั่วอีเหิงหยิบโทรศัพท์มือถือของพ่อมาอ่านข่าวกับแม่
“สามีของหัวหน้าเผ่าหมาป่าพระจันทร์…คือคุณอวิ๋นไป๋น้องชายของสตรีหมายเลขหนึ่ง…”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน
หนึ่งนาทีต่อมาจั่วอีเหิงก็พูดขึ้น “ไม่ว่าจะมีสถานะไหนหนูก็จะทำตัวกับพวกเขาเหมือนเดิม”
แม่จั่วยิ้มพูด “ใช่แล้ว พวกเราไม่ประจบ ไม่ทำร้าย ทำตัวเป็นธรรมชาติเถอะ ลูกเองก็เคยเจอคนตระกูลตี้แล้ว อันที่จริงเจอคนตระกูลเย่ว์อีกก็ไม่ได้แปลกอะไร”
จั่วฮั่วก็พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ คนตระกูลเราอายุสั้นก็จริง แต่อย่างน้อยก็เป็นตระกูลที่สืบทอดมานับพันปี มีศักดิ์ศรีในตัวเอง”
รุ่นหลังๆ ของตระกูลพวกเขาไม่ได้ดูดวงช่วยพวกคนเลวเลี่ยงภัยแล้ว น่าจะเปลี่ยนแปลงดวงชะตาได้อยู่
เมื่อก่อนไม่ว่าใครก็ตาม ขอแค่ติดต่อพวกเขาได้ผ่านช่องทางพิเศษ พวกเขาก็จะช่วย ไม่ว่ายากดีมีจน
ช่วยคนเลวเลี่ยงภัยก็มีความเป็นไปได้ที่ทำให้หลายครอบครัวต้องแตกกระสานซ่านเซ็น…
ถึงตัวเองจะไม่ได้ทำร้ายโดยตรง แต่ก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษอยู่ดี
แม่จั่วมองลูกสาวพลางครุ่นคิด
“เป็นอะไรไปคะแม่”
“อีเหิง เรียนจบแล้วลูกอยู่ทำงานที่เมืองหลวงเถอะ”
“ทำไมล่ะคะ พ่อกับแม่มีหนูเป็นลูกสาวคนเดียว หนูทำงานทางนี้แล้วใครจะดูแลพ่อกับแม่ล่ะคะ”
“พ่อกับแม่ยังไม่แก่ ยังไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”
คนตระกูลจั่วอายุสั้นก็จริง แต่ไม่มีโรคภัยรุมเร้า ก็แค่ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไร
จั่วอีเหิงส่ายหน้า “แบบนั้นก็ไม่ได้ค่ะ หนูไม่สบายใจ”
“อีเหิง ฟังแม่นะ ที่แม่ให้ลูกอยู่เมืองหลวงต่อเพราะอยากให้ลูกหาสามีทางนี้ แม่กับพ่อไม่ได้เรียกร้องให้หาคนตระกูลร่ำรวย ขอแค่เป็นคนดีก็พอ จนหน่อยก็ไม่เป็นไร พวกเราไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ต่อไปก็เป็นของลูก…”
จั่วฮั่วคิดๆ ดูก็รู้สึกว่าภรรยาพูดมีเหตุผล
คนที่จิตใจดีย่อมมีสวรรค์คุ้มครอง ส่วนใหญ่จะอายุยืน ถ้าอีกหลายสิบปีข้างหน้าลูกสาวเขาได้คลุกคลีกับคนประเภทนี้ ใช่ว่าจะเสริมบุญบารมีไม่ได้
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ต่อให้ไม่สำเร็จที่ลูกสาวเขา รุ่นหลานก็น่าจะได้รับการคุ้มครอง…
“อีเหิง แม่ของลูกพูดถูก ถ้าไม่สบายใจเรื่องพ่อกับแม่ งั้นรอลูกเรียนจบพ่อกับแม่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วย พ่อกับแม่ไม่มีทางตายจนกว่าลูกจะมีลูกนะ”
ถูกต้อง คนตระกูลจั่วเกือบทุกคนที่ตาย ไม่นานคู่ชีวิตก็ตามไปด้วย
แม่จั่วพยักหน้า “อีเหิง ช่วงสองสามปีนี้แม่กับพ่อจะสร้างสมบัติที่เมืองหลวงเอาไว้ให้ลูกนะ…”
จั่วอีเหิงขัดจังหวะแม่ตัวเอง “แม่คะ หนูไม่ต้องการสมบัติอะไรทั้งนั้น วันหน้าหนูหาเองได้ ที่มีอยู่ตอนนี้เอาไปทำการกุศลเถอะค่ะ”
แม่จั่วตีแขนลูกสาว พูดด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องห่วง แม่กับพ่อคำนวณไว้แล้ว”
ตอนนี้สองสามีภรรยาทุ่มเทให้กับการทำการกุศล และตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งทรัพย์สมบัติสองในสามไปทำบุญเพื่อต่อชีวิตให้ลูกสาว
ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลจั่วสะสมมาไว้ในแต่ละรุ่นใช้คำว่ามหาเศรษฐียังน้อยไป ดังนั้นต่อให้เหลือไว้หนึ่งในสามก็ยังพอให้ลูกสาวกับครอบครัวในอนาคตถลุงใช้ได้หลายสิบปีหรือเป็นร้อยปี
ตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านแคบๆ นี้ไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้อบ้านใหญ่โต แต่เพราะที่นี่เข้ากับบุคลิกของลูกสาวมากที่สุด!
และนี่ไง โชคมาแล้ว!
มู่เถาเยาเจ้าหญิงน้อยของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน ก็มาพักอยู่ข้างกันแล้ว!