บทที่382 คนสำคัญที่สุดในใจ
คนๆนั้นก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจียงเย่เฉิงจะอ่อนแอขนาดนี้ เขาขมวดคิ้วมองเลือดที่ไหลนองบนพื้นด้วยท่าทีขยะแขยง
“พอเถอะ เดี๋ยวจะเดือดร้อนเอา ไปกันพวกเรา ”
ไอ้หัวหน้าของแก๊งอันธพาลพูดขึ้น
แก๊งอันธพาลที่กรูกันเข้ามาขนของได้เผ่นออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงเจียงเย่เฉิงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบคนเดียว
ในขณะเดียวกันลี่จุนถิงก็ทราบข่าวแล้ว เขารู้ว่าฟู้ชูเหม่ยได้หนีไปหลังจากติดหนี้ก้อนโต ดังนั้นหนี้ทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่เจียงเย่เฉิง
เรื่องที่ฟู้ชูเหม่ยทำไว้ก่อนหน้านี้ ลี่จุนถิงไม่ให้อภัยง่ายๆแน่ เขาจึงออกคำสั่งให้ลูกน้องคอยจับตาดูผู้หญิงคนนั้นไว้
“จับตาดูไว้ให้ดี อย่าให้เธอหนีไปได้” ลี่จุนถิงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ครับ” ซู่จี้งยี้พยักหน้ารับ “ออ ใช่แล้ว ได้ยินมมาว่าทางด้านเจียงเย่เฉิงมีคนไปตามทวงหนี้ถึงที่บ้าน และขนเอาของในบ้านไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว”
ลี่จุนถิงไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เหมือนกับว่าเขาเดาออกตั้งแต่แรก
อีกอย่าง ติดหนี้ก้อนโตขนาดนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการได้อยู่แล้ว
อีกทั้งตอนนี้……เจียงเย่เฉิงก็ตกที่นั่งลำบากอยู่ด้วย
หลังจากที่พวกอันธพาลกลับไป เจียงเย่เฉิงก็นอนสลบเหมือด
ต่อมามีเพื่อนบ้านเดินผ่านแล้วเห็นว่าประตูไม่ได้ปิด เขาเลยถือวิสาสะเปิดเข้ามาดูด้วยความแปลกใจ สุดท้ายจึงได้เห็นเจียงเย่เฉิงนอนหมดสติอยู่ เขารีบโทรเรียกรถฉุกเฉินให้มารับไปโรงพยาบาลทันที
ตอนที่เจียงเย่เฉิงฟื้นขึ้นมา เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณหัว ส่วนที่อื่นไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก ทว่าในใจลึกๆเขากลับรู้สึกอ้างว้างเป็นพิเศษ
นี่เขาไปทำอะไรมากันแน่……
บางทีนี่อาจจะเป็นวิธีย่ำยีหัวใจเจียงเย่เฉิงของฟู้ชูเหม่ยก็ได้ จู่ๆในหัวของเขาก็มีภาพใบหน้าของซูม่านลีกับเจียงหยุนเอ๋อปรากฎขึ้น
เขาเห็นมาตลอดว่าซูม่านลีจริงใจและซื่อสัตย์ต่อเขามากเพียงใด แต่น่าเสียดาย……มันกลับถูกเขาเหยียบย่ำไปจนหมดสิ้นแล้ว
ถ้าเกิดว่าซูม่านลีกับเจียงหยุนเอ๋อยังอยู่เคียงข้างเขา ถึงจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแน่นอน
ทันใดนั้นเองเจียงเย่เฉิงก็มีความรู้สึกเสียดายเอ่อล้นขึ้นมาอยู่เต็มอก
ถ้าไม่ถูกมารยาของฟู้ชูเหม่ยตบตา และถ้าไม่ได้แต่งงานกับหล่อน เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้!
แต่อย่างว่ามานึกเสียดายทีหลังตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะครอบครัวมันร้าวฉานจนไม่เหมือนครอบครัวไปแล้ว
แม้เจียงเย่เฉิงจะแบกหน้ากลับไปขอคืนดี เธอก็คงไม่ให้อภัยเขาหรอก
ซูม่านลีกับเจียงหยุนเอ๋อคงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำไปแล้วแน่ๆ
ลี่จุนถิงได้ยินข่าวอันน่าเวทนาของเจียงเย่เฉิงจากปากซู่จี้งยี้มาแล้ว เขาจึงพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมากับเจียงหยุนเอ๋อ “ได้ยินมาว่าช่วงนี้สถานการณ์ของพ่อคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“หืม?” เจียงหยุนเอ๋อน่าจะได้เห็นข่าวพ่อตัวเองผ่านทางทีวีมาแล้วบ้างว่าช่วงนี้ชีวิตเขาไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
“ได้ยินมาว่าแม่เลี้ยงของคุณหนีไปเพราะติดหนี้พนันก้อนโต เขาเลยถูกคนทวงหนี้อัดซะน่วมจนต้องเข้าโรงพยาบาล น่าสงสารจริงๆ” สาเหตุที่ลี่จุนถิงบอกเรื่องนี้กับเจียงหยุนเอ๋อนั่นก็เพราะเขารู้ดีว่าถึงแม้เขาจะคุยเรื่องพวกนี้กับเจียงหยุนเอ๋อไป และแม้พวกเขาทั้งสองจะมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่รู้สึกเสียใจหรอก
“ห้ะ?”เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “จริงหรอ?”
“อื้ม”
พอได้ยินแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อกลับรู้สึกแปลกๆในใจยังไงไม่รู้สิ
ไม่ใช่ว่ารู้สึกเห็นใจเจียงเย่เฉิงหรอกนะ แต่ว่าเธอนึกถึงตอนที่พ่อของตัวเองปฏิบัติต่อแม่และตัวเธอเองต่างหาก นี่คงเป็นบาปกรรมที่เขาทำไว้แหละ
ภรรยาคนใหม่ติดหนี้ก้อนโต ส่วนลูกสาวคนใหม่ก็ติดคุก บริษัทก็ล้มละลาย และตอนนี้ก็มีเรื่องจนต้องเข้าโรงพยาบาลอีก น่าเวทนาจริงๆเลย
“ช่างเถอะ เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน ทั้งหมดนี่เขาเป็นคนเลือกเอง มันคงถูกกำหนดไว้แล้ว” เจียงหยุนเอ๋อถอนหายใจออกมายาวเหยียด ตอนนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
การได้ฟังเรื่องราวอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพ่อแท้ๆของตัวเองมันก็เหมือนกับการได้ฟังชีวิตของคนแปลกหน้า
ลี่จุนถิงคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นๆกับเจียงหยุนเอ๋อต่ออีกซักพัก ทว่าเนื่องจากมีงานด่วนเข้ามาลี่จุนถึงจึงต้องวางสายไปก่อน
ทันใดนั้นเองซูม่านลีก็เดินเข้ามา
“คุยกับลี่จุนถิงอยู่หรอ?” ซูม่านลีเห็นลูกสาวของตัวเองสีหน้าเต็มไปด้วยความสุข
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้ารับ“ค่ะ คุยกันเสร็จแล้ว”
ที่จริงเจียงหยุนเอ๋อลืมเรื่องเจียงเย่เฉิงไปแล้ว แต่พอเห็นหน้าซูม่านลีเธอก็นึกขึ้นมาได้ สีหน้าของเธอจึงแย่ลงทันที
ซูม่านลีสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนไป เธอจึงรู้สึกกังวลขึ้นมา “เป็นอะไรไป?มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”
เจียงหยุนเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เล่าเรื่องของเจียงเย่เฉิงให้ซูม่านลีฟัง
ถึงยังไงพวกเขาก็เคยเป็นสามีภรรยากันตั้งหลายปี มันก็คงมีความรู้สึกหลงเหลือต่อกันบ้างแหละ ไม่แน่ซูม่านลีอาจจะรู้สึกปวดใจกับเรื่องนี้ก็ได้
แต่ใครจะรู้ซูม่านลีแทบจะไม่รู้สึกเห็นใจเลย เธอแค่นเสียงพูดออกมาอย่างเย็นชา “หึ กรรมตามสนองสินะ”
“แม่?” เจียงหยุนเอ๋อมองซูม่านลีด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“ตอนที่แม่กำลังจะตาย เขาเคยมาเยี่ยมแม่ไหม?เขาเคยใส่ใจแม่บ้างไหม?แม่ไม่เคยโทษพวกเขาเลย แต่แม่โทษตัวเองที่มองคนผิด แถมยังโง่ไปแต่งงานกับไอ้ขี้ขลาดนี่ด้วย” ซูม่านลีรู้สึกเสียดายเวลามาก ทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอมองคนผิดเองตั้งแต่แรก มันเลยทำให้ทั้งตัวเองและลูกต้องทุกข์ทรมาน
“แม่คะ แม่ไม่สนใจเขาซักนิดเลยหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อกลัวว่าแม่เธอจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ตั้งแต่วันนั้นที่เขาเหยียบย่ำเรา เขาก็ได้ตายจากหัวใจแม่ไปแล้ว” น้ำเสียงของซูม่านลีฟังดูจริงจังมาก
ตอนนั้นเจียงเย่เฉิงกับนังผู้หญิงไร้ยางอายคนนั้นทำร้ายเธอกับลูกสาวเธอยังไง ซูม่านลียังจำได้อย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินซูม่านลีพูดอย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็สบายใจ
“หยุนเอ๋อ แม่จะบอกให้นะ” ซูม่านลีพูดไปพลางจับมือเจียงหยุนเอ๋อไป จากนั้นก็พูดด้วยท่าทีจริงจัง“ลูกห้ามใจอ่อนเด็ดขาดและห้ามเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าไอ้บ้านั่นมาหา ลูกก็ไม่ต้องไปสนใจนะ?อะไรที่พวกเราติดค้างเขาไว้พวกเราได้คืนให้หมดแล้ว เพราะงั้นตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรค้างคากับเขาอีก”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้ารับ ทว่าในใจก็อดขำไม่ได้กับท่าทีที่ดูจริงจังของซูม่านลีเมื่อกี้นี้
เจียงหยุนเอ๋อไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เธอไม่ยอมให้อภัยคนที่ทำร้ายเธอได้ง่ายๆหรอก
เมื่อซูม่านลีเห็นลูกสาวพยักหน้ารับก็รู้สึกโล่งใจ “แม่ก็แค่กลัวว่าลูกจะใจดีและใสซื่อเกินไปแค่นั้นเอง”
“แม่คะ หนูรู้น่า” เจียงหยุนเอ๋อรีบพูดดักซูม่านลีเพราะกลัวเธอจะพูดต่อ“สำหรับหนูตอนนี้มีแค่แม่ จุนถิงแล้วก็ลูกๆเท่านั้นที่สำคัญที่สุด”
ซูม่านลีพยักหน้าลงอย่างพอใจ“อื้ม ให้มันได้อย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกสาวแม่ ออใช่ แม่ต้มซุปไก่ไว้น่ะ ลูกไปกินด้วยกันสิ”
ทั้งสองเดินไปทานซุปไก่ด้วยกันที่ห้องทานอาหาร
ส่วนทางด้านลี่จุนถิงก็ได้รับสายเรียกเข้าจากชิงโม่