ตอนที่ 424 กองทัพสนับสนุนฉางจิงงุนงง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 424 กองทัพสนับสนุนฉางจิงงุนงง

ตอนที่ 424 กองทัพสนับสนุนฉางจิงงุนงง

สหายในฉางจิงรีบตรงไปที่โส่วอันเพื่อทำการช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยความกระตือรือร้น ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมสำหรับความตายที่กำลังเผชิญ ทว่าเมื่อไปถึง กลับไม่เกิดการสังหารนองเลือดเลยอย่างที่คิดไว้ กองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่แต่เดิมเอาแต่หลบอยู่ในที่ปลอดภัยก็ได้เริ่มทำความสะอาดสนามรบ

ส่วนศพที่เกลื่อนกลาดก็ถูกนำไปจัดการ เหลือเพียงคราบเลือดและสิ่งสกปรกบนพื้น

โส่วอันเคยล่มสลายมาครั้งหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกหวาดผวา แต่ก็ต้องกำจัดศพเหล่านี้ให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นกลิ่นคาวเลือดจะดึงดูดซอมบี้มากขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น

กองทัพสนับสนุนฉางจิงมองดูซอมบี้กลายพันธุ์สามตัวที่กำลังจะตายด้วยความงุนงง และถามเก๋อไห่ปินผู้กุมอำนาจฐานโส่วอันด้วยความตกใจว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง

ฐานโส่วอันมีพลังมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

จำได้ว่าครั้งก่อนที่คลื่นซอมบี้บุกโส่วอัน ผู้คนต่างก็วิ่งหนีกันอลหม่านและขอความช่วยเหลือไปทั่ว

เก๋อไห่ปินไม่กล้าให้เครดิตตัวเองกับสิ่งนี้

“เปล่าเปล่าเปล่า เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ จู่ ๆ ทั้งสามก็เริ่มทำร้ายตัวเอง พวกมันทำตัว เอง”

นายทหารชั้นสูงจากฉางจิงมองเขาด้วยสีหน้าไม่เชื่อ

คนแซ่เก๋อตกใจกับซอมบี้และกำลังพูดจาเหลวไหลเหรอ?

ไอคิวของซอมบี้กลายพันธุ์นั้นเกือบจะเทียบเท่าของมนุษย์ ศัตรูของพวกมันก็คือมนุษย์ พวกมันจะทำร้ายตัวเองได้ยังไง

อย่างไรก็ตาม หลังจากการสืบสวนพบว่าเป็นกรณีนี้จริง ๆ ผู้รอดชีวิตจากโส่วอันพูดเป็นเสียงเดียวกัน และสามารถบอกรายละเอียดของการทำลายตนเองของซอมบี้เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

ฝั่งนายทหารระดับสูงจากฉางจิงตกใจมากจนพูดไม่ออก เขาไม่สามารถตัดสินอย่างมีเหตุผลได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงรายงานข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับไปยังฉางจิง

เมื่อฉางจิงได้รับข่าว ทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบและไม่มีใครพูดอะไร

มันจะเป็นไปได้ยังไง…

และท้ายที่สุด ท่านผู้นำสูงสุดก็ตัดสินใจส่งซอมบี้ทั้งสามตัวไปยังเถาหยางเพื่อเป็นตัวทดลองสำรอง ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ยังมีชีวิต มีเพียงเถาหยางเท่านั้นที่สามารถกักกันมันไว้ได้

ดังนั้นในวันต่อมา ซูเถาจึงลงนามสัญญารับซอมบี้กลายพันธุ์เน่า ๆ สามตัวที่เธอทรมาน…

หลังจากได้ยินคำพูดของนายพลแห่งกองทัพสนับสนุนฉางจิง ซูเถาแสร้งทำเป็นตกใจ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมโดยกล่าวว่าเธอจะทำหน้าที่ดูแลและกักกันซอมบี้เหล่านี้ให้ดีไม่ให้หนีไปไหนได้

หลังจากนั้นกองทัพสนับสนุนที่ยังคงงุนงงอยู่ก็จากไป

หลังจากได้ซอมบี้เน่าสามตัวมา ซึ่งเสิ่นเวิ่นเฉิงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด คนที่ไม่รังเกียจซอมบี้มากที่สุดก็คือเขา อารมณ์หดหู่ก่อนหน้านี้ของเขาหายไปในทันทีและรีบเข้าสู่ห้องทดลองอย่างไม่รีรอ

“เดี๋ยวก่อน” ซูเถาหยุดเขา

เสิ่นเวิ่นเฉิงยืนนิ่ง เกาหัวตัวเองแล้วมองดูเธอ “มีอะไรเหรอ เถ้าแก่ซู”

“มันไม่มีวิธีการที่สามารถฆ่าซอมบี้กลายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยเหรอ?”

ทันทีที่ถามคำถามอย่างมืออาชีพ เสิ่นเวิ่นเฉิงก็จริงจังพร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า

“พวกมันฆ่าไม่ตาย หากพวกมันไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่ก็จะเหมือนกับเหยียนจ่ง”

ซูเถาแอบสะดุ้ง เพราะเจียงอวี่ติดตามเธออยู่ในเงา

“ความน่ากลัวของซอมบี้กลายพันธุ์ไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งของพวกมันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นอมตะด้วย ตราบใดที่ให้เวลาและมีอาหารเพียงพอ พวกมันจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ สายพันธุ์ของไวรัสนั้นถูกพัฒนาอยู่ในร่างกายของพวกมันมาหลายปีแล้ว หากต้องการฆ่าพวกมันจริง ๆ จะต้องถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อและพัฒนายาที่จะทำลายพันธุกรรมของมัน”

ซูเถาพยักหน้า แต่สิ่งที่คิดอยู่ในใจคือหากในภายหลังสามารถจับซอมบี้กลายพันธุ์ได้อีกเธอจะต้องเก็บมันเป็นความลับอีกไหม

ในเวลานั้นเถาหยางก็จะค่อย ๆ รวบรวมซอมบี้กลายพันธุ์แปลก ๆ เหมือนของสะสม…

เมื่อคิดแบบนี้ ผู้เช่าในเถาหยางค่อนข้างแข็งแกร่งทางจิตใจ มีซอมบี้กลายพันธุ์ห้าตัวแล้วในฐานทดลองที่กั้นด้วยกำแพง และพวกมันทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีผู้เช่าคนใดคืนค่าเช่า

ในความเป็นจริง สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ นานแล้วที่ผู้เช่ารู้สึกปลอดภัยมากเนื่องจากความมั่นคงของเถาหยาง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามีซอมบี้กลายพันธุ์ที่น่ากลัวอยู่ในพื้นที่ พวกเขาก็ยังเชื่อว่าเถาหยางจะไม่ปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย

นอกจากนี้ ถ้ายกเลิกค่าเช่าและไปที่อื่น ๆ ก็อาจต้องตายอย่างอนาถเมื่อเจอซอมบี้กลายพันธุ์ และสภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ดีนัก ใครก็ตามที่ยกเลิกค่าเช่าถือว่าโง่เขลา

สองวันต่อมา เสิ่นเวิ่นเฉิงก็มารายงานความคืบหน้าการวิจัยของเขาด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย

“เถ้าแก่ซู เนื่องจากการมาถึงของซอมบี้กลายพันธุ์สามตัวนั้น ความคืบหน้าของเราเพิ่มขึ้นถึง 80% มันน่าสนใจจริง ๆ ซอมบี้กลายพันธุ์เหล่านี้มีความหลากหลายมาก คุณจำซอมบี้ที่มีร่างกายท่อนล่างลีบได้ไหม ชื่อรหัสของมัน คือ ‘จี่เลี่ย’”

“จากการวิจัยของเรา มันเกิดมาพร้อมกับความบกพร่องของไขกระดูกสันหลัง และเป็นอัมพาตมานานหลายปี หลังจากติดเชื้อและกลายพันธุ์ กระดูกอ่อนจำนวนมากสามารถเติบโตบนกระดูกสันหลังบนหลังของมันได้ เวลาฆ่าคนมันจะตัดช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไป อิงจากรหัสพันธุกรรมของมัน ชิ้นส่วนของมนุษย์ที่พวกมันชอบกินก็จะเป็นไขสันหลังและอวัยวะภายใน และชิ้นส่วนเหล่านี้จะส่งเสริมให้พวกมันเติบโตได้มากขึ้น”

“เช่นเดียวกับฮว่าผี มันทรมานจากโรคทางผิวหนังที่มีภูมิต้านทานตนเองผิดปกติชนิดเรื้อรังอย่างรุนแรงตอนที่มันยังเป็นมนุษย์ และความเจ็บปวดที่แสนทรมานนี้ หลังจากการกลายพันธุ์ก็ทำให้มันชื่นชอบผิวหนังของมนุษย์และอวัยวะภายใน”

“ส่วนเหยียนจ่ง ต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะวุ้นตาเสื่อม เป็นโรคประจำตัวที่ทำให้จอประสาทตามีปัญหาในการมองเห็น…”

เมื่อซูเถาได้ฟัง ความคิดของเธอก็ล่องลอยไปไกล

ซอมบี้กลายพันธุ์เหล่านี้ป่วยก่อนที่จะตาย

ในวันสิ้นโลกแบบนี้ คนที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติที่ยังคงอยู่ในวันสิ้นโลกก็ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไม่ต้องพูดถึงคนที่ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บและความพิการทางร่างกาย

เมื่อไวรัสให้ชีวิตใหม่แก่พวกเขา ไม่เพียงแต่ปลดปล่อยพวกเขาจากความเจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขามีพละกำลังอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ซอมบี้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีพระคุณ และกลายเป็นศัตรูกับมนุษย์ที่รังแกพวกมันโดยสัญชาตญาณ

ทุกอย่างดูเหมือนจะสมเหตุสมผล

ถึงกระนั้นก็ยังมีมนุษย์ที่ยังเข่นฆ่ากันเองอยู่

ซูเถาไม่กล้าถามไปมากกว่านี้ เธอให้กำลังใจเสิ่นเวิ่นเฉิงสองสามคำแล้วส่งเขาไป

เสิ่นเวิ่นเฉิงเพิ่งจากไปไม่นาน สักพักหัวหน้าสวี่จากฉางจิงก็โทรมา

หลังจากพูดคุยไม่กี่คำ จู่ ๆ หัวหน้าสวี่ก็ถามด้วยน้ำเสียงธรรมดา “ทีมของคุณเสิ่นได้ทำการวิจัยอะไรเกี่ยวกับซอมบี้กลายพันธุ์ทั้งสามตัวหรือยังว่าทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงทำลายตัวเอง? ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยิน”

ซูเถารับรู้ถึงสิ่งล่อใจในคำพูดของเขา

เรื่องความคืบหน้าทางด้านการวิจัยจำเป็นต้องถามเธอเหรอ มีคนจากฉางจิงที่อยู่ในฐานการทดลองมากมาย ผลการวิจัยใด ๆ ก็จะต้องถูกส่งไปยังฉางจิงอยู่แล้ว

แต่หัวหน้าสวี่มุ่งเป้ามาที่เธอ

แน่นอนว่าคนมีประสบการณ์สูงอย่างเขาน่าจะสามารถคาดเดาบางสิ่งได้ด้วยเงื่อนงำเล็กน้อย

ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า

“หากฉันอยากจะบอกว่าฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลย คุณเชื่อฉันไหม”

สวี่ฉางพูดอย่างเด็ดขาด “ผมไม่เชื่อ”

ตอนแรกเขาไม่ได้คิดถึงกับซูเถาเลย สิ่งนี้แปลกและเหลือเชื่อเกินไป เพราะว่าซูเถาไม่ได้ออกจากเถาหยางเลย แต่ระหว่างการสืบสวน เขาได้ยินแม่และลูกสาวคู่หนึ่งพูดถึงฉากในตอนนั้น โดยบอกว่ามันเหมือนฝาครอบใสที่กั้นพวกเขาจากซอมบี้กลายพันธุ์ และขังพวกมันไว้ข้างใน

ในพริบตาสวี่ฉางนึกถึงโดมป้องกันของเถาหยางทันที

ผู้ที่ไม่เคยไปเถาหยางอาจไม่นึกถึง แต่เขาอยู่ที่นั่นทั้งยังอาศัยอยู่เป็นเวลานาน และอยู่กับโดมครอบป้องกันโปร่งแสงนั่นทุกวัน

โดมครอบนี้สามารถปกป้องผู้คนและยังสามารถกันซอมบี้ได้อีกด้วย