บทที่ 301 อยู่ลำพังยามค่ำคืน
เมื่อกู้เจียวกลับมายังตรอกปี้สุ่ย กู้จิ่นอวี๋ก็กลับไปแล้ว
แม่นมฝางนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด เมื่อเห็นนนางกลับมา ก็รีบเข้าไปรับนางและเล่าเรื่องที่กู้จิ่นอวี๋มาที่นี่
“ข้ารู้แล้ว” กู้เจียวพยักหน้า
แม่นมฝางสังเกตเห็นความแข็งกระด้างของนาง จึงถามด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นอะไรหรือ”
“ข้าไม่เป็นอะไร” กู้เจียวตอบ
วันนี้ไปสังเวียนประลองเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่ง กระแทกจนแขนของนางชาไปหมด ไม่เจอคู่แข่งที่น่าสนใจเพียงนี้มานานมากแล้ว
“ข้าเห็นท่าทางคุณหนูรองในวันนี้ เหมือนว่าจะสำนึกผิดจริงๆ” แม่นมฝางเอ่ยอย่างมีความนัย “นางไปเจออะไรในหมู่บ้าน ถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้”
กู้เจียวชะงักไปแล้วเอ่ยขึ้น “นางไม่ได้ไปหมู่บ้าน นางไปโรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า”
แม่นมฝางตกตะลึง “คุณหนูใหญ่…พบนางหรือ”
“อืม บังเอิญเจออยู่ครั้งหนึ่ง” กู้เจียวเล่าเรื่องที่ออกไปรักษาคนครั้งก่อนให้ฟัง
“คิดไม่ถึงว่านางจะยอมไปลำบากในที่แบบนั้นได้” จู่ๆ แม่นมฝางก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
กู้จิ่นอวี๋ก็ถือว่าเป็นเด็กที่แม่นมฝางเลี้ยงดูจนโตเช่นกัน นางไม่ได้แสร้งทำเป็นสำนึกผิด แม่นมฝางนั้นดูออก
เหมือนว่าคุณหนูรองจะสำนึกผิดแล้วจริงๆ แล้ว…คุณหนูใหญ่จะอภัยนางหรือไม่
กู้เจียวไม่ได้พูดอะไรแล้วก้าวเข้าห้องไป
เมื่อเข้าเดือนหก ฟ้าก็มืดช้าลง ตอนที่เซียวลิ่วหลังกลับมาจากสำนักฮั่นหลินนั้นฟ้ายังคงสว่างอยู่
เสี่ยวจิ้งคงพาไก่ไปเดินเล่น
กู้เจียวจัดแจงห้องให้คนป่วยอยู่ห้องข้างๆ
ก่อนที่ยายแก่จะฟื้นคืนความจำ นางให้จี้จิ่วอาวุโสทำเรือนทั้งสองให้ทะลุหากันได้ และทำหน้าต่างบนกำแพงเรือนหลัง เพื่อสะดวกแก่การปล้นเงินเก็บของจี้จิ่วอาวุโส
เซียวลิ่วหลังมาถึงเรือนหลังก็พบกู้เจียวที่กำลังหอบผ้านวมสะอาดหลายผืนเดินผ่านไป
เขาเรียกนาง “ที่บ้านมีแขกมาหรือ”
กู้เจียวตอบ “องครักษ์ลับของกู้เหยี่ยนมาน่ะ”
พวกเขาไม่เพียงมาถึงแล้ว ยังพาอวี้หยาร์มาจากหมู่บ้านเวินเฉวียนซานอีกด้วย
นี่เป็นคำสั่งของกู้เจียว
กู้เหยี่ยนอาศัยในหมู่บ้านตั้งนาน คนรับใช้ที่ไม่ถูกเขาไล่ออกมีเพียงอวี้หยาร์เพียงคนเดียว แม่นมฝางยังถูกไล่ออกไปครั้งหนึ่ง
งานในบ้านมีมากขึ้นเรื่อยๆ กู้เจียวคิดว่ามีสาวใช้ที่ฉลาดหลักแหลมไว้สักคนก็ไม่เลว
บ้านหลังนี้ไม่พออยู่ แต่ยังดีที่ข้างบ้านมีห้องว่างมากมาย
บ้านสองหลังทะลุหากันแล้วก็ถือว่าเป็นหลังเดียวกัน แม่นมฝางก็ย้ายไปอยู่ไม่ได้เบียดในห้องเดียวกับแม่นางเหยาตั้งนานแล้วเช่นกัน
เซียวลิ่วหลังก็ช่วยขนของเล็กน้อย
องค์รักษ์ลับทั้งสองปกติแล้วจะไม่เจอตัว
อวี้หยาร์อยู่ด้วยตลอด นางพบหน้าเซียวลิ่วหลังเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นจนตาแทบจะหลุด “ว้าย! นี่ท่านชายหรือ ท่านชายช่างงดงามนัก!”
กู้เจียวเอียงหน้า “อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น”
คำชมแบบเปิดเผยของอวี้หยาร์ไม่ได้ทำให้เซียวลิ่วหลังรู้สึกอะไร แต่คำพูดเรียบง่ายของกู้เจียว กลับทำให้เซียวลิ่วหลังรู้สึกใจเต้นแปลกๆ
เขากระแอมแล้วเอ่ยขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ข้าไปดูจิ้งคงก่อนว่ากลับมาหรือยัง”
พูดจบ ก็เดินออกไปทันใด
เมื่อดูท่าทางการเดินอันประหลาดของเขาแล้ว อวี้หยาร์ก็เข้ามาเอ่ยถามกู้เจียวด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย “แต่ว่าคุณหนู เหตุใดท่านชายตอนเดินถึงได้มือเท้าไปด้านเดียวกันเช่นนั้นเล่า”
วันนี้ไม่ต้องไปเรียนงานฝีมือ กู้เหยี่ยนกลับมาจากสำนักบัณฑิตชิงเหอก็ได้เจอกับองครักษ์ลับและอวี้หยาร์ที่ไม่ได้พบกันมานาน
“ท่านชาย! ยังจำบ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ” อวี้หยาร์ถามอย่างตื่นเต้นดีใจ
เขาแทบจะจำชื่อของอวี้หยาร์ไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้วอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น “โต้วหยาหรือ”
อวี้หยาร์หน้าเสียในทันใด
ไม่นานทุกคนก็กลับมากัน เมื่อกินข้าวเสร็จ เซียวลิ่วหลังก็ตรวจการบ้านให้เด็กๆ ตามเคย
เขาไม่เคยนำเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักฮั่นหลินกลับบ้านมาด้วย เขาพยายามข่มอารมณ์ของตนไว้ สอนเสี่ยวจิ้งคงที่เถียงเขาตลอดเวลาและกู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นที่ใจลอยทั้งคืนด้วยความอดทน
ในยามค่ำคืน ทุกคนต่างก็พักผ่อนกันแล้ว เขาจึงได้หยิบตำราโบราณเล่มนั้นออกมาเรียนสูตรที่เขียนไว้ในนั้นต่อ
กู้เจียวผลักประตูที่แง้มไว้เบาๆ “เข้าไปได้หรือไม่”
“เข้ามาสิ” เซียวลิ่วหลังตอบ
กู้เจียวผลักประตูแล้วเข้าห้องไป ในมือถือเม็ดบัวต้มมาด้วย อากาศร้อน เม็ดบัวต้มถ้วยนี้ใช้น้ำในบ่อทำให้เย็น กินแล้วสดชื่นคลายร้อน
เซียวลิ่วหลังสวมใส่ชุดนอนบางๆ เนื่องจากเหงื่อออกเล็กน้อย เสื้อผ้าจึงแนบกับตัว และเห็นเป็นส่วนโค้งเว้าตามรูปร่างโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายของหนุ่มน้อยเผยความเป็นชายหนุ่มออกมาและผนวกกันได้อย่างลงตัว
สายตาของกู้เจียวตกกระทบบนร่างของเขา
เซียวลิ่วหลังกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ย “ดึกแล้ว เหตุใดจึงยังไม่นอน”
กู้เจียววางต้มเม็ดบัวไว้ข้างมือเขา “ต้มเม็ดบัว”
เซียวลิ่วหลัง “เจ้ากินหรือยัง”
กู้เจียวส่ายหน้า
เซียวลิ่วหลัง “เช่นนั้นเจ้าจะ…”
จะอะไร
กินด้วยกันหรือ
หรือว่าเจ้ากินก่อน
มีแค่ถ้วยเดียว ช้อนคันเดียวเสียด้วย
“เจ้ากินเถิด” เซียวลิ่วหลังผลักถ้วยไปไว้ตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว
กู้เจียวนั่งลงตรงหน้าเขา เอามือเท้าคางแล้วมองเขา “ข้าไม่กิน ทำให้เจ้ากิน”
เซียวลิ่วหลังจะปฏิเสธอีกก็คงไม่เหมาะเท่าไร
เขาชะงักไปสักครู่ แล้วยกถ้วยขึ้นมาตักชิม
ไส้เม็ดบัวที่มีรสขมถูกแกะออกไป ใส่ใบสะระแหน่และน้ำตาลจากดอกหอมหมื่นลี้ลงไป เย็นสดชื่น หวานแต่ไม่เลี่ยน
“อร่อยหรือไม่” กู้เจียวถาม
“อร่อย” เขากล่าว
กู้เจียวยกมุมปาก
เซียวลิ่วหลังกินต้มเม็ดบัวจนหมดถ้วย กู้เจียวก็เท้าคางมองดูเขาอยู่ตลอด
ที่จริงแล้วเพราะอากาศร้อน นางก็ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเช่นกัน
ด้านนอกชุดนอนคลุมด้วยเสื้อฤดูร้อนตัวบาง สองเดือนมานี้นางไม่ได้สูงขึ้นเท่าไร แต่รูปร่างผอมบางมากขึ้นกว่าเดิมนัก
เซียวลิ่วหลังสาบานได้ว่าตนไม่ได้แอบมองอะไร แต่นางนั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขากวาดสายตามองเห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจ…
ปกเสื้อกู้เจียวเปิดออกเล็กน้อย ลายเสื้อชั้นในสีชมพูโผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อย
เดิมทีเป็นการแต่งตัวปกติทั่วไป แต่เมื่อเห็นท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนจึงดูดึงดูดและอ่อนโยนเป็นเพิเศษ
“เหตุใดเจ้าถึงได้เหงื่อไหลเช่นนี้” กู้เจียวเอียงหน้าถาม “เม็ดบัวต้มไม่เย็นพอหรือ”
กินของเย็นยังเหงื่อไหลได้ ก็แปลกจริงอย่างว่า เซียวลิ่วหลังไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาอธิบาย เขาเหงื่อไหลอย่างเดียวเสียที่ไหน ใจก็เต้นเร็วขึ้นด้วย
ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกระหว่างชายหญิง เป็นอาการของผู้ชายล้วนๆ
ดึกดื่นค่ำคืน ชายหญิงอยู่ตามลำพัง นางก็อ่อนโยนปานนั้นอีก…
แม้นางจะเหมือนแมวขี้โมโหตัวหนึ่ง แต่ยามนี้นางดูเย้ายวยยิ่งนัก…
ขณะที่เซียวลิ่วหลังกระอักกระอ่วนไม่รู้จะตอบอย่างไรนั้น จู่ๆ กู้เจียวก็ลุกขึ้น เอนกายเข้าหาเขาโดยมีโต๊ะกั้นกลางอยู่
ระยะห่างใกล้เข้ามาทันใด ลมหายใจอันร้อนผ่าวและความหอมของนางปะทะเข้ากับจมูก ลายเสื้อชั้นในสีชมพูนั้นเคลื่อนเข้ามาอยู่ตรงหน้า
เขารีบหลับตาทันใด แต่เลือดยังคงสูบฉีดขึ้นกลางหัวอยู่ดี
กู้เจียวเช็ดเหงื่อให้เขาเบาๆ
เขายังคงไม่กล้าลืมตา
ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินกู้เจียวหัวเราะเบาๆ ต่อจากนั้น เสียงเสียดสีกันของผ้าก็ลอยมา “ดึงเสื้อเสร็จแล้ว ลืมตาได้แล้ว”
คำพูด…นี้!
เซียวลิ่วหลังจะลืมตาก็ไม่ได้ จะหลับตาต่อก็ไม่ควร!
กู้เจียวหัวเราะเสียงดัง
หากมิใช่เพราะกลัวจะทำเสี่ยวจิ้งคงตื่น นางคงหัวเราะออกมาเสียงดังกว่านี้
เซียวลิ่วหลังรออยู่นานก็ยังรู้สึกว่าเงาดำตรงหน้ายังไม่หายไป ยังคงรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมและลมหายใจของนางอยู่
เขาเป็นผู้ชายปกติทั่วไป ดึกดื่นค่ำคืน มีหญิงสาวมาใกล้ชิดกับเขาเช่นนี้ เขาจะไม่สั่นไหวก็คงเป็นไปไม่ได้
เขาสูดหายใจเข้าลึก “เจ้า…”
เขาอยากพูดว่า เจ้ารีบกลับห้องไปพักผ่อนเสีย
แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ได้ยินนางเอ่ย “เจ้าดูสิ นอกหน้าต่างนั่นอะไรน่ะ”
เขาหันหน้าไป แล้วลืมตามองนอกหน้าต่างที่มีเงาจันทร์ร่ายรำอยู่
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“ไม่มีอะไรนี่…” เขาพูดพลางหันหน้ากลับมา
เวลานี้เอง กู้เจียวเอามือค้ำโต๊ะแล้วเอนกายไปข้างหน้า
ตอนเซียวลิ่วหลังหันหน้ากลับมาก็เห็นท่าทางของกู้เจียวแล้ว แต่เขาอยากจะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว
“เจียวเจียว~”
เสียงออดอ้อนของเสี่ยวจิ้งคงลอยมาจากด้านในมุ้งอย่างกะทันหัน
กู้เจียวรีบถอยกลับไปทันใด!
ริมฝีปากของเซียวลิ่วหลังปะทะเข้ากับอากาศ
ตอนหลบไม่ได้ก็อยากจะหลบ พอหลบได้จริงกลับ…
กู้เจียวมายังข้างเตียง นางเปิดมุ้งออก เสี่ยวจิ้งคงยังไม่ตื่น แต่เหมือนอยากเข้าห้องน้ำ เห็นเอามือจับก้นเอาไว้ “เจียวเจียว…”
“ข้าเอง” เซียวลิ่วหลังเดินเข้ามา อุ้มเด็กน้อยที่กึ่งหลับกึ่งตื่นไปเข้าห้องน้ำที่เรือนหลัง
เรื่องบางอย่าง หากถูกขัดจังหวะ จะต่อก็ต่อไม่ติดแล้ว
เซียวลิ่วหลังวางเจ้าเด็กน้อยลงบนเตียง อากาศร้อนมาก เสี่ยวจิ้งคงใส่เพียงเสื้อชั้นในสีแดงเพียงตัวเดียวนอนแผ่อยู่บนเสื่อ
เซียวลิ่วหลังปิดมุ้งแล้วเอ่ยกับกู้เจียว “นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนเถิด”
กู้เจียวขานรับ หยิบถ้วยออกไปล้างแล้วกลับไปยังห้องของตัวเอง
ในหัวของเซียวลิ่วหลังมีภาพที่ไม่ควรมีแล่นผ่านอยู่เป็นระยะ เขาพยายามอย่างมากกว่าจะสงบจิตสงบใจได้
เขาบังคับตนเองให้อ่านหนังสืออยู่ครึ่งชั่วยาม เดิมนึกว่าจะชำระล้างจิตใจให้สงบได้แล้ว แต่เมื่อวางหนังสือลง ความคิดที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ตลบฝุ่นกลับเข้ามาดังเดิม